อาร์เซน่อล เปิดสนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ทำศึก พรีเมียร์ลีก กับ แมนฯ ซิตี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 ก.ย.โดยต่างก็กินกันไม่ลง เสมอกันไปด้วยสกอร์ 1-1 ชนิดที่แม้ เดอะ กันเนอร์ส จะเป็นฝ่ายพับสนามบุกใส่ เรือใบสีฟ้า ข้างเดียว แต่ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ต้องอาศัย กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ สวมบทซูเปอร์ซับอีกหนซัดประตูในช่วงทดเวลาตีเสมอลูกยิงของทีมเยือนตั้งแต่นาทีที่ 9 จากฝีเท้าของ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ซึ่งยังคงล่าตาข่ายได้อย่างร้อนแรงไม่เกรงใจใคร
1. ทรอสซาร์-ซาลิบา สตาร์ต,ซาก้า สำรอง
มิเกล อาร์เตต้า กุนซือ อาร์เซน่อล ตัดสินใจส่ง เลอันโดร ทรอสซาร์ ลงสนามเป็นตัวจริงหลังดาวเตะทีมชาติ เบลเยี่ยม สร้างผลงานทั้งยิงทั้งจ่ายพาทีม ปืนใหญ่ บุกไปคว่ำ แอธเลติก บิลเบา 2-0 ในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อกลางสัปดาห์ และเป็น เอเบเรชี่ เอเซ่ นักเตะใหม่ที่ต้องเสียตำแหน่ง 11 คนแรก
ขณะเดียวกัน เจ้าบ้านได้ วิลเลี่ยม ซาลิบา ปราการหลังคนสำคัญฟิตกลับมาลงบู๊ได้ส่งผลให้ คริสเตียน มอสเกร่า แข้งใหม่อีกรายตกไปเป็นตัวสำรอง
อย่างไรก็ดี ทีมลูกหนังของกรุงลอนดอนใส่ชื่อ บูคาโย่ ซาก้า นั่งข้างสนามเช่นเดียวกับ เบน ไวท์ หลังปีกทีมชาติ อังกฤษ ซึ่งเจ็บแฮมสตริงฟิตสมบูรณ์แล้ว แต่ มาร์ติน โอเดอการ์ด ยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอีกเกม ส่วน ปิเอโร่ อินคาปิเอ ที่เพิ่งย้ายมาในช่วงซัมเมอร์โดนกาชื่อทิ้งในเกมนี้
2. เป๊ป ยึดทีมชุดเดิมสามนัดรวด
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แมนฯ ซิตี้ วางใจในขุมกำลัง 11 นักเตะชุดเดิมที่เฝ้าบ้านสยบ นาโปลี 2-0 ในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดกลางสัปดาห์
จากการวางโผดังกล่าวหมายความว่า โรดรี้ กองกลางทีมชาติ สเปน ฟิตลงเล่นได้โดยเมื่อปีก่อนคีย์แมนของสโมสรประสบกับปัญหาเอ็นไขว้หน้าเข่าฉีกขาดในเกมเปิด เอติฮัด สเตเดี้ยม บู๊กับ เดอะ กันเนอร์ส ขณะที่ในรายของ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ลงเล่นให้กับทีมเป็นเกมที่ 100 พอดี
พร้อมกันนี้ ถือเป็นครั้งแรกในรอบเกินกว่าสี่ปีที่กุนซือชาวเมืองกระทิงดุส่งทีมชุดเดิมลงบู๊สามเกมติดต่อกัน และเป็นครั้งที่สามของเขาในฐานะกุนซือของทีมเงินถังแห่งเมืองผู้ดี
อย่างไรก็ดี เรือใบสีฟ้า ได้ จอห์น สโตนส์ กองหลังจอมเก๋าหายเจ็บมีชื่ออยู่ในซุ้มข้างสนามด้วย และที่สำคัญ ทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์กระหายคว้าชัยเหนือ อาร์เซน่อล ให้ได้เป็นเกมแรกจากห้านัดหลัง
3. ฮาลันด์ ฮอตต่อไม่รอใคร
เปิดฉากมาได้แค่ 9 นาที สกอร์แรกของเกมก็เกิดขึ้นเร็วเกินคาดแม้ อาร์เซน่อล จะครองเกมบุกได้ดี แต่ความผิดพลาดหนแรกส่งผลให้ แมนฯ ซิตี้ ได้โต้กลับโดย ทิยานี ไรน์เดอร์ส กระชากบอลขึ้นมาไหลให้ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ทะลุเข้าสับไกไม่ยาก
จากผลงานดังกล่าว มันฟ้องให้เห็นว่าสตาร์ทีมชาติ นอรเวย์ กำลังคลำเป้าได้อย่างมั่นใจอีกช่วงโดยประตูนี้เป็นการสอยตาข่ายลูกที่ 12 ของเขาแล้วจาก 8 เกมหลังกับทั้งสโมสร และทีมชาติ
รวมแล้ว ฮาลันด์ มีชื่อติดสกอร์บอร์ด 13 นัดแล้วจาก 15 นัดหลัง และเป็นการตะบันประตู อาร์เซน่อล ลูกที่ 5 จาก 7 เกม พรีเมียร์ลีก ที่สองสโมสรบู๊กัน
ยิ่งไปกว่านั้น ศูนย์หน้าร่างยักษ์ถูกโฉลกในการลงเล่นที่เมืองหลวงด้วยเนื่องจากเป็นประตูที่ 20 ในเกมลีก 21 นัดของเขาที่ลงเล่นในกรุงลอนดอน
ขณะเดียวกัน หากนับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ปี 2025 ฮาลันด์ สอยตาข่ายได้ 22 ลูกแล้วจาก 28 นัดในทุกรายการมากกว่านักเตะใน พรีเมียร์ลีก ทุกรายอย่างน้อยห้าประตู
ด้านทีม ปืนใหญ่ เสียประตูในเกม พรีเมียร์ลีก เร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2024 ซึ่งเป็น ฮาลันด์ ที่กระซวกตาข่ายได้ในนาทีที่ 9 เช่นกัน
จบครึ่งแรก อาร์เซน่อล เหนือกว่าแทบทุกด้านยกเว้นสกอร์ที่ตามหลัง 1-0 โดยเจ้าบ้านครองบอลได้เหนือกว่าขาดลอย 67.5%:32.5% และได้ยิงมากกว่า 4:3 ครั้ง แต่ส่งบอลเข้ากรอบเป็นรอง 1:2 ครั้ง
4. รถบัสสีฟ้า
ถึงตอนนี้ แมนฯ ซิตี้ ต้องเปลี่ยนฉายาจาก "เรือใบสีฟ้า" เป็น "รถบัสสีฟ้า" แทนแล้วเนื่องจากตลอด 90 นาทีที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม พวกเขาตกเป็นรอง อาร์เซน่อล อย่างหนักชนิดที่แทบไม่เคยได้เห็นกันมาก่อน
จากเดิมที่เป็นฝ่ายทำเกมรุกบดขยี้ฝ่ายตรงข้ามอย่างเมามัน มาเกมนี้ทีมของ กวาร์ดิโอล่า โดน เดอะ กันเนอร์ส เดินหน้ากดดันตั้งแต่นาทีแรกจนพวกเขาต้องเป็นฝ่ายตั้งรับถึงขนาดแทบปรับระบบมาเล่นในสไตล์ 6-2-2 เลยก็ว่าได้
อย่างไรก็ดี แม้จะรักษาสกอร์นำ 1-0 ตั้งแต่ต้นเกมได้อย่างน่ายกนิ้วให้ แต่สุดท้าย เรือใบสีฟ้า ก็พลาดท่าโดน อาร์เซน่อล แชร์แต้มไปจนได้ในช่วงทดเวลาซึ่งแม้จะเป็นเรื่องที่น่าเจ็บใจ แต่ในฐานะที่เล่นได้เป็นรองแบบสุดกู่ต้องยอมรับว่าผลเสมอโอเคแล้วเช่นกัน
จบเกม 90 นาที อาร์เซน่อล รอดตายคาบ้านจากประตูตีเสมอของ มาร์ติเนลลี่ โดยทีม ปืนใหญ่ ครองบอลได้มากกว่า 67.2%:32.8% และได้ลุ้นส่องประตูมากกว่า 12:5 ครั้ง แต่ทั้งสองทีมส่งบอลเข้ากรอบได้ 3 ครั้งเท่ากัน
สำหรับเปอร์เซนต์การครองบอล 32.8% ของ แมนฯ ซิตี้ นับเป็นสถิติที่ต่ำต้อยที่สุดของ กวาร์ดิโอล่า เท่าที่เคยมีมาในการคุมทีมลงเล่นเกมลีกกับทุกสโมสรของเขาด้วยรวม 601 นัด
นอกจากนี้ แมนฯ ซิตี้ ออกสตาร์ตเกมลีกห้านัดแรกได้แย่ที่สุดนับตั้งแต่ซีซั่น 2006/07 ที่ทีมของ สจ๊วร์ต เพียร์ซ คว้ามาได้ 4 แต้มเนื่องจาก กวาร์ดิโอล่า พาทีมเก็บได้ 7 แต้มจากผลงานชนะสอง เสมอหนึ่ง แพ้สอง
5. อาร์เตต้า เกิดมาเพื่อฆ่า กวาร์ดิโอล่า
แม้จะไม่อาจพาทีมคว่ำ แมนฯ ซิตี้ ได้ทั้งๆที่ อาร์เซน่อล เล่นได้เหนือกว่าตลอดทั้งเกม แต่อย่างน้อยผลเสมอ 1-1 ก็ทำให้ อาร์เตต้า เป็นผู้จัดการทีมที่สร้างผลงานข่มอดีตลูกพี่อย่าง กวาร์ดิโอล่า ได้สำเร็จ
ประตูตีเสมอจาก มาร์ติเนลลี่ ช่วยทำให้เจ้านายสแปนิชเป็นคนแรกที่ไม่แพ้เกมลีกให้กับ กวาร์ดิโอล่า ห้านัดติดต่อกันแล้วจากการกำชัยได้ 2 นัด และเสมอ 3 นัด
อาร์เซน่อล1-0แมนฯ ซิตี้ 8 ต.ค.2023
แมนฯซิตี้0-0อาร์เซน่อล 31 มี.ค.2024
แมนฯ ซิตี้2-2อาร์เซน่อล 22 ก.ย.2024
อาร์เซน่อล5-1แมนฯ ซิตี้ 2 ก.พ.2025
อาร์เซน่อล1-1แมนฯ ซิตี้ 21 ก.ย.2025