ไม่น่าใช่ทีมของคล็อปป์! สิ่งที่อยากบอกหลังเกม นาโปลี ถล่ม ลิเวอร์พูล ยับ

ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดแรกในรอบแบ่งกลุ่มของ ลิเวอร์พูล จบลงด้วยความยับเยินยิ่งนัก เมื่อพวกพรี่ๆ เขาออกไปถูก นาโปลี ขยี้ไป 4-1

ขอโทษ !!!...นี่ขนาดเจ้าบ้านสังหารจุดโทษพลาดไป 1 ครั้งด้วยนะ และนี่คือสิ่งที่ผู้ชมทางบ้านอย่างผมอยากจะบอก หลังจากทนอดหลับอดนอน

1.เจอร์เก้น คล็อปป์ ดูจะมึนๆ ชอบกลนะครับ

นัดที่แล้ว (เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้) เขาดร็อป โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ทั้งที่ทั้งยิงทั้งจ่ายในเกมที่ชนะ บอร์นมัธ กับ นิวคาสเซิ่ล เป็นตัวสำรอง เพื่อเปิดทางให้หัวหอกตัวเป้าอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ

สุดท้ายทำได้แค่เสมอ เอฟเวอร์ตัน แบบยิงประตูไม่ได้ 

เกมนี้ เขาเลยดร็อปกองหน้าค่าตัว 85 ล้านปอนด์ พลางส่ง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ลงตัวจริงอีกครั้ง

แต่คราวนี้ไม่มีอะไรดีขึ้น

โฌแอล มาตีฟฟฟฟ เอ๊ย! มาติ๊ป หายเจ็บแล้ว แต่ยังไม่กล้าให้ลงตัวจริง 

ว่าแล้วก็ยังคงใช้ โจ โกเมซ คู่กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค โดยไม่รู้ว่า "หายนะ" กำลังรออยู่ข้างหน้า แถมยังแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัยพลางยักคิ้วให้ซะด้วย

ติอาโก้ อัลคันตาร่า ก็หายเจ็บแล้วเช่นกัน แต่อาจยังไม่พร้อมที่จะกลับมาลงเป็นตัวจริงทันที เจมส์ มิลเนอร์ จึงได้ลงเล่นแทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่บาดเจ็บ

11 ตัวจริงหงส์แดงก็ตัวเดิมๆ ที่เล่นด้วยกันมานานนั่นแหละ 

2.พลพรรคหงส์แดงเริ่มเกมแบบสะลึมสะลือเหมือนคนเพิ่งตื่นนอนพร้อมอากาศเหี่ยวแอลกอฮอลเล็กน้อย

นกกระปูดยังไม่ทันกินน้ำ นาโปลี ก็ทักทายแบบแรงๆ เมื่อ วิคเตอร์ โอซิมเฮน โฉบบอลตัดหน้า อลิสซง เบ็คเกอร์ เข้าไปยิงชนเสา

เจอดอกนี้เข้าไป ลิเวอร์พูล น่าจะตื่นจากภวังค์ 

ทว่านอกจากจะไม่ตื่นแล้วยังนอนหลับฝันร้ายหนักกว่าเดิมอีก เมื่อเสียจุดโทษถึง 2 ครั้งใน 20 นาทีแรก

ยังดีที่ นาโปลี สังหารเข้าแค่ประตูเดียว เพราะจุดโทษที่ 2 นายทวารสายพันธุ์แซมบ้าพุ่งเซฟเอาไว้ได้

จังหวะนั้น ผมคิดว่า ลิเวอร์พูล มีดวง เพราะรอดพ้นจากการเสียประตูที่ 2 แบบหวุดหวิด อีแบบนี้มีหวังกลับมาทวงประตูคืน หรือแซงนำได้เลย

อืมมมมม...ที่ไหนได้นะครับ

เละยิ่งกว่าเดิมอีก

3.ถามว่าทำไมถึงเละ ???

อันดับแรกคือเกมรับ

ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมที่เสียประตูง่าย และล่อแหลมต่อการโดนกระทุ้ง เฉพาะอย่างยิ่งเวลาแผงหลังดันขึ้นสูง แถมกองหลังอย่าง โจ โกเมซ คือบุตรแห่งความพินาศ

ก่อนเสียประตูที่ 2 เขาพลาดแบบไม่น่าพลาดด้วยการทำบอลสะดุดขาตัวเอง โชคยังดีที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ช่วยเซฟลูกยิงของคู่แข่งจากเส้นประตูหวุดหวิด

กระนั้นก็ยังทำผิดซ้ำซากจนเป็นเหตุให้เสียประตูจนได้ สมควรแล้วที่ถูกเปลี่ยนออกตั้งแต่พักครึ่ง

จังหวะหนึ่ง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ถูกคู่แข่งแตะบอลไปข้างหน้าแล้วอ้อมตามไปเอา

แทนที่จะวิ่งไล่บี้ พี่เขากลับยืนนิ่งอยู่กับที่เหมือนถูกเสกสากกะเบือเข้าหน้าแข้งซะอย่างนั้น

ประตูที่ 2 ของ นาโปลี ที่เกิดจากการทำชิ่ง 1-2 เข้าไปในกรอบเขตโทษ จังหวะนั้นผู้เล่นหงส์แดงก็ยืนขาตายอยู่กับที่หมดเลยจนผู้ชมทางบ้านบางคนอุทานตกใจในสำเนียงสเก๊าเซอร์ส

"นี่มันเชี่ยอะไรเนี่ยยยย ???" 

เบ็ดเสร็จโดนไป 4 ดอกเน้นๆ 

ย้ำว่า 4 ดอกเน้นๆ 

อันดับต่อมาคือเกมรุกที่อุดมด้วยความผิดพลาด

จ่ายบอลก็พลาด จับบอลก็พลาด เปิดจากด้านข้างก็ขาดๆ เกินๆ เจาะตรงกลางก็ติด แถมตัวความหวังอย่าง โม ซาล่าห์ ยังคงเล่นแบบผิดฟอร์มต่อไป เพราะแทบไม่มีพิษสงอะไรเลย

มิหนำยังใช้ประโยชน์จากลูกตั้งเตะไม่ได้เหมือนที่เคยด้วย

ประตูเดียวที่ช่วยให้สกอร์ไม่น่าเกลียดเกินไปก็มาจากความสามารถเฉพาะตัวของ ลุยส์ ดิอาซ

อันดับสุดท้ายคือสิ่งที่พากย์อังกฤษว่า "แพสชั่น" (passion)

นักเตะหงส์แดงเล่นกันแบบซังกะตายมากนะครับ พวกเขาเล่นเหมือนไม่มีแรงจูงใจ แม้ครึ่งหลังจะยกระดับความหื่นกระหายได้มากขึ้น แต่ก็ยังไม่เพียงพออยู่ดีนั่นแหละ

4.ผู้เล่นกว่าครึ่งทีมฟอร์มตก

เทรนต์ เอเอ เปิดไม่ค่อยเข้าเป้า โดยจุดอ่อนในเกมรับก็ยังเหมือนเดิม

โจ โกเมซ ก็ไม่ได้ความ และโดยไม่เว้นแม้แต่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่คู่แข่งสามารถผ่านเขาได้ง่ายกว่าเดิม แถมไม่เนี๊ยบเหมือนเก่า

หลักฐานคือการทำเสียจุดโทษนี่แหละ ไม่ค่อยเห็นเขาเป็นแบบนี้นะครับ

ฟาบินโญ่ กับ เจมส์ มิลเนอร์ ก็ดูเชื่องช้า

โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ พอได้โอกาสเป็นตัวจริงอีกครั้งก็ไม่มีอะไร

โม ซาล่าห์ นี่หนักเลยนะครับ เพราะจังหวะจับบอลไม่ยากดันพลาดเฉยเลย จังหวะจ่าย จังหวะยิง ก็ไม่เฉียบคมระดับบาดหินขาดเหมือนเดิม

ส่วนกองหน้าค่าตัวแพงที่เพิ่งซื้อมาใหม่นั้น...ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละครับ

เกมไหนก็ตามที่ผู้เล่นกว่าครึ่งทีมดันโชว์ฟอร์มต่ำกว่ามาตรฐาน ก็รอพบกับหายนะได้เลย

5.นาโปลี เล่นกันได้สะเดิ๊บดากดีนะครับ โดยเฉพาะเวลาโดนบีบอัด พวกเขามักจะค่อยๆ แก้ออกมาได้เสมอด้วยการต่อบอลทำชิ่งที่แม่นยำ และไม่ลุกลี้ลุกลนเตะบอลทิ้งขว้าง

เกมรับก็คุมพื้นที่ได้ไม่เลว ก่อนหาจังหวะจู่โจมแบบฉาบฉวย ด้วยการวางบอลตัดหลังไลน์ของ ลิเวอร์พูล ที่ชอบดันสูง

ตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา ขอบอกว่าเกมนี้แหละที่ ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มได้ย่ำแย่ที่สุดในสายตาผู้ชมทางบ้านที่ไม่เคยพลาดเกม ลิเวอร์พูล อย่างผม

ว่าแล้วขอเรียนตามตรงว่าสิ่งที่เห็นจากทีมในชุดสีแดงเมื่อคืน

ไม่ใช่ ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ อย่างแน่นอน

บอ.บู๋


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : บอ.บู๋
บูรณิจฉ์ รัตนวิเชียร
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport