น้องใหม่บอลโลก

น้องใหม่บอลโลก
ฟุตบอลโลก ได้ต้อนรับทีมหน้าใหม่ทีมที่ 81 กับ 82..

อุซเบกิสถาน กับ จอร์แดน

ยังไม่รู้ว่า เวิลด์คัพ 2026 นี้จะมีสมาชิกใหม่ที่ยังไม่เคยสัมผัสฟุตบอลโลกมาก่อนได้ไปเล่นในรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกอีกกี่ทีมเหมือนกันนะครับ ถ้าให้เดาก็น่าจะมีเพิ่มอีก ด้วยความที่โควต้าทีมในรอบสุดท้ายเพิ่มขึ้นนั่นแหละ

จาก 32 ทีม เป็น 48 ทีม.. เพิ่มขึ้นรวดเดียว 50 เปอร์เซนต์หรือครึ่งหนึ่ง เดิม 32 เพิ่มอีก 16 เป็น 48

โควต้าตั๋วของโซนต่าง ๆ เองก็เลยขยับพรวดพราดอย่างที่เห็น ยุโรปจาก 13 ทีมเป็น 16 ทีม แอฟริกาจาก 5 ทีมเป็น 9.5 ทีม เอเชียจาก 4.5 ทีมเป็น 8.5 ทีม คอนคาเคฟจาก 3.5 ทีมเป็น 6.5 ทีม คอนเมโบลจาก 4.5 ทีมเป็น 6.5 ทีม โอเชียเนียจาก 0.5 ทีมเป็น 1.5 ทีม

ตั๋วจากเกมเพลย์ออฟ มีให้อีก 2 ใบ

ฉะนั้นนอกจาก อุซเบกิสถาน กับ จอร์แดน แล้ว เราก็อาจจะได้เห็นน้องใหม่ชาติอื่น ๆ เกิดขึ้นเช่นกัน

เคปเวิร์ด ซูดาน โมซัมบิก นามิเบีย โคโมโรส จากแอฟริกา

เกรนาดา คูราเซา นิคารากัว สุรินัม จากคอนคาเคฟ (อเมริกาเหนือ อเมริกากลาง และแคริบเบียน)

เวเนซุเอล่า หนึ่งเดียวจากอเมริกาใต้ที่ยังไม่เคยไปบอลโลก

นิวคาเลโดเนีย จากโอเชียเนีย

ยุโรปอีกเพียบ หรือ โอมาน ปาเลสไตน์ อินโดนีเซีย ก็เป็นหนึ่งในนั้น (ทีมอิเหนาเพื่อนบ้านเราเคยไปฟุตบอลโลก 1938 แต่ในฐานะทีมดัตช์อีสต์อินดีสยุคที่อินโดนีเซียยังอยู่ภายใต้การปกครองของเนเธอร์แลนด์)

ฟุตบอลโลกไม่เคยขาดทีมหน้าใหม่.. 22 ครั้งที่ผ่านมาจะดีจะแย่ก็ต้องมีอย่างน้อยสัก 1 ทีมที่ได้เข้ารอบสุดท้าย อังกฤษปี 1950 สโลวาเกียปี 2010 บอสเนีย แอนด์ เฮอร์เซโกวีน่าปี 2014 และกาตาร์ปี 2022 หรือบางสมัยทะลุไปถึง 4-5 ทีม

ฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมันมีทีมหน้าใหม่ถึง 6 ทีม แองโกล่า, ไอวอรี่โคสต์, กานา, โตโก, ตรินิแดด แอนด์ โตเบโก และ ยูเครน

การเข้ารอบสุดท้ายของ อุซเบกิสถาน และ จอร์แดน ทำให้ฟุตบอลโลกยังคงเป็นทัวร์นาเม้นต์ที่มีน้องใหม่ไปโชว์ตัวในรอบสุดท้ายอยู่เสมอ และมาลุ้นกันว่า เวิลด์คัพ 2026 นี้สุดท้ายแล้วจะมีทีมหน้าใหม่กี่ทีม

--------------------

กับ อุซเบกิสถาน และ จอร์แดน.. ทั้ง 2 ทีมต่างก็มีเรื่องราวน่าสนใจ

อุซเบกิสถาน เคยทำท่าว่าจะเป็นมหาอำนาจในภูมิภาคเอเชียหลังจากประเดิมทัวร์นาเม้นต์แรกในฐานะสมาชิกใหม่สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) ก็กระชากเหรียญทองเอเชียนเกมส์ที่ฮิโรชิม่าเมื่อปี 1994 ไปคล้องคอได้เลย

การได้เหรียญทองในครั้งนั้นของขุนพลทูราเนียนเขย่าวงการลูกหนังเอเชียไม่น้อยด้วยผลงานที่เหนือกว่าทีมอื่นชัดเจน ฟุตบอลอุซเบ็กก็มาตรฐานน้อง ๆ โซเวียตดี ๆ นี่เอง ซาอุดีอาระเบียมหาอำนาจของทวีปถูกถล่มเละ 1-4 ไทย กับ มาเลเซีย เจอไปทีมละ 5 ลูก (ไทยแพ้ 4-5 มาเลเซียแพ้ 0-5) เติร์กเมนิสถานทีมร่วมสายเลือดโซเวียตเก่าโดนไป 0-3

เกาหลีใต้ที่มีนักเตะ 9 คนจากชุดฟุตบอลโลกที่สหรัฐฯ ก็ยังไม่รอดในการพบกันรอบตัดเชือก (1-0) หรือนัดชิงจีนก็ถูกกระทุ้งไปเบาะ ๆ 4 ประตู (4-2)

เปิดตัวด้วยมาตรฐานแบบนี้ ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจะไปไหนเสีย..

แต่จนแล้วจนรอด อุซเบกิสถาน ก็ยังไม่ได้ไปลุยฟุตบอลโลกสักที เต็มที่ก็ได้แค่เกือบ โดยเฉพาะการตกรอบเพลย์ออฟ 2 ครั้ง แพ้กฎประตูทีมเยือนครั้งนึง (บาห์เรน คัดบอลโลก 2006) แพ้จุดโทษอีกครั้งนึง (จอร์แดน คัดบอลโลก 2014)

อุซเบกิสถานตกม้าตายอยู่บ่อย ๆ หลายครั้งเริ่มต้นภารกิจในเกมคัดบอลโลกหรูหรา ชนะรวด 4 เกมแรกก็มี ชนะ 5 จาก 6 เกมก็มี แต่พอผ่านเข้ารอบต่อไปเจอพวกหัวกะทิในรอบ 10 ทีมสุดท้ายหรือ 12 ทีมสุดท้ายก็จอดป้ายที่ตรงนั้นประจำ หลายคราวผลงานแย่แบบไม่ได้ลุ้น

ไม่มีภาพของทีมที่น่าเกรงขามแห่งฮิโรชิม่าเกมส์ 1994 ให้เห็น นับไปนับมาก็ 3 ทศวรรษเข้าไปแล้ว

ตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกโซนเอเชีย 7 สมัยซ้อน ส่วนใหญ่ก็จะไปถึงรอบคัดเลือกรอบสุดท้ายนั่นแหละครับ แต่หนล่าสุดเมื่อ 4 ปีก่อนในคัดบอลโลก 2022 หนักขนาดร่วงตั้งแต่รอบคัดเลือกรอบสอง ไปไม่ถึงรอบ 12 ทีมสุดท้ายด้วยซ้ำ

ศึกชิงแชมป์เอเชียถ้วย เอเชียน คัพ ก็ยังไม่เคยไปถึงนัดชิง ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นส่วนใหญ่ เอเชียนเกมส์ก็ไปไม่ถึงเหรียญทองอีกเลย

กับฟุตบอลโลก 2026 อุซเบกิสถานเริ่มต้นด้วยความหวังที่เรืองรองยิ่งขึ้น ด้วยโควต้าที่เพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 4.5 ทีมเป็น 8.5 ทีม

ขณะที่มาตรฐานของทีมก็สามารถมองเห็นอนาคตจริง ๆ จัง ๆ จากผลงานของชุดยู-23 ที่ได้ไปโอลิมปิกเป็นครั้งแรกในปารีส 2024 และยังเข้าชิงศึกยู-23 เอเชียน คัพ 3 จาก 4 สมัยหลังสุด (อีกครั้งก็ยังเข้าถึงรอบตัดเชือก)

ทุกอย่างปูทางมาสู่ความสำเร็จในครั้งนี้ นักเตะเกือบครึ่งทีมเล่นฟุตบอลในต่างประเทศ อับดูโกดีร์ คูซานอฟ กองหลังวัย 21 ไปไกลถึงแมนเชสเตอร์ ซิตี้, เอลดอร์ โชมูโรดอฟ ดาวยิงสูงสุดของทีมชาติค้าแข้งกับโรม่า, รุสตาม อาชูร์มาตอฟ กองหลังวัย 28 จากรูบิน คาซาน

จาโลลิดดิน มาชาริปอฟ กองกลางวัย 31 จากเอสเตกัลในอิหร่าน, อีกอร์ เซอร์เกเยฟ กองหน้าวัย 32 เคยเล่นในยูเออี คาซัคสถาน รวมทั้ง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด บ้านเราก่อนกลับบ้านไปอยู่กับปักตากอร์

อับโบสเบ็ก ฟายซุลลาเยฟ กองกลางวัย 21 อีกคนที่แฟนบอลบ้านเรารู้จักดีจากฟอร์มสุดยอดในวันน็อกทีมช้างศึกตกรอบเอเชียน คัพเมื่อ 2 ปีก่อน ไปเล่นกับ ซีเอสเคเอ มอสโก รักษาเนื้อรักษาตัวดี ๆ อาจไปไกลกว่าลีกรัสเซีย

จากที่ได้แค่เกือบและตกม้าตายอยู่เป็นประจำ ในที่สุดอุซเบกิสถานก็ก้าวข้ามกำแพงฟุตบอลโลกได้สำเร็จ อันที่จริงคนที่สร้างประวัติศาสตร์ในครั้งนี้น่าจะเป็น สเร็ชโก้ คาตาเน็ช ที่พาทีมผ่านฉลุยในรอบคัดเลือกรอบสอง และยังรั้งรองจ่าฝูงตามหลังอิหร่านแค่ 3 คะนนหลังผ่าน 6 เกมแรกในรอบ 18 ทีมสุดท้ายกลุ่ม A

แต่ปัญหาสุขภาพทำให้อดีตกุนซือผู้พาสโลวีเนียไปลุยยูโร 2000 และฟุตบอลโลก 2002 ต้องลาออกจากตำแหน่งและอำลาวงการฟุตบอลเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

สมาคมลูกหนังอุซเบกิสถานเลือก ตีมูร์ คาปัดเซ่ อดีตกองกลางทีมชาติยุคทศวรรษ 2000 ในวัย 43 ปีที่พาทีมชุดยู-23 ได้รองแชมป์เอเชีย 2 สมัยล่าสุดและไปโอลิมปิกที่ปารีสขึ้นมารับงานต่อ และคาปัดเซ่ก็พาทีมประคองสถานการณ์คว้าตั๋วประวัติศาสตร์ได้ในที่สุด

อุซเบกิสถานพยายามมา 30 ปีกว่าจะไปถึงจุดที่หลายคนมองว่าพวกเขาควรจะไปถึงตั้งนานแล้ว

แต่มาช้าก็ยังดีกว่าไม่มา หมาป่าขาวทูราเนียนไปถึงฟุตบอลโลกแล้วจริง ๆ

-------------------

กับจอร์แดน พวกเขาพยายามมานานยิ่งกว่าในการไปฟุตบอลโลก

ทีมเกือบจะสุดชายขอบเอเชียตะวันตกติดกับแอฟริกาเริ่มต้นความฝันไปบอลโลกเป็นครั้งแรกในเวิลด์คัพ 1986 มีพัฒนาการที่ดีในช่วงกลางทศวรรษ 1990 ถึงกลางทศวรรษ 2000 ที่ขึ้นไปถึงอันดับ 37 ของโลก แต่ก็ตกรอบคัดเลือกมาตลอด

เคยใกล้ฟุตบอลโลกที่สุดในยุคที่ ฮอสซัม ฮัสซัน ตำนานกองหน้าทีมชาติอียิปต์ทำทีม จอร์แดนผ่านอุซเบกิสถานด้วยการชนะจุดโทษในเกมเพลย์ออฟโซนเอเชีย ได้เป็นตัวแทนของทวีปไปเตะเพลย์ออฟชิงตั๋วใบสุดท้ายกับคู่แข่งจากโซนอื่น

น่าเสียดายที่โปรแกรมเตะเพลย์ออฟคัดบอลโลก 2014 คราวนั้น เอเชีย ไม่ได้เจอกับ โอเชียเนีย แต่ไปชนกับกระดูกขัดมันอย่างอุรุกวัยจากอเมริกาใต้ (นิวซีแลนด์ ตัวแทนโอเชียเนียเตะเพลย์ออฟแพ้เม็กซิโกตัวแทนคอนคาเคฟ)

ด้วยลำหักลำโค่นและกระดูกบอลที่ต่างกันมาก แค่เกมแรกที่กรุงอัมมาน จอร์แดน ก็ถูก อุรุกวัย ที่มีทั้ง ดีเอโก้ ฟอร์ลัน, หลุยส์ ซัวเรซ, เอดินสัน คาวานี่, ดีเอโก้ โกดิน และขุนพลตัวฉกาจคนอื่น ๆ ของ ออสการ์ วอชิงตัน ตาบาเรซ บุกมาถล่ม 5-0 ไม่เปิดโอกาสให้ลุ้นอะไรต่อเลยในเกมที่สอง

ฟุตบอลของจอร์แดนมาดีขึ้นอย่างน่าจับตามองในช่วง 3-4 ปีหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ ฮุสเซน อัมมูต้า อดีตกองกลางทีมชาติโมร็อกโกยุคทศวรรษ 1990 เข้ามาทำทีมเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2023

อัมมูต้าพาทีมตะลุยบนเส้นทางมหัศจรรย์ เอเชียน คัพ 2023 (เตะต้นปี 2024) เริ่มต้นแบบที่ไม่มีใครจับตามองเหมือนที่ผ่าน ๆ มา กระท่อนกระแท่นในรอบแรกเตะ 3 นัด ชนะ-เสมอ-แพ้ อย่างละเกม เข้ารอบหวุดหวิดในฐานะ 1 ใน 4 ทีมอันดับสามที่ผลงานดีที่สุด

แต่เมื่อเข้ารอบน็อกเอ๊าต์ ก็ไม่มีใครหยุดจอร์แดนได้อยู่ ยาซาน อัล-ไนมัต กองหน้าคนเก่งที่เล่นฟุตบอลอาชีพในกาตาร์ท็อปฟอร์มยิงต่อเนื่อง ผนึกกำลังกับคนอื่น ๆ อย่าง มูซ่า อัล-ทามารี่, มาห์มูด อัล-มาร์ดี, นิซาร์ อัล-ราชดาน ลงตัว

สร้างปาฏิหาริย์ยิงนาที 90+5 กับ 90+7 แซงชนะ อิรัก 3-2 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เฉือน ทาจิกิสถาน ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย และผลงานชิ้นโบแดงกด เกาหลีใต้ 2-0 เขี่ยทีมโสมขาวตกรอบตัดเชือก ก่อนไปแพ้ กาตาร์ เจ้าถิ่นในนัดชิง

บอลโลก 2026 รอบคัดเลือกเสียบเข้ามารับช่วงต่อพอดี ด้วยฟอร์มจากเอเชียน คัพและโควต้าเอเชียที่เพิ่มขึ้นทำให้จอร์แดนสามารถคาดหวังลึก ๆ ได้เลยถึงการสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่

แน่นอน ยังไม่มีใครจับตามองพวกเขาเหมือนเคย แม้จะเป็นรองแชมป์เอเชียมาก็ตาม

แล้วจอร์แดนก็ดีต่อเนื่องจริง ๆ ชัยชนะ 2-1 ถึงกรุงริยาดในนัดสุดท้ายทำให้พวกเขาเบียดขึ้นไปจบเป็นแชมป์กลุ่มเหนือทีมเศรษฐีน้ำมันในรอบคัดเลือกรอบสองด้วยซ้ำ ยิ่งเมื่อการจับสลากแบ่งสายในรอบคัดเลือกรอบสามหรือรอบ 18 ทีมสุดท้ายได้อยู่กับ เกาหลีใต้ อิรัก โอมาน ปาเลสไตน์ และ คูเวต ในกลุ่ม B ความหวังก็ยิ่งชัดเจนกว่าเดิม

2 อันดับแรกได้ไปฟุตบอลโลกทันที หรือจบที่อันดับ 3-4 ก็ยังได้ลุ้นต่ออีกเฮือกในรอบคัดเลือกรอบสี่

กระนั้นการเตรียมความพร้อมสู่รอบคัดเลือกรอบสามก็ต้องสะดุดเมื่อ อัมมูต้า กับสมาคมฟุตบอลจอร์แดนตกลงแยกทางกันโดยไม่มีการเปิดเผยเหตุผลที่ชัดเจน อัมมูต้าและทีมงานของเขาไปรับงานกับ อัล จาซีร่า ในยูเออี ขณะที่ จอร์แดน หันไปหา จามาล เซลลามี่ อดีตกองกลางทีมชาติโมร็อกโกยุคทศวรรษ 1990 อีกคน

แล้วเซลลามี่ก็สานต่องานของอัมมูต้าได้อย่างไร้ที่ติ เตะรอบสามผ่านไป 8 เกมเพิ่งจะแพ้แค่นัดเดียว ก่อนที่วันพฤหัสฯ ที่ผ่านมาจะบุกถล่มโอมาน 3-0 ในเกมนัดรองสุดท้าย และได้ฉลองกันสุดเหวี่ยงในอีกไม่กี่ชั่วโมงให้หลังเมื่อ อิรัก แพ้ เกาหลีใต้ คาถิ่น ทำให้แต้มขาด พวกเขาไปบอลโลก

มันคือยุคทองของฟุตบอลจอร์แดนโดยแท้ ปีที่แล้วทะลุเข้าไปได้รองแชมป์เอเชีย ปีนี้ตีตั๋วไปฟุตบอลโลก เป็นการต่อยอดแบบก้าวหน้าที่น่าประทับใจ

ยาซาน อัล-ไนมัต ยังคงเล่นได้ดีต่อเนื่อง มูซ่า อัล-ทามารี่ มีประสบการณ์ในยุโรปกับ โอเอช ลูเวิน, มงต์เปลลิเย่ร์ และ แรนส์ ในปัจจุบัน ไม่เพียงเท่านั้นในเกมบุกถล่มโอมาน อาลี โอลวาน กองหน้าวัย 23 ปีจากเซลังงอร์ในมาเลเซียก็โผล่ขึ้นมาซัดแฮตทริกให้ทีมได้อีก

นิซาร์ อัล-ราชดาน, มาห์มูด อัล-มาร์ดี, อีห์ซาน ฮัดดาด, ยาซาน อัล-อาหรับ, ราจาอี อาเยด เหล่านี้ยังล้วนเป็นกำลังสำคัญให้ทีม ผสมผสานกันระหว่างความสดและประสบการณ์

กลายเป็นน้องใหม่ทีมที่ 82 ต่อจาก อุซเบกิสถาน ชาติที่ 81 แบบติด ๆ กันห่างกันแค่หลักชั่วโมง

สวัสดีฟุตบอลโลก ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่ทั้ง 2 ทีมครับ

-ตังกุย-



ที่มาของภาพ : Gettyimages
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport