หลาย ๆ สนามในอังกฤษไม่ได้อยู่ในความสนใจของแฟนบอลเท่าไหร่ ด้วยความเป็นสังเวียนแข้งของทีมเล็ก ๆ
แต่หลาย ๆ สนามที่ว่านั้น หากได้ไปสัมผัสกับมันจริง ๆ คุณอาจพบว่ามันมีเสน่ห์ที่ลงตัวมาก
ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะชอบ เดอะฮอว์ธอร์นส์ เลยจนกระทั่งมีโอกาสได้ไปเยือนมันในเกมที่ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน เป็นเจ้าบ้าน เช่นเดียวกันก็นึกไม่ถึงว่า คราเวน ค็อตเทจ ของฟูแล่มจะมีบรรยากาศที่เปี่ยมสุขอบอวลอย่างนั้น
หรือฟองสบู่ที่ลอยล่องเคล้าเสียงเพลงเสนาะหู I'm forever blowing bubbles แห่งโบลีน กราวนด์ ก็เป็น One of the best moments สำหรับผม รู้สึกดื่มด่ำทุกทีที่ไปเยือนเช่นกัน
สนามเหล่านี้บอกกับผมว่า แม้เราจะไม่สนใจมัน ไม่ได้ใส่ใจมัน ไม่ได้เห็นหรือไม่ได้ยินมัน แต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่
สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ แห่งซันเดอร์แลนด์ก็เช่นกัน.. บรรยากาศที่นั่นเกินความคาดหมายของผมไปมาก
ผมเคยเบื่อซันเดอร์แลนด์ เบื่อหนัก ๆ ก็ตอนที่เป็นทีมขึ้น ๆ ลง ๆ ระหว่างลีกบนกับลีกล่างแทบทุกปี ครั้งหนึ่งพวกเขาคือทีมที่อยู่ในสถานะ ดีเกินกว่าจะอยู่ในแชมเปี้ยนชิพแต่ก็แย่เกินไปที่จะเล่นในพรีเมียร์ลีก เป็นอย่างนั้นอยู่ร่วมทศวรรษ
ปี 1996 เลื่อนชั้นขึ้นพรีเมียร์ลีก
ปี 1997 ตกชั้นสู่แชมเปี้ยนชิพ
ปี 1999 เลื่อนชั้นขึ้นพรีเมียร์ลีก
ปี 2003 ตกชั้นสู่แชมเปี้ยนชิพ
ปี 2005 เลื่อนชั้นขึ้นพรีเมียร์ลีก
ปี 2006 ตกชั้นสู่แชมเปี้ยนชิพ
ปี 2007 เลื่อนชั้นขึ้นพรีเมียร์ลีก
ซันเดอร์แลนด์ไม่ใช่ทีมแม่เหล็ก ไม่ได้มีแรงดึงดูดอะไร นักเตะธรรมดา ๆ โค้ชธรรมดา ๆ มีหวือหวาบ้างบางครั้ง เควิน ฟิลลิปส์ ทะลุขึ้นมาเป็นดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกหรือ ดิ๊ก อั๊ดโวคาท โค้ชชั้นนำตอบรับมาคุมทีม แต่ในภาพรวมแล้ว ซันเดอร์แลนด์ เป็นยิ่งกว่าทีมธรรมดา ๆ ที่ไม่มีใครสนใจนอกจากพวกเขาเองกับกองเชียร์นิวคาสเซิ่ลคู่ปรับตลอดกาล
ความยิ่งใหญ่ของพวกเขาเกิดขึ้นเมื่อร้อยกว่าปีก่อนในช่วงเริ่มต้นของฟุตบอลลีก แชมป์ดิวิชั่นหนึ่งเดิม 6 สมัยเกิดขึ้นในยุคนั้น ฤดูกาล 1891/92 คือครั้งแรก ฤดูกาล 1935/36 คือครั้งล่าสุด ถ้ามันเกิดขึ้นช้ากว่านั้นสัก 70-80 ปีทีมแมวดำอาจเรียกสาวกได้จำนวนหนึ่ง
หากก็นั่นล่ะครับ ไม่ได้เห็น ไม่ได้สนใจ ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรให้น่าหลงใหลเลย
เมื่อมีโอกาสไปสัมผัสบรรยากาศที่ สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ แม้จะเป็นสนามสร้างใหม่ที่โดยพื้นฐานแล้วผมไม่อินเท่าสนามเก่า (รังเก่าของซันเดอร์แลนด์คือ โรเกอร์ พาร์ค ความจุ 22,500 คน ถูกทุบทิ้งเมื่อปี 1998) แต่สิ่งหนึ่งที่รับประกันได้เลยคืออารมณ์ร่วมที่นั่น
ความจุที่ดีงาม 49,000 คนถือว่าไม่ใช่น้อยแต่คนดูเต็มทุกนัด ความชันของอัฒจันทร์ การจัดโซนที่นั่งของแฟนบอล และการต้องดิ้นรนต่อสู้ยิบตาในทุก ๆ เกมที่ทำให้เสียงเชียร์ดังกระหึ่มอยู่ตลอดผนวกรวมกันเป็นความลงตัว เวลาที่ทีมแมวดำพังประตูได้ มุมกล้องที่จับไปเห็นคลื่นแฟนบอลกระโดดโลดเต้นบ้าคลั่งอยู่หลังประตูใกล้ชิดขอบสนามนั้นปลุกความตื่นเต้นของเราขึ้นมาด้วย
ลองเปิดไฮไลต์จังหวะที่ แดน บัลลาร์ด โขกลูกเตะมุมนาที 120+3 ใส่โคเวนทรี ซิตี้ ในเกมเพลย์ออฟตัดเชือกนัดสองดูก็ได้ครับ ซีนฉลองอย่างนั้นถือเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของสเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ อยู่เหมือนกัน
เมื่อได้ไปสัมผัสกับพวกเขาถึงที่ ก็ยอมรับว่าซันเดอร์แลนด์และสเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ นั้น "มีของ" เกินคาดไปมาก
หลังจากเลื่อนชั้นขึ้นมาครั้งล่าสุดเมื่อปี 2007 ซันเดอร์แลนด์ก็ค่อย ๆ ปล่อยวางสถานะ "ดีเกินกว่าจะเล่นในแชมเปี้ยนชิพแต่แย่เกินกว่าจะเล่นในพรีเมียร์ลีก" อันน่ารำคาญของตัวเองไปโดยไม่ทันให้เรารู้ตัว พวกเขาคาอยู่บนลีกสูงสุด 10 ปีก่อนจะตกชั้นในปี 2017 และก็ดิ้นรนอยู่ในลีกล่างอีกเกือบ 10 ปีกระทั่งเลื่อนชั้นกลับขึ้นมาอีกครั้งในคราวนี้
ไม่มีภาพของรถไฟเหาะขึ้น ๆ ลง ๆ ทุกปีอีกแล้ว ยืนระยะในพรีเมียร์ลีก 10 ปี และตกไปอยู่ลีกล่างอีก 8 ปี.. จากความเบื่อ ก็เริ่มกลับมาเป็นความคะนึงถึง แม้จะไม่รุนแรงเท่าที่มีกับทีมอื่น ๆ ที่หายไปนานกว่าอย่าง แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, โคเวนทรี ซิตี้, มิลล์วอลล์, ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส, พอร์ทสมัธ หรือ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ก็ตาม
ประมาณว่าถ้าเลื่อนชั้นได้ก็ยินดีด้วยอย่างเต็มใจ ไม่ได้เป็นอารมณ์มองบนแล้วบ่นอุบ "เอาอีกละ" เหมือนแต่ก่อน
ซันเดอร์แลนด์ในฤดูกาล 2024/25 มีความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจอยู่นะครับ จากความวุ่นวายซีซั่นก่อนที่หล่นไปถึงอันดับ 16 ต้องใช้กุนซือถึง 3 คนจาก โทนี่ โมวเบรย์ เป็น ไมเคิ่ล บีล และไปจบที่ ไมค์ ด๊อดด์ส ฝ่ายบริหารนำโดย คายริล หลุยส์-เดรย์ฟุส ทายาทแห่งตระกูลเดรย์ฟุสตัดสินใจเลือกกุนซือที่เพิ่งทำลอริยองต์ตกชั้นจากลีกเอิงอย่าง เรอชีส เลอ บรีส เข้ามากุมบังเหียน
แต่ลีกเอิงส่วนลีกเอิง ประสบการณ์แรกในแชมเปี้ยนชิพของกุนซือวัย 49 ปีชาวฝรั่งเศสคือความประทับใจ
เลอ บรีส เปลี่ยนทีมที่เหี่ยวเฉาให้กลายเป็นทีมที่เต็มไปด้วยพลัง วางระบบการเล่น 4-2-3-1 สลับ 4-3-3 อย่างยืดหยุ่น เน้นการครอบครองบอล สร้างสถานการณ์ 3 ต่อ 2 ในพื้นที่ด้านกว้าง ฟูลแบ๊ก 2 ฝั่งเติมเกมรุกดุเดือด กระนั้นก็ยังมีทีเด็ดจากลูกโต้กลับ ซันเดอร์แลนด์คือทีมที่เล่นโต้กลับได้ดีที่สุดในลีก ยิง 9 ประตูจากโอกาส 50 ครั้งที่มาจากเกมเคาน์เตอร์แอตแท็ก
เดินหน้าด้วยคนหนุ่ม นักเตะ 11 ตัวจริงในนัดชิงเพลย์ออฟกับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ไม่มีใครเคยมีประสบการณ์เล่นในพรีเมียร์ลีกมาก่อนเลย ขณะที่ ลุค โอเนียน กัปตันทีมเป็นคนเดียวที่อายุเกิน 25
วีรกรรมของ ซันเดอร์แลนด์ ในเกมเพลย์ออฟฤดูกาลนี้คือที่สุดชนิดที่แฟนบอลของพวกเขาคงไม่มีวันลืม
รอบรองชนะเลิศกับโคเวนทรี ซิตี้ เกมแรกบุกไปชนะ 2-1 เกมที่สองแพ้คาบ้าน 0-1 ประตูรวม 2-2 ต้องต่อเวลาพิเศษ กำลังจะต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษอยู่แล้ว แต่ แดน บัลลาร์ด เซนเตอร์แบ๊กคนเก่งก็ขึ้นมาโขกลูกเตะมุมนาที 120+3 พาทีมไปเวมบลีย์
นัดชิงชนะเลิศกับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เกมผ่านไป 75 นาทียังตามหลัง 0-1 ยิงตีเสมอนาที 76 ก่อนที่ ทอมมี่ วัตสัน ปีกตัวสำรองดาวรุ่งวัย 19 ที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบจะยิงไกลเสียบเสาเป็นประตูชัยนาที 90+5 แบบสุดดราม่า
ซันเดอร์แลนด์เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้งหลังจากหายไป 8 ปี
สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ จะได้ต้อนรับเหล่าเสือสิงห์ที่เขี้ยวลากดินอีกหน และแน่นอน ศึกไทน์-เวียร์ดาร์บี้ที่คงไม่เพียงพวกเขาเท่านั้นที่คิดถึง หากสาวกทูนอาร์มี่ทั้งหลายด้วย
สวัสดีพรีเมียร์ลีก ยินดีด้วยกับแฟนบอลซันเดอร์แลนด์อีกครั้งนะครับ
-ตังกุย-