เจาะลึกหลังเกม ลิเวอร์พูล พ่ายจุดโทษ คริสตัล พาเลซ 2-3 (เสมอ 2-2) ในศึกคอมมิวนิตี้ ชิลด์ 2025 ชี้ชัดฟอร์มเด่น ฟลอเรียน เวียร์ตซ์, อูโก้ เอกิติเก้, เจเรมี่ ฟริมปง, มิลอส เคอร์เคซ พร้อมเปิดรายชื่อแข้งและโค้ชที่ฟอร์มตก
หลังจบเกมคอมมิวนิตี้ ชิลด์ แฟนบอลลิเวอร์พูล คงได้เห็นแล้วว่านักเตะใหม่ที่ดึงตัวมาร่วมทัพซัมเมอร์นี้ ทัพ "หงส์แดง" สามารถฝากอนาคตได้ สวนทางกับแข้งเก๋าของทีมที่ฟอร์มสาละวันเตี้ยลงอย่างน่าใจหาย
ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้โดดเด่นในช่วงครึ่งแรก โดยเฉพาะฟอร์มของ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์, อูโก้ เอกิติเก้, เจเรมี่ ฟริมปง และ มิลอส เคอร์เคซ ซึ่งทำให้เกมรุกของ "เดอะ เร้ดส์" อันตรายทุกครั้งที่บุกเข้าใส่ คริสตัล พาเลซ
กระนั้นในตำแหน่งแนวรุกฝั่งขวาที่มี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยืนประจำการดูเหมือนฟอร์มไม่ค่อยน่าประทับใจ เพราะ "บังโม" แทบไม่มีบทบาทในการคุกคามเกมรับของ "ดิ อีเกิ้ลส์" ได้เลย ขณะที่กองหลังอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่ครั้งหนึ่งเคยฝากผีฝากไข้ได้ แต่ตอนนี้กลายเป็นเชื่องช้า และอ่านเกมผิดพลาดหลังครั้ง
แมตช์ชวดชูโล่การกุศลถือเป็นผลงานที่น่าผิดหวังสำหรับ อาร์เน่อ สล็อต กุนซือชาวดัตช์ เพราะเขาพ่ายแพ้ที่สนามเวมบลีย์ เป็นครั้งที่สอง หลังก่อนหน้าโดน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ปราบในรอบชิง คาราบาว คัพ เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา
สำหรับผู้ชนะ และผู้แพ้ในแมตช์พ่ายจุดโทษ คริสตัล พาเลซ 2-3 (เสมอในเวลา 90 นาที 2-2) มีใครกันบ้าง ลองไปพิจารณากันได้เลย
ผู้ชนะ
ฟลอเรียน เวียร์ตซ์
การลงสนามให้กับ ลิเวอร์พูล ในช่วงอุ่นเครื่องปรีซีซั่น เวียร์ตซ์ แสดงให้เห็นถึงเซนต์ฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมกันแล้ว แต่สำหรับแมตช์นี้ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเยอรมนี ยกระดับฟอร์มได้มากยิ่งขึ้น ทั้งการวิ่งหาพื้นที่ว่าง, การผ่านบอลที่แม่นยำ, ครองบอลได้เหนียวแน่น, กล้ากระชากลากเลื้อย และยังแอสซิสต์ได้ด้วย ที่สำคัญเจ้าตัวยังมีลุ้นทำประตูแต่น่าเสียดายที่ยิงไม่ได้ กระนั้นเมื่อมองภาพรวมแล้วต้องบอกว่า เวียร์ตซ์ โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นและมีคุณภาพเหมาะกับตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์จริงๆ
อูโก้ เอกิติเก้
