สมศักดิ์ศรีแดงเดือด! สิ่งที่อยากบอกหลัง แมนยู พลิกชนะ ลิเวอร์พูล สุดมันส์

สมศักดิ์ศรีศึกแดงเดือด เชือดเฉือนกันสุดมันส์ ตะบันสนั่นจอ สุดท้ายเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่พลิกกลับมาชนะในนาทีสุดท้ายของช่วงต่อเวลาพิเศษ

1.ถือเป็นเกมที่ผิดจากที่คาดไว้พอสมควร

พลพรรคปีศาจแดงเล่นกันได้ไฉไล แม้จะไม่ถึงขั้นไฉไลเป็นบ้า แต่อย่างน้อยก็แสดงความมุ่งมั่นและทุ่มเทออกมาเต็ม 80,000 ตีนถีบ

ที่สำคัญคือไม่ได้เน้นเกมรับมากเกินไปแบบรถบัสให้เขาค่อนขอด กล้าที่จะเปิดเกมรุกสู้ แถมทำได้ดีมาก แม้จะใช้โอกาสเปลืองไปหน่อยก็ตาม

การต่อบอลทำชิ่งมีความแม่นยำ แก้เพรสส์คู่แข่งสวยๆ หลายจังหวะ รวมถึงขึ้นไปกดดัน ลิเวอร์พูล จนเซ็ตบอลไม่ถนัด ก่อนชิงจังหวะขึ้นนำได้สำเร็จ

2.แมนฯ ยูไนเต็ด ควรจะทิ้งห่างเป็น 2-0 ด้วยซ้ำจากจังหวะตะบันของ สก๊อตต์ แม็คโทมิเนย์ 

ต่อเมื่อเอาโอกาสไปยัดลงโถส้วม พวกพรี่ๆ เขาก็เริ่มตั้งหลักได้มากขึ้นเรื่อยๆ และนั่นคือหายนะ

เกมรุกหงส์แดงทรงประสิทธิภาพ โดยไม่จำเป็นต้องขย่มอย่างต่อเนื่อง แล้วเกมรับของปีศาจแดงก็พังจนได้ในช่วงท้ายครึ่งแรก

มิเพียงเท่านั้น พอโดนตีเสมอแล้วก็เสียสมาธิกันเองจนพลาดแบบไม่ควรพลาด คือหลังจากเสียประตูในช่วงเวลาสำคัญแบบนั้น คุณควรจะตั้งสติพลางปิดเกมให้ผ่านครึ่งแรกด้วยสกอร์ 1-1 ไปก่อน

มิใช่การเสียถึง 2 ประตูติดๆ กันในช่วงท้ายครึ่งแรก

นาทีนั้น ผมคิดว่าลำบากแน่ เพราะ ลิเวอร์พูล กลับมาแล้ว !!!

3.แล้วก็เป็นจริงอย่างที่หวั่นเกรง

นับตั้งแต่นาทีแรกของครึ่งหลัง พลพรรคหงส์แดงครองบอลบุกใส่เจ้าบ้านอยู่ข้างเดียวเลย

ผู้เล่นพันธุ์อสูรหาบอลกันแทบไม่เจอ ตั้งเกมของตัวเองแทบไม่ได้เลย โอกาสโดนดอกที่ 3 มีมากกว่าการตีเสมอ

แต่จุดเปลี่ยนคือ ลิเวอร์พูล เปลี่ยนสกอร์เป็น 3-1 ไม่ได้ ทั้งที่มีโอกาส เฉพาะอย่างยิ่งตอนโต้กลับแล้วหลุดขึ้นมาถึง 4-5 คน

อีกจุดคือความชะล่าใจของพวกเขาเอง

เจอร์เก้น คล็อปป์ ถอดตัวอันตรายอย่าง โม ซาล่าห์ ออกซะอย่างนั้น !!!

เบาลงไปเยอะเลยนะครับ เมื่อหน้าขวาของพวกพรี่ๆ เขาคือ โคดี้ คักโป

มิหนำ 

นับตั้งแต่นาทีที่ 80 เป็นต้นมา เครื่องจักรสีแดงก็ชอตไปดื้อๆ ชอตไปดื้อๆ จน แมนฯ ยูไนเต็ด ครองบอลบุก เพื่อทวงประตูคืนได้มากขึ้น ก่อนตีเสมอได้สำเร็จ

เข้าใจว่าเป็นผลจากการลงเล่นอย่างซอยยิกเกินไป

เกม ยูโรปา ลีก เมื่อวันพฤหัสฯ เจเคจัดชุดเกือบใหญ่ลงทำศึก ทั้งที่มีชัยในเกมแรก 5-1 และมันส่งผลต่อผู้เล่นในช่วงท้ายเกมที่อ่อนกำลังไปอย่างเห็นได้ชัด

4.แม้จะชิงจังหวะขึ้นนำอีกครั้งเป็น 3-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่เกมของ ลิเวอร์พูล ไม่ได้เหนือกว่าเลย ซ้ำยังจ่ายบอลกันผิดพลาดบ่อยหน

ว่าแล้วก็ต้องชม เอริค เทน ฮาก ที่มองเห็นจุดบกพร่องของคู่แข่งแล้วกล้าวัดได้เสียด้วยการส่งตัวรุกลงมาบดขยี้แบบเสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน

ขอโทษ...นาทีนั้น แผงแบ็คโฟร์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ประกอบด้วย ดิโอโก้ ดาโลต์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, บรูโน่ แฟร์นันด์ส และ อันโตนี่

อาหมัด ดิยัลโล่ ถูกส่งลงมาเป็นกองหน้า 

คริสเตียน เอริคเซ่น กับ เมสัน เมาต์ ถูกส่งลงมