ยอดเยี่ยมแบบเงียบๆ! คริสตัล พาเลซ โฉมใหม่ในมือ โอลิเวอร์ กราสเนอร์

ในขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของพวกเขา ยังมีอีกทีมหนึ่งที่ทำผลงานยอดเยี่ยมอย่างเงียบ ๆ

เงียบเพราะพวกเขาไม่ได้มีโปรไฟล์ใหญ่โตเหมือนทีมอื่น ๆ

เงียบเพราะพวกเขาไม่ได้มีแฟนบอลมากมายทั่วโลกเหมือนทีมดังทั้งหลาย

แต่อยู่แบบเงียบ ๆ.. ไม่ได้หมายความว่าไม่มีตัวตน

คริสตัล พาเลซ ไม่ใช่ทีมที่ไม่มีตัวตน ตรงกันข้ามพวกเขากำลังมีช่วงเวลาที่ดีที่สุดช่วงหนึ่ง

ในมือของ โอลิเวอร์ กราสเนอร์ คริสตัล พาเลซ เปลี่ยนโฉมหน้าไปโดยสิ้นเชิง

การเลือกกุนซือวัย 49 ปีชาวออสเตรียมารับตำแหน่งต่อจาก รอย ฮอดจ์สัน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมากลายเป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่ดีที่สุดของสโมสร เพราะจากวันนั้นถึงวันนี้ คริสตัล พาเลซ เปลี่ยนไปราวกับคนละทีม

ด้วยวิธีการเล่น ด้วยทัศนคติ ด้วยความเชื่อ

สื่อบางสำนักบรรยายถึงสิ่งที่ กราสเนอร์ ทำที่ เซลเฮิร์สท์ พาร์ค ว่า Revolution - ปฏิวัติ

-----------------

ผลงานแพ้ 4 จาก 5 เกมคือฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ คริสตัล พาเลซ แยกทางกับปู่รอย ปูชนียบุคคลของสโมสร

การเลือกคนใหม่สำคัญอย่างยิ่ง พวกเขาตัดสินใจฝากอนาคตไว้กับ กราสเนอร์ อดีตนายใหญ่ เอสวี รีด, แอลเอเอสเค ลินซ์, โวล์ฟสบวร์ก และ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ที่มีแนวคิดทางฟุตบอลปูพื้นมาจากอาณาจักรเร้ดบูลล์โดย ราล์ฟ รังนิก

ด้วยความที่เคยเป็นผู้ช่วยฝ่ายจัดการคอยดูแลด้านกีฬาให้กับ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก รวมทั้งเป็นผู้อำนวยการกีฬาที่แอลเอเอสเค ลินซ์ ทำให้ กราสเนอร์ มีประสบการณ์ด้านอื่นนอกเหนือจากศาสตร์ฟุตบอลที่ได้รับจากการขอเข้าไปเรียนรู้งานโค้ชจากรังนิกด้วย

มองภาพกว้าง กล้าตัดสินใจ เชี่ยวชาญในงานที่ทำ มีไอเดียใหม่ ๆ และเข้าใจการทำงานของฝ่ายอื่น

หลังทำผลงานน่าจับตามองในออสเตรียทั้งกับ รีด และ ลินซ์ กราสเนอร์ก็ได้รับการทาบทามจาก ยอร์ก ชมัดท์เค่อ ผู้อำนวยการกีฬาของโวล์ฟสบวร์กให้ไปพิสูจน์ฝีมือในบุนเดสลีกาเยอรมันเมื่อฤดูกาล 2019/20

เขาพาทีมหมาป่าคว้าสิทธิ์ไปเตะยูฟ่า ยูโรปา ลีก ตั้งแต่ฤดูกาลแรก เท่านั้นไม่พอยังต่อด้วยการตีตั๋วไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลที่สองหลังจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 4

ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ที่มีความเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างงานบริหารก้าวเข้ามาดึง กราสเนอร์ ไปคุมทีมเมื่อฤดูกาล 2021/22 และกุนซือหนุ่มชาวออสเตรียก็สร้างผลงานมาสเตอร์พีซพาทีมอินทรีแดงดำพิชิตแชมป์ยูฟ่า ยูโรปา ลีก อย่างยิ่งใหญ่ได้ทันที

มันคือฤดูกาลมหัศจรรย์ของแฟร้งค์เฟิร์ต กราสเนอร์พาทีมผ่าน บาร์เซโลน่า กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด บนเส้นทางสู่แชมป์ยูโรปา ลีก สมัยสองต่อจากแชมป์ยูฟ่า คัพปี 1980

ไม่แพ้ใครเลยตลอด 13 เกมในยูโรปา ลีก พา แฟร้งค์เฟิร์ต ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก ในฐานะแชมป์ถ้วยรอง ขณะที่เกมในลีกยังบุกอัด บาเยิร์น มิวนิค ถึงถิ่นเป็นครั้งแรกในรอบ 21 ปี

ฤดูกาลต่อมา 2022/23 เขาพาแฟร้งค์เฟิร์ตตะลุยผ่านรอบแบ่งกลุ่มไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายแชมเปี้ยนส์ ลีกก่อนจะแพ้ นาโปลี จากอิตาลี ขณะที่ผลงานในประเทศก็จบซีซั่นด้วยอันดับ 7 และเข้าชิง เดเอฟเบ โพคาล ก่อนจะแพ้ แอร์เบ ไลป์ซิก

หลังจากแยกทางกับแฟร้งค์เฟิร์ตในช่วงกลางฤดูกาลที่ผ่านมา บาเยิร์น มิวนิค แสดงความสนใจ แต่ กราสเนอร์ เลือกตอบรับข้อเสนอจากคริสตัล พาเลซ เดินหน้าสู่ความท้าทายครั้งใหม่ในพรีเมียร์ลีก..

-----------------

โอลิเวอร์ กราสเนอร์ เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมคนใหม่ของ คริสตัล พาเลซ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2024 ด้วยสัญญา 2 ปีครึ่งจนถึงฤดูกาล 2025/26

เขานั่งดูอยู่บนอัฒจันทร์สนามกูดิสัน พาร์ค เคียงข้าง สตีฟ แพริช ประธานสโมสรในเกมแรกของตัวเองที่พาเลซไปเยือนเอฟเวอร์ตัน (แพ็ดดี้ แม็คคาร์ธี่ มือขวาคุมทีมแทน)

เกมแรกที่ทำหน้าที่ข้างสนามคือเกมเปิดบ้านถล่ม เบิร์นลี่ย์ 3-0 หลังจากนั้นเป็นช่วงเวลาปรับจูนให้นักเตะเข้าใจกับแนวคิดใหม่และวิธีการเล่นใหม่ที่เขานำมาสู่ทีม พาเลซผ่านช่วงนั้นด้วยความขลุกขลักเตะ 7 เกมชนะแค่นัดเดียวและแพ้ถึง 4

แต่เมื่อทุกอย่างเริ่มลงตัว คริสตัล พาเลซ ของกราสเนอร์ก็แสดงตัวตนใหม่ให้ทุกคนได้เห็น มันชัดขึ้นและชัดขึ้นเรื่อย ๆ จากผลงานเด่น ๆ อย่างวันที่บุกชนะลิเวอร์พูลถึงแอนฟิลด์ และเกมถล่มแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-0

เกมบุกชนะหงส์แดงคือจุดเริ่มต้นของผลงานน่าประทับใจในตอนนี้ นักเตะพาเลซดูเข้าใจและมั่นใจในการเล่นของตัวเอง พวกเขาไม่แพ้ใครมา 6 เกมติดต่อกันแล้ว และเป็นชัยชนะถึง 5 นัด

ชนะ ลิเวอร์พูล 1-0 (เยือน)

ชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 5-2 (เหย้า)

ชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2-0 (เหย้า)

เสมอ ฟูแล่ม 1-1 (เยือน)

ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-0 (เหย้า)

และเกมล่าสุดบุกอัด วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 3-1 ถึง โมลินิวซ์ กราวนด์

เข้าเกมสุดท้ายของฤดูกาลอย่างมั่นใจ เต็มไปด้วยความตื่นเต้นกับอนาคตที่รออยู่ในช่วงซัมเมอร์และฤดูกาลหน้า 2024/25

-----------------

สื่อบางสำนักบรรยายถึงสิ่งที่ โอลิเวอร์ กราสเนอร์ ทำที่ เซลเฮิร์สท์ พาร์ค ว่า Revolution - ปฏิวัติ

จาก กุมภาพันธ์ ถึง พฤษภาคม เขาใช้เวลาสามเดือนเปลี่ยน คริสตัล พาเลซ จากทีมหนึ่งไปเป็นอีกทีมหนึ่ง

จากทีมที่เน้นเกมตั้งรับ รอฉกฉวยความผิดพลาดของคู่แข่งแล้วเล่นโต้กลับด้วยนักเตะพรสวรรค์ในเกมรุก มาเป็นทีมที่เน้นการบุก กล้าต่อบอลขึ้นเกม ใช้พรสวรรค์ของนักเตะเกมรุกอย่างเต็มศักยภาพที่เขาคนนั้นมี

ไม่รอคู่แข่งพลาดให้เพื่อให้ตัวเองมีเกมบุกอีกแล้ว แต่บีบบังคับให้คู่แข่งผิดพลาดเองเลยด้วยเกมเพรสซิ่งดุดัน ไล่บีบพื้นที่อย่างฉลาด สร้างเกมบุกของตัวเอง

กราสเนอร์ปรับระบบการเล่นจาก 4-2-3-1 ไปเป็น 3-4-2-1 ด้วยเห็นว่าฟูลแบ๊กทั้ง 2 ข้างของทีมมีประสิทธิภาพในการเล่นเกมรุกสูง ทั้ง ดาเนียล มูนยอซ วิงแบ๊กขวาทีมชาติโคลอมเบียที่ได้มาจาก เกงค์ ในช่วงตลาดหน้าหนาว และ ทายริก มิตเชลล์ ฝั่งซ้าย

เซนส์ในการเล่นเกมรุกของ มูนยอซ และ มิตเชลล์ ตอบสนองระบบเซนเตอร์แบ๊ก 3 คนได้ดี ขณะที่เพลย์เมกเกอร์ศักยภาพสูงทั้ง เอเบเรชี่ เอเซ่ และ ไมเคิ่ล โอลิเซ่ ควรจะได้รับอิสระในการเล่นและมีการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีมในการเล่นเกมบุกมากกว่าการโต้กลับ

เอเซ่ กับ โอลิเซ่ มีพรสวรรค์และเทคนิคฟุตบอลที่ดี กราสเนอร์ให้ทั้งคู่สร้างสรรค์เกมเป็น Double no.10 อยู่หลัง ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า ที่ใหญ่ คล่อง ขยัน บังบอลดี ยิงประตูดี

ทั้ง 3 คนอยู่ในฟอร์มที่สุดยอดและยังอาจจะต่อยอดต่อไปได้อีก

ห้องเครื่องแดนกลางก็เป็นหัวใจสำคัญ อดัม วาร์ตัน กองกลางวัย 20 ปีที่ได้มาจากแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส เมื่อเดือนมกราคมทั้งสดทั้งดุ เพรสซิ่งดี ผ่านบอลฉลาด เล่นร่วมกับรุ่นพี่อย่าง วิลล์ ฮิวจ์ส ได้ลงตัว

ขณะที่คนอื่น ๆ ก็ช่วยทีมได้ดีเมื่อได้รับมอบหมายให้ลงสนาม เนธาเนียล ไคลน์, โจเอล วอร์ด, เจฟฟรี่ย์ ชลุปป์, นาอุยรู อฮามาด้า, เจฟเฟอร์สัน เลอร์มา, ออดซอนน์ เอดูอา, จอร์แดน อายิว

บอลโต้กลับของ คริสตัล พาเลซ ยังคงเป็นอาวุธที่ดี แต่พวกเขาเสริมคุณภาพด้านอื่นเข้าไปด้วย สิ่งสำคัญที่ กราสเนอร์ เติมให้กับลูกทีมคือความเชื่อและทัศนคติว่าพวกคุณสามารถเล่นฟุตบอลที่ดีกว่าเคยเล่นได้

พวกคุณมีความสามารถมากกว่านั้น และผมกับคุณจะช่วยกันระเบิดมันออกมา เรามาเล่นเกมบุกที่สนุกกันเถอะ.. 

พาเลซเปลี่ยนไปเป็นทีมที่กล้าเปิดเกมบุก กล้าครองบอลเพื่อควบคุมเกม ไล่บีบแย่งบอล อ่านเกมตัดบอล ไม่ปักหลักตั้งรับหน้าเขตโทษแล้วรออีกฝ่ายพลาดอย่างเมื่อก่อน

สถิติการเพรสซิ่งของ คริสตัล พาเลซ เพิ่มขึ้น 18 เปอร์เซนต์ แย่งบอลได้มากขึ้น บีบให้คู่แข่งผิดพลาดถี่ขึ้น

เล่นแบบทีมใหญ่ ไม่ใช่ทีมเล็ก เราเล็กแค่ชื่อ แต่การเล่นนั้นไม่ใช่.. ทัศนคติเหล่านี้ถูกปลูกฝังลงไปจนเป็นความเชื่อร่วมกัน

คริสตัล พาเลซ ในมือกราสเนอร์เปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามได้ผ่านบอลกันน้อยลง ต่อบอลลำบากขึ้น เพราะกล้าดันขึ้นไปกดดันแย่งบอลถึงแดนบน

หลายครั้งเป็นเซนเตอร์แบ๊กอย่าง คริส ริชาร์ดส์ มาร์ค เกฮี หรือ โจอาคิม อันเดอร์สัน ที่อ่านจังหวะตัดบอลส่งของคู่แข่งตรงกลางสนาม แล้วเปลี่ยนจากรับเป็นรุกในฉับพลันก่อนไปจบที่ประตู

การเล่นแบบนี้อาจเป็นเรื่องปกติธรรมดาของทีมใหญ่ ๆ แต่ไม่ใช่แน่นอนกับทีมเล็กอย่าง คริสตัล พาเลซ มันไม่ง่ายที่จะเปลี่ยนทัศนคติ ปรับแนวคิด เติมความเชื่อมั่น และพัฒนาศักยภาพของนักเตะในทีมจนสามารถทำมันได้

โอลิเวอร์ กราสเนอร์ จึงน่าชื่นชมไม่น้อยที่ทำมันได้ แม้เราจะไม่อาจรู้อนาคตว่าปลายทางของเขาและทีม ๆ นี้จะเป็นอย่างไรก็ตาม

ตังกุย


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport