แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มแสดงให้เห็นถึงฟอร์มการเล่นที่ลงล็อกแล้วแม้จะออกอาการแผ่วในช่วงท้ายเมื่อเปิดบ้านสยบ ไบรท์ตัน ได้แบบมีเสียวเล็กๆ 4-2 ในเกม พรีเมียร์ลีก ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อวันเสาร์ที่ 25 ต.ค.โดยเกมนี้ มาเตอุส คุนญ่า ซัดเม็ดแรกของตัวเองกับ ปีศาจแดง ได้สำเร็จ ขณะที่ รูเบน อโมริม สร้างชื่อพาทีมกำชัยเกมลีกได้สามนัดติดต่อกัน
1. บรูโน่ รับใช้ผีแดงครบ 300 นัด
บรูโน่ แฟร์นันด์ส กัปตัน แมนยู ลงเล่นให้กับสโมสรครบ 300 นัดพอดีในเกมต้อนรับการมาเยือนของ ไบรท์ตัน
หลังพาทีมบุกไปสยบ ลิเวอร์พูล ได้ 2-1 ในเกมแดงเดือด รูเบน อโมริม ปรับโผ 11 คนแรกสองตำแหน่งเนื่องจาก แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ฮีโร่ของทีมบาดเจ็บจนถึงขั้นไม่มีส่วนร่วมโดย เลนี่ โยโร่ ได้เสียบแทน
ด้าน เมสัน เมาท์ ที่ไม่ฟิตเต็มร้อยหลุดไปรับบทตัวสำรองซึ่งเปิดทางให้ เบนยามิน เชชโก้ ได้กลับมาออกสตาร์ต
กระนั้นก็ดี ไทเรลล์ มาลาเซีย ซึ่งถูกขึ้นบัญชีขายเมื่อในช่วงซัมเมอร์ แต่ไม่มีสโมสรไหนสนใจได้กลับมานั่งข้างสนามเป็นเกมแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค.
2. นกนางนวลเปลี่ยนทีมตำแหน่งเดียว
ไบรท์ตัน สลับโผตัวจริงจากเกมเฝ้ารังพิชิต นิวคาสเซิ่ล นัดก่อนในรังตัวเอง 2-1 ตำแหน่งเดียวเท่านั้น
ฟาเบียน เฮอร์เซเลอร์ ผู้จัดการทีม นกนางนวล เลือกส่ง มักซิม เดอ ไคเปอร์ สตาร์ทีมชาติ เบลเยี่ยม ออกสตาร์ตเกมนี้แทน ดีเอโก้ โกเมซ กองกลางทีมชาติ ปารากวัย ซึ่งหล่นไปเป็นตัวสำรอง
สำหรับ แดนนี่ เวลเบ็ค เด็กปั้น ผีแดง กลับมาเยือนรังเก่าอีกหนโดยเกมพิชิต สาลิกาดง เจ้าตัวเหมาซัดคนเดียวสองประตู
อย่างไรก็ดี เกมนี้ทีมเยือนยังไร้เงาดาวเตะอย่าง คาโอรุ มิโตมะ ,โยเอล เฟลท์มัน และ ไบรอัน กรูด้า ที่บาดเจ็บ
3. คุนญ่า เริ่มต้นนับหนึ่ง
ในที่สุด มาเตอุส คุนญ่า กองหน้าแซมบ้าก็ปลดล็อกยิงประตูแรกให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ซะทีหลังย้ายมาจากทีม วูล์ฟส์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
หลังจากสองหัวหอกใหม่ของถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ทั้ง ไบรอัน เอ็มเบอโม่ กับ เชชโก้ ต่างก็ซัดประตูในสีเสื้อของ ผีแดง ได้แล้ว คุนญ่า ก็ลดความกดดันให้กับตัวเองได้ด้วยการสับไกพาทีมเจ้าบ้านนำหน้า นกนางนวล 1-0 ในนาทีที่ 24
จากประตูดังกล่าวทำให้ คุนญ่า เป็นนักเตะที่คลำเป้าจากหน้าเขตโทษได้มากกว่าพ่อค้าแข้งทุกรายของ พรีเมียร์ลีก ในทุกรายการด้วยรวมเป็น 7 ประตูเมื่อนับจากต้นซีซั่นก่อนหน้านี้
เท่านั้นไม่พอ นาทีที่ 34 กาเซมีโร่ เข่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด นำห่างเป็น 2-0 จากจังหวะแฉลบ ยาซิน อายารี่ เข้าประตู แต่ พรีเมียร์ลีก เมินให้นักเตะ ไบรท์ตัน สกัดบอลตุงตาข่ายตัวเองโดยยกให้สตาร์ทีมชาติ บราซิล เบิกสกอร์ได้
จบ 45 นาทีแรก ผีแดง ซึ่งนำหน้า 2-0 มีสถิติครองบอลเป็นรอง 41.9%:58.1% แต่ได้ง้างยิง 6 ครั้งเท่ากับ ไบรท์ตัน รวมทั้งส่งบอลเข้ากรอบได้มากกว่า 3:1 ครั้ง
4. นำก่อนในครึ่งแรกไม่มีแพ้
กลับสู่ครึ่งหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ยังเดินเกมรุกกดดันอาคันตุกะอย่างต่อเนื่อง กระทั่งนาทีที่ 61 กองเชียร์ เร้ด เดวิลส์ ก็ได้เฮกันอีกโดยคราวนี้ เอ็มเบอโม่ กระทุ้งประตูให้เจ้าบ้านทะยานหนีเป็น 3-0
อย่างไรก็ดี ทีมเยือนไม่ยอมแพ้ง่ายๆ และมาได้ลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษนาทีที่ 74 โดย แดนนี่ เวลเบ็ค กลับมาทำแสบทีมเก่าได้อีกเมื่อตะบันผ่าน ซอนเน่อ ลัมเมนส์ เข้าประตูอย่างสุดสวยให้ทีมเยือนไล่ตาม 3-1 และแม้ทีมเยือนจะไล่จี้ 3-2 ได้ในช่วงทดเวลา แต่ เอ็มเบอโม่ ซัดเม็ดที่สองของตัวเองในเกมนี้ให้เจ้าบ้านปิดจ็อบได้สำเร็จ
จากชัยชนะ 4-2 ที่มีเหนือ นกนางนวล ทำให้ ผีแดง สานต่อผลงานไร้พ่ายในเกม พรีเมียร์ลีก ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้ต่อไปหากพวกเขานำหน้าทีมคู่แข่งก่อนในครึ่งแรกเป็นเกมที่ 327 แล้วโดยพวกเขากำชัยได้ 302 นัด และเสมอ 25 นัด
หลังดวลกันครบ 90 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด ยังครองบอลได้เป็นรอง 42.8%:57.2% และได้ยิงน้อยกว่า 13:17 ครั้ง แต่ส่งบอลเข้ากรอบได้มากกว่า 9:5 ครั้ง
5. สามนัดเก้าแต้มเต็ม
ถึงตอนนี้ อโมริม สานต่อผลงานน่าประทับใจโดยนายใหญ่เลือดฝอยทองพาทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะเกมลีกได้สามนัดติดต่อกัน
ในเกมแดงเดือด อดีตโค้ชทีม สปอร์ติ้ง ลิสบอน คุมทีม ผีแดง คว้าชัยเกมลีกสองนัดติดต่อกันได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เขาเข้ามารับงานกับ โรงละครแห่งความฝัน
ฉะนั้นแล้ว แมตช์ปลิดชีพ ไบรท์ตัน จึงเป็นเกมลีกนัดที่สามที่ แมนฯ ยูไนเต็ด กำชัยได้อย่างต่อเนื่องซึ่งแสดงให้เห็นว่าระบบของ อโมริม น่าจะเข้าที่เข้าทางแล้ว
สำหรับหนสุดท้ายที่ ปีศาจแดง ชนะเกมลีกสามนัดรวดเกิดขึ้นในยุคของ เอริค เทน ฮาก เมื่อเดือนก.พ.2024