แม้ว่านักเตะจะเพิ่งย้ายมาร่วมทัพในช่วงที่ ลิเวอร์พูล ออกทัวร์ปรีซีซั่นที่เอเชีย แต่เขาสามารถปรับตัวเข้ากับทีมได้อย่างรวดเร็ว และเล่นได้น่าประทับใจทุกครั้งที่ได้รับโอกาสลงสนาม โดยเกมนี้ เอกิติเก้ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการจบสกอร์ และการประสานงานอย่างลงตัวกับ เวียร์ตซ์ ที่สำคัญจังหวะการจบสกอร์ของเขาถือว่าน่าประทับใจมาก แถมต้นครึ่งหลังยังมีโอกาสบวกสกอร์เพิ่มแต่ทำไม่ได้ อย่างไรก็ตาม นี่คือสัญญาณที่ดีมากๆ สำหรับสาวก "เดอะ ค็อป" ที่ได้เห็นหน้าเป้าคนใหม่ที่อันตรายกว่าเดิม
เจเรมี่ ฟริมปง
การต้องเข้ามาทดแทนตำแหน่งของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ถือเป็นเรื่องที่กดดันอย่างมากสำหรับ ฟริมปง แต่นักเตะแสดงให้เห็นแล้วว่าเขามีศักยภาพไม่ธรรมดา แม้จะไม่ได้โดดเด่นเรื่องการเปิดบอล แต่ความเร็วและการวิ่งทะลุทะลวงอันตรายมากๆ มีหลายครั้งที่เจ้าตัวเติมเกมรุกได้ดุดัน แต่ขณะเดียวกันก็สามารถเล่นเกมรับได้ดี ส่วนประตูที่ทำได้อาจจะมีโชคอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะได้เห็นเกมบุกทางฝั่งขวาแบบใหม่ของ "เดอะ เร้ดส์" ในซีซั่นนี้
มิลอส เคอร์เคซ
ถือเป็นอีกหนึ่งนิมิตรหมายที่ดีสำหรับแบ็กซ้าย เพราะ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน โรยราไปตามวัย และการได้ เคอร์เคซ มาเติมเต็ม โดยสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือพลังการเล่นเกมรุก ซึ่ง สตาร์ชาวฮังการี ทำได้ดีมากๆ โดยเฉพาะการวิ่งเติมเกมทางฝั่งซ้าย และเปิดบอลเข้ากลางซึ่งทำให้ เอกิติเก้ และ โม ซาลาห์ มีลุ้นทำประตู สำหรับเกมรับอาจจะต้องพัฒนาขึ้นอีก แต่ก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากนัก
นักเตะ-กุนซือคริสตัล พาเลซ
ต้องยอมรับว่านักเตะพาเลซทุกคนเล่นได้ตามแผนที่ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ ผู้จัดการทีม สั่ง โดยสามารถรับมือกับนักเตะ "หงส์แดง" ได้ตลอด โดยเฉพาะในครึ่งหลังจะเห็นได้ว่า "ดิ อีเกิ้ลส์" สามารถกดดัน "หงส์แดง" ได้เยอะมาก นอกจากนี้ผู้เล่นอย่าง อิสไมล่า ซาร์ สามารถปั่นป่วนเกมรับของ แชมป์พรีเมียร์ลีก ได้ทุกครั้ง ความเร็วของนักเตะยังเล่นงาน ฟาน ไดค์ จนเสียเหลี่ยม แถมการจบสกอร์ก็เฉียบคม ขณะที่ ดีน เฮนเดอร์สัน โชว์ฟอร์มเหนียวหนึบทั้งในเกม 90 นาที และการดวลจุดโทษ ดังนั้นผลงานการคว้าโล่การกุศลกลับถิ่นเซลเฮิร์สท์ พาร์ค ต้องยกย่องให้กับการทำงานหนักของทุกคนในทีม
ผู้แพ้
เฟอร์จิล ฟาน ไดค์
ถ้าจะหานักเตะซักคนที่น่าตำหนิที่สุดในเกมนี้ คงหนีไม่พ้น เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เพราะนักเตะทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานมากๆ การเล่นที่เชื่องช้า และการอ่านเกมที่ผิดพลาดทำให้ทีมเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นจังหวะทำฟาวล์ ซาร์ จนเสียจุดโทษ แถมยังโดน ซาร์ คนเดิม เลี้ยงบอลกระชากหนีเข้าไปซัดประตูตีเสมอ 2-2 ฉะนั้นนี่คือเกมที่ กัปตันทีมชาวดัตช์ ไม่อยากจดจำจริงๆ
โมฮาเหม็ด ซาลาห์
เป็นอีก 1 เกมที่น่าผิดหวังสำหรับ โม ซาลาห์ เพราะเขาแทบไม่ได้คุกคามเกมรับของ พาเลซ เลย โดยนักเตะมีโอกาสสวยๆ แค่ครั้งเดียวแต่ยิงไปติดเซฟของ ดีน เฮนเดอร์สัน นอกจากนี้ในช่วงดวลจุดโทษก็ซัดเหินข้ามคานหน้าตาเฉย ถือเป็นการพลาดจุดโทษสองครั้งติดต่อกันในเวลาแค่สัปดาห์เดียว โดยสถิติในเกมนี้ของ "บังโม" ถือว่าน่าผิดหวังเหลือเกิน โดยไม่มีประตู, ยิงแค่ครั้งเดียว, ไม่ชนะการดวลกับคู่แข่งเลย, เลี้ยงบอลหนีคู่แข่งไม่ได้เลย แต่สิ่งที่ยังถือว่าทำได้ดีก็คือการผ่านบอลแม่นยำ 65 เปอร์เซนต์ ที่สำคัญ ซาลาห์ ล้มเหลวกับการยิงประตูและแอสซิสต์ 8 เกมติดต่อกันที่เล่นในเวมบลีย์ ต้องบอกว่านี่คือสนามที่ปราบ "คิง ออฟ อียิปต์" จริงๆ
โกดี้ คักโป
ในช่วงปรีซีซั่น คักโป คือนักเตะที่แสดงผลงานได้โดดเด่นมากๆ และมักยิงประตูได้เสมอ แต่สำหรับเกมชิงโล่การกุศล ฟอร์มของ สตาร์ชาวดัตช์ หายไปหน้าตาเฉย โดยเขามีจังหวะจบสกอร์หน้าประตูแต่ดันยิงไม่ได้ทำให้โดน เฮนเดอร์สัน เซฟได้ หลังจากนั้นก็ไม่มีบทบาทอะไรกับเกมรุกมากนัก แถมยังพลาดเสียบอลขณะทีมจะเล่นสวนกลับ ทำให้ พาเลซ ได้สร้างโอกาส และตีเสมอ 2-2 ได้สำเร็จ โดยสิ่งเดียวที่แฟนบอลหงส์แดงชมเป็นเสียงเดียวกันก็คือการยิงจุดโทษที่เฉียบคมของเจ้าตัว นอกนั้นน่าผิดหวังสิ้นดี
โดมินิค โซโบซไล
"โซโบ" ก็เหมือนกับ คักโป ที่โชว์ฟอร์มได้ดีเยี่ยมในช่วงปรีซีซั่น แต่พอเป็นเกมที่จริงจัง ผลงานของเขาก็ดร็อปลงโดยไม่ได้นัดหมาย โดยนักเตะได้โอกาสครองบอลเยอะ แต่การผ่านบอลขาดความละเอียด และมีบางจังหวะที่ส่งบอลพลาด จนเกือบโดน พาเลซ ลงโทษ สำหรับตอนนี้ กัปตันทีมชาติฮังการี ต้องรีบยกระดับฟอร์มการเล่นโดยด่วน ไม่งั้นอาจต้องนั่งอยู่ในซุ้มม้านั่งสำรอง
อาร์เน่อ สล็อต
หนึ่งในเรื่องที่น่าตำหนิสำหรับโค้ชอาร์เน่ก็คือการแก้เกม เพราะครึ่งหลังเห็นได้ชัดว่า "หงส์แดง" เล่นแบบรัดกุมมากขึ้น ทำให้ พาเลซ มีโอกาสสร้างเกมรุกกดดันอย่างต่อเนื่อง แถมยังตั้งใจปิดเกมตั้งแต่นาทีที่ 70 เมื่อส่ง วาตารุ เอ็นโด ลงสนาม แถมยังถอด เอกิติเก้ ออกทั้งๆ ที่ทีมไม่มีหน้าเป้าแล้ว ดังนั้นนี่คือบทเรียนสำคัญสำหรับ เฮดโค้ชชาวดัตช์ ในเรื่องการจัดวางแท็กติกให้เหมาะสม
✍️ 𝐓𝐎𝐌𝐌𝐘 𝐓𝐄𝐄