โคตรดูถูกฟุตบอลทีมชาติไทย! ส.บอลควรอับอาย!

ผมพยายามเขียนงานชิ้นนี้อย่างข่มอารมณ์อย่างมาก

มันโมโห คับแค้นใจ ร้อนรุ่มเหมือนไฟเผาอยู่ในอก ยิ่งความรู้สึกระหว่างเกมและหลังจบเกมใหม่ๆ ด้วยมันยิ่งอยู่ในระดับเจ็บชิบหาย โกรธชิบหาย สมเพชชิบหาย

ผมคิดว่าเราทุกคนก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน

แต่ทุกความรู้สึกเลวร้ายที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เกี่ยวกับ มาโน่ โพลกิ้ง และนักฟุตบอลของเขาชุดนี้เลย

ไม่เกี่ยวกับความพ่ายแพ้แปดศูนย์ในเกมนี้เลย

ไม่มีใครโทษนักเตะชุดนี้ ไม่มีใครโทษมาโน่ ไม่มีใครสักคนที่จะบอกว่าถ้าเป็นทีมชุดใหญ่เราจะชนะหรือทำได้ดีกว่านี้แน่ๆ

เพราะเราเข้าใจดีว่าอะไรเป็นอะไร ฟุตบอลมาตรฐานต่างกันสู้กันไม่ได้ เราเข้าใจ เกมนี้ต่อให้มีเจ มีตังค์ มีอุ้ม มีมุ้ย มีเช็ก มีแบงค์ มีบุ๊ค เราก็อาจจะยังแพ้จอร์เจีย 4-5 ลูก มันเป็นไปได้

ไม่ใช่เราไม่เข้าใจ เราเข้าใจและยอมรับได้ เราโตพอ

กองเชียร์ของทุกๆ สโมสรเชียร์ทีมตัวเองขาดใจเมื่อลงเตะ ดุดันใส่กัน ตะโกนด่ากัน แต่เมื่อถึงเกมทีมชาติทุกคนกลายเป็นพวกเดียวกัน เป็นกองเชียร์ทีมชาติไทยด้วยกัน จากหมื่นจากแสนก็รวมเป็นหนึ่ง เป็นหัวใจดวงเดียวกัน

ในเกมฟีฟ่าเดย์ที่มีโอกาสงดงามที่สุดกับการได้เตะกับทีมอย่างจอร์เจียและเอสโตเนียถึงบ้านเขา ประสบการณ์เข้มข้นกับเกมที่คู่ต่อสู้จริงจังแบบนี้ มันจะมีประโยชน์มากมายต่อทีมชาติไทยในอนาคตทั้งใกล้และไกล

อนาคตใกล้ๆ เลยก็รออยู่แค่เดือนหน้านี้เอง เกมคัดบอลโลก 2 นัดแรกรออยู่ การที่นักเตะตัวหลักของเราได้ลับแข้งกับ 2 ทีมยุโรปนี้ ได้รับมือกับจอร์เจียที่เป็นทีมดาวรุ่งของทวีปมีนักเตะดีๆ หลายคนมันมีผลดีมากกว่าผลเสียมากมาย

อนาคตไกลกว่านั้น พวกเขาจะได้รู้จักเรามากขึ้น และเราอาจมีโอกาสได้ไปเตะเกมระดับนี้บ่อยขึ้นก็ได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้กลับกลายเป็นว่าเราทำให้เขารู้จักทีมชาติไทยในฐานะของทีมที่เหยาะแหยะไม่จริงจัง ดูถูกเขาด้วยการส่งนักเตะชุดสองไปเล่น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม

ไม่มีอะไรน่าอาย ทั้งมาโน่ ทั้งนักฟุตบอลชุดนี้ไม่ต้องอาย มองในมุมที่เป็นประโยชน์ก็นักเตะชุดสองของเราชุดนี้นั่นแหละที่ได้ประสบการณ์ แต่ที่ควรอายคือเรื่องการจัดการที่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น 

สมาคมฟุตบอลควรอับอายกับการทำอะไรไม่ได้เลย ปล่อยให้สโมสรครอบงำทีมชาติตามใจชอบจนตัวเองกลายเป็นตัวตลก ไม่มีความน่าเชื่อถือใดๆ เหลืออยู่อีก

กลัวนักเตะมีเวลาพักน้อย? นักเตะละตินอเมริกาก็เดินทางข้ามทวีปไปรับใช้ชาติแล้วกลับมาเล่นให้สโมสรด้วยเวลาพักเล็กน้อยเหมือนกัน

เห็นใจสโมสร? แล้วฟีฟ่าเดย์ต้องเห็นใจสโมสร ไม่ต้องเห็นใจทีมชาติใช่ไหม ช่วงที่ไม่ใช่ฟีฟ่าเดย์ก็ให้เห็นใจ นี่ช่วงฟีฟ่าเดย์ก็ยังจะให้มาเห็นใจอีกหรือ

เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับความเห็นใจ ฟีฟ่าเดย์มีความสำคัญของมันอยู่ นักเตะแมนฯ ซิตี้ ลิเวอร์พูล บาร์เซโลน่า เรอัล มาดริด บาเยิร์น มิวนิค ไปเตะทีมชาติแล้วเจ็บกลับมาก็บ่อย เงินชดเชยจากฟีฟ่ามันไม่คุ้มหรอก แต่นี่คือเกมทีมชาติชุดใหญ่ที่เป็นฟีฟ่าเดย์ไง เราไม่รู้หรอกว่าหวยจะไปออกที่ใคร และนั่นคือสิ่งที่สโมสรต้องแบกรับความเสี่ยงเอาในเมื่อมันเป็นกฎของฟีฟ่าและโลกนี้ยังมีเกมทีมชาติให้เตะ

ไม่มีฟุตบอลโลก ไม่มีฟุตบอลยูโร ไม่มีฟุตบอลระดับทีมชาติทั้งหลาย หรือมีการเปลี่ยนกฎเรื่องนี้เมื่อไหร่ค่อยมาพูดเรื่องเห็นใจสโมสรในฟีฟ่าเดย์

แล้วมันก็ยังไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องโปรแกรมเตะคัดบอลโลกที่ว่าเราจะเจอทีมในเอเชียแล้วจะไปนัดเตะกับทีมยุโรปทำไมด้วย ถ้าคิดอย่างนั้นต่อไปก็ไม่ต้องเตะกับทีมยุโรปหรืออเมริกาใต้แม้โอกาสจะมากองตรงหน้าแล้วเพราะปกติเราก็มีทัวร์นาเม้นต์แข่งแค่กับคู่แข่งในทวีป

รายการที่ไม่ใช่ช่วงฟีฟ่าเดย์สโมสรไม่ปล่อยนักเตะยังเข้าใจได้ แต่คราวนี้เราทุกคนได้เห็นกันชัดว่าอะไรเป็นอะไร

ดูสิ่งที่เราทำกับโอกาสครั้งนี้สิครับ ดูการดูถูกมันของตัวเราเอง

ไม่ใช่สิ.. ไม่ใช่ตัวเราแฟนบอล เราไม่ได้คาดหวังที่จะเห็นความผิดปกติแบบนี้

สโมสรมีสิทธิ์อะไรมาขโมยนักเตะที่ดีที่สุดของพวกเราไปในเกมที่ต้องต่อสู้จริงจังตามปฏิทินที่ฟีฟ่ารับรองให้ มีคะแนนสัมประสิทธิ์จากผลการแข่งขันให้

ถ้าไม่ใช่ฟีฟ่าเดย์ คุณจะทำอะไรก็ได้ตามใจเลย มีคนสนับสนุนคุณด้วยซ้ำ แต่เมื่อเป็นฟีฟ่าเดย์ คุณก็รู้ว่ามันหมายถึงทีมชาติ คุณจะยังทำอะไรตามใจตัวเองได้อย่างไร แล้วอย่างนั้นจะมีฟีฟ่าเดย์สำหรับทีมชาติชุดใหญ่ให้เตะกันไปทำไม

ยิ่งกับเกมที่เป็นโอกาสดีๆ อย่างนี้และเป็นเกมที่ใช้เป็นการเตรียมความพร้อมขั้นสุดท้ายก่อนทำศึกคัดบอลโลกเดือนหน้าแบบนี้ คุณไม่เสียดายแทนทีมชาติหรือ ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจอะไรเลยหรือ หรือว่าเป็นความหวังดีกับทีมชาติกลัวว่านักเตะตัวหลักจะเจ็บยาวกลับมาจนช่วยทีมไม่ได้ในเกมคัดบอลโลกเดือนหน้า ถ้าเป็นเหตุผลนั้นก็ต้องขอยกย่องในการมองการณ์ไกลของคุณ

ส่วนสมาคมฟุตบอลฯ พวกคุณประทับชื่อ "แห่งประเทศไทย" ต่อท้ายแท้ๆ ได้กางปีกปกป้องอะไร มาโน่ โพลกิ้ง โค้ชทีมชาติไทยจากฟีฟ่าเดย์คราวนี้บ้าง

สิ่งที่ผมและทุกคนเห็นคือ มาโน่ โพลกิ้ง โคตรจะเดียวดายเลย เราไปเตะกับทีมระดับยุโรปด้วยความพร้อมแบบไหนดี เขาจำเป็นต้องใช้ 2 เกมนี้เพื่อเตรียมตัวสำหรับฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2 นัดในเดือนหน้าแท้ๆ แต่ดูสิว่าเขามีสิทธิ์เรียกใครมาติดทีมได้บ้าง

สิ่งที่สมาคมฯ ต้องทำคือสนับสนุนการเลือกนักเตะของเขา ต้องหนุนหลังเขา ต้องการันตีกับเขาว่าคุณเลือกคนที่คุณต้องการได้เต็มที่เลย มีปัญหาอะไรเราเคลียร์ให้เอง กฎฟีฟ่าอยู่ข้างเราไม่ต้องกลัว คุณต้องกางปีกปกป้องเขา ต้องทะเลาะกับสโมสรให้ ต้องตบตีกับผู้จัดการทีมทั้งหลายให้ เพื่อให้เขาซึ่งเป็นโค้ชทีมชาติได้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุด

คุณได้ทำอย่างนั้นไหม..

ดูเอาเถิดครับว่า "มาโน่" นั้นต้อง "ลำพัง" แค่ไหน แต่เขาก็สู้อย่างลูกผู้ชาย ไม่ปริปากโทษใครหรืออ้างอะไร

และถ้าสมาคมฯ จะใช้ผล 0-8 นี้โยนให้ "มาโน่" เป็นแพะรับบาปด้วยการปลดเขาออกจากตำแหน่ง พูดได้เลยว่าศรัทธาที่ย่ำแย่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วจะยิ่งต่ำเตี้ยหนักลงไปอีก

ถ้าเรื่องมันจะโอละพ่อกลายเป็นมาโน่เลือกทีมชุดนี้ด้วยตัวเองร้อยเปอร์เซนต์โดยไม่มีอำนาจใดๆ มาบีบบังคับผมก็คงต้องยอมศิโรราบ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็จะรอฟังคำอธิบายจากเขา แต่ผมคิดว่าเราต่างก็รู้อยู่ว่าอะไรเป็นอะไร

กับฟีฟ่าเดย์ที่น่าเศร้าคราวนี้ เราควรจะรู้สึกว่าเราเป็นตัวอะไรดีครับ เขาทำกับเราเหมือนเราเป็นคนโง่ อยากทำอะไรก็ทำได้เลยตามใจชอบ

โคตรดูถูกแฟนบอลเลย และที่ยิ่งไปกว่านั้น โคตรดูถูกทีมชาติเลย ทีมชาติไทยของเราทุกคนนี่แหละ 

ทีมชาติที่ได้รับความสำคัญน้อยกว่าสโมสรเสียอีก..

ตังกุย


ที่มาของภาพ : -
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport