เด็กหงส์โลกสวย เชิญทางนี้ ..

จากแม็ตช์พรีเมียร์ลีกนัดที่ 30 ที่ลิเวอร์พูล กำราบบ๊วย เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด กลับไปยึดตำแหน่ง “จ่าฝูง” หนาวเหน็บอีกครั้ง ต่อให้จะเข้าเดือนเมษายนแล้วก็ตาม ใครคนนี้ขอจับประเด็นมาพูดคุยกันสักหน่อยฮะ ในแบบฉบับ เด็กหงส์โลกสวยยยยย — ไม่ว่ากันนะ (แต่ถ้าจะว่า ก็หาได้แคร์ไม่ ฮ่าฮ่า)

ข้อแรก)ลิเวอร์พูลจัดตัวตามสภาพ ไม่เหมือนคู่แข่งลุ้นแชมป์

ในขณะ อาร์เซน่อลลงเตะมิดวีคกับลูตัน ไม่มีตัวเก่ง บูกาโย่ ซาก้า ที่มีอาการบริเวณกล้ามเนื้อรบกวน พัก เดคแคลน ไรซ์ ยอดมิดฟิลด์  และรวมแล้วเปลี่ยนสตาร์ตติ้ง ไลน์อัพ จากชุดเยือนแมนฯ ซิตี้ มากถึง 5 ราย

ซึ่งบางที มิเกล อาร์เตต้า อาจพึงพอใจมากกับการจำกัดการเข้าทำของแชมป์เก่าได้  แต่มันจะเป็น “หนึ่งแต้มที่ล้ำค่าที่สุดของซีซั่น”  หรือไม่ ไว้ท้ายซีซั่น ค่อยดูบทสรุปกัน

ส่วนแมนฯ ซิตี้ ที่ไล่ถล่ม แอสตัน วิลล่า  ได้เห็นแฮตทริคของฟิล โฟเด้น   สามารถพักทั้ง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ดาวซัลโวสูงสุดของลีก และ เควิน เดอ บรอยน์

ตัวเจ็บปืนนาทีนี้ นอกจากซาก้า ก็มี ยูเรียน ทิมเบอร์ ที่กลับมาลงซ้อมได้แล้ว  ความพร้อมในเรื่อ

งสรรพกำลัง ถ้าเทียบกับช่วงเวลานี้ของปีก่อน  ถือว่า เจ๋งกว่าแน่นอน

ส่วนเป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีปัญหาหน่อยตรงแนวรับ ไคล์ วอล์คเกอร์, เนธาน อาเค่ รวมไปถึงนายทวาร เอแดร์ซอน ที่ล่าสุดคาดว่า จะกลับมาปลายเดือนนี้เลยทีเดียว

แต่ในเมื่อคุณยังสามารถใช้ มานูเอล อาคานจี ใช้ รูเบน ดิอาซ นำมาในแนวรับ  มีจอห์น สโตนส์ กลับมาบนม้านั่งสำรองแล้ว  มันแทบจะ  ไม่มีปัญหาเลยสักนิด ..

ผิดกันกับลิเวอร์พูล ที่ลงเตะช้ากว่า 1 วัน  เยอร์เก้น คล็อปป์ จัดตัวตามสภาพ เมื่อ เทรนต์, อาลี, ดีโอโก้ โชต้า  ตัวเป้งๆ ทั้งนั้น ยังไม่มีใครพร้อม

เปลี่ยนแค่ 2 ราย จากชุดเฉือนไบรท์ตัน แบบหวุดหวิด  อิบราฮิม่า โกนาเต้ เข้ามาในแนวหลัง (ซึ่งก็เห็นจนชิน สภาพร่างกายของอิบู บางทีรู้สึกว่าเดินเหยียบมด อาจต้องพักสามสัปดาห์ได้ !  เลยไม่ค่อยให้เล่นต่อเนื่องมากนัก โชคดีที่ ยาเรลล์ ควอนซ่าห์ เป็นหนึ่งในเซอร์ไพรส์ของซีซั่น ทดแทนกันได้ * แต่อย่าไปกดดันเด็กครับ ต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะ)

และก็เลือก ไรอัน กราเฟนแบร์ก ลงมาในแผงมิดฟิลด์ แทนที่ วาตารุ เอ็นโด ที่มีอาการเล็กน้อย พักไว้สำหรับเล่นแม็ตช์แดงเดือด วันอาทิตย์นี้ดีกว่า 

บางที ถ้า ลิเวอร์พูล เตะคืนวันพุธ ไม่ใช่คืนพฤหัส  คล็อปป์อาจจะเปลี่ยนมากกว่านี้ก็ได้  แต่พอมีเวลาฟื้นร่างกายที่พอจะโอเค ก็เลยยืดชุดเดิมไว้ก่อนดีกว่า

ข้อสอง)กล้าจริงๆ  เอา โม ซาล่าห์ ออกเร็ว

นี่คือ คุณสมบัติของคนที่เป็นยอดโค้ช ยอดกุนซือ ขอรับ ..

ถามหน่อยว่า จะมีโค้ชสักกี่คนบนโลกใบนี่ ที่ทีมกำลังลุ้นแชมป์อยู่ ทุกเกมเหมือน “นัดชิง” หมด  คุณจะกล้าเปลี่ยน ดาวซัลโวประจำทีมออกตั้งแต่นาที 60  และเพิ่งโดนตีเสมอ

มันอาจจะเป็นแผนที่วางไว้ก่อนแล้ว เมื่อมีแม็ตช์ แมนฯยูฯ รออยู่ ซึ่งนักเตะมีเวลาฟื้นร่างกายแบบจำกัด และคล็อปป์ แสดงให้เห็นมาตลอดว่า เขาพยายามทะนุถนอมกับการใช้งาน ซาล่าห์ หลังจากที่เคยเอากลับมาลงเล่น แล้วต้องพักอีก

เป็นแฟนอย่างพวกเรา ต่อให้แม็ตช์นี้ ซาล่าห์ จะน่าหงุดหงิดกับจังหวะง้างไกไปหน่อย ยังงัยก็ละเว้นไว้คนหล่ะครับ  ตราบใดที่ โม อยู่ในสนาม  ยังงัยก็อุ่นใจการลงสนามของ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียต หรือต่อมา โคดี้ กัคโป

เห็นท่าทีตอนโดนเปลี่ยนตัว โม ไม่สบอารมณ์นัก, และพอไปนั่งม้านั่งสำรอง กล้องก็จับอารมณ์หงุดหงิดต่อเนื่อง  ซึ่งถูกต้องแล้ว นี่คือคุณสมบัติของผู้ชนะ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

แต่พอ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ตะบันสุดสวยเป็นลูกขึ้นนำ 2-1  และผมถือว่าเป็นลูกตัดสินเกม ต่อให้จะมีลูกโหม่งของ กัคโป ปิดท้ายก็ตาม,  ก็ได้เห็น โม ยิ้มแย้มอีกครั้งนึง

ถ้าลิเวอร์พูล ไม่ชนะ ใครต่อใครคงจี้ประเด็นเปลี่ยน โม ออกเร็วเป็นแน่ แต่นี่ก็เป็นอีกนัดที่ คล็อปป์ แสดงให้เห็นถึงการแก้เกมของเขา

เสี่ยง เสี่ยง  แต่ตอบโจทย์จนได้ฮะ ..

ข้อสาม) เหยื่อจาก กัคโป เป็น กราเฟนแบร์ก

ชอบจังตอนให้สัมภาษณ์หลังเกมกับช่อง TNT SPORTS (เมื่อก่อนเป็น บีที สปอร์ตส์)  แล้วแมน ออฟ เดอะ แม็ตช์ - อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เอ่ยชม โคดี้ กัคโป ที่ยืนอยู่ข้างๆ  “ให้ผมพูดอะไรหน่อยนะ ผมมีความสุขมากกับใครคนนี้ เขาทำงานหนักมาก และวันนี้ เขาทำประตูได้”   พยายามกลบเสียงวิจารณ์หนาหูในช่วงหลัง

เกิดเป็นนักเตะลิเวอร์พูลยุคนี้ เหมือนจะเป็นเป้ากว่าใครใคร

เมื่อก่อนก็สุดหล่อ ดาร์วิน นูนเญซ  ซึ่งนัดนี้ ก็แสดงความเป็น ดาร์วิน นูนเญซ ออกมา !   การวิ่งไล่บีบผู้รักษาประตูคู่แข่งเห็นกันชินตา 

ก่อนไอโว เกอร์บิช นายทวารเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด จะทำพลาดมหันต์  ศูนย์หน้าอุรุกวัยก็วิ่งไปกดดันมาทีแล้ว แต่หนแรก เกอร์บิช จับบอลโยนเตะได้   ดาร์วินก็วิ่งกลับไปที่กลางสนาม แต่พอย้อนคืนผู้รักษาประตูทีมบ๊วยใหม่  ถ้าเป็นกองหน้าคนอื่น อาจจะปล่อยไป แต่ดาร์วิน ก็ยังทำในสิ่งที่ คล็อปป์ เห็นต้องร้อง ว้าวว วิ่งกลับไปกดดันอีกรอบ และบล๊อคการเตะของคีพเพอร์ ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายเฉย — อาจจะเป็นลูกโชคดี แต่ถ้าคุณไม่ขยัน ก็ไม่ได้ประตูหรอกครับ

กัคโป อาจจะคนละสไตล์กับ ดีโอโก้ โชต้า ที่แฟนค่อนข้างชอบความคม การหาจังหวะยิงประตูของเขา รวมทั้งเป็นคนตัวเล็กที่โหม่งทำประตูได้ดี  แต่การทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ ก็เทียบกับใครอย่าง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ (ตัวจริงสม่ำเสมอของอาร์เซน่อล), เดยัน คูลูเซฟสกี้ (ตัวรุกท็อตแน่ม) หรือ แบร์นาร์โด้ ซิลว่า (ตัวสำคัญแมนฯ ซิตี้ ที่มักจะถูกยกย่อง)

ก็ยอมรับครับว่า การเข้ามาเป็นตัวจริงของ ไรอัน กราเฟนแบร์ก นักเตะดัตช์ ไม่ใช่ฟอร์มที่น่าประทับใจนัก ยังมีอะไรติดๆ ขัด และก็ยังไม่เห็นเขายิงประตู หรือแอสซิสต์ ในพรีเมียร์ลีกได้

เพียงแต่ว่า คุณก็ต้องมองด้วยว่า หมอนี่อายุเพียงแค่ 21 ปี เป็นเด็กดาวรุ่งคนหนึ่ง และมาเล่นในลีกใหม่ที่เข้มข้นกว่าเพียง 8 เดือนเศษ เท่านั้นเอง

ให้เวลาพัฒนาตัวเองไปครับ ไม่ต้องหาเรื่องตำหนิ … ใครคนนี้มองทรงแล้ว ก็ได้อยู่นะ

ข้อสี่) ไม่ต้องเถียง อเล็กซิส เป็นเบอร์หก หรือเบอร์แปด

จากลูกผ่านโชว์คลาส ให้โม ยิงดับไบรท์ตัน สู่การวิ่งเข้าตะบันด้วยตัวเอง ดับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด นาทีนี้ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เป็นตัวสำคัญที่ไม่ควรจะขาดหายสำหรับลิเวอร์พูล จริงๆ ครับ

และใครคนนี้ ยังนึกไปถึงเกมยากอีกเกม บุกไปเฉือน น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ จากลูกโหม่งนาที 90 +9 ของดาร์วิน นูนเญซ ,  ก็เป็นคลาสของ อเล็กซิส ที่ไม่เลือกจ่ายบอลย้อน หรือออกข้างให้เพื่อน เลือกเล่นเอง ม้วนตัวโยนอย่างเหมาะเหม็ง เข้าหัวพวกชอบจิบชาเต เหมือนกัน

อีกเยอะครับ ถ้าจะกล่าวชม ใครคนนี้ ที่มีส่วนยิงประตู + แอสซิสต์ รวมกันถึง 8 ประตู จากการลงเป็นตัวจริง 9 แม็ตช์หลังสุดให้ลิเวอร์พูล จากทุกการแข่งขัน

สำหรับนักเตะคนอื่น อาจมีตำแหน่งถนัดของตัวเอง ต้องเล่นตรงนั้น ตรงนี้ เท่านั้น ถึงจะแสดงประสิทธิภาพสูงสุดออกมา

แต่ แม็ค อิลลิสเตอร์ สำหรับผม เขาทำได้ดีหมดเลย ไม่ว่าจะเล่นบท no.6  เน้นยืนต่ำ หรือ no.8 เมื่อมี เอ็นโด รองให้  หรือถ้าเล่นบท “ดับเบิ้ล ซิกซ์”   ก็ไม่มีปัญหา

เพราะเขาคือมิดฟิลด์เวิลด์ คลาส แบบครบเครื่อง รุกก็ได้ รับก็ดี ฮะ

ลิตเติ้ลโจ


ที่มาของภาพ : getty images
BY : ลิตเติ้ลโจ
สุรศักดิ์ มากทวี
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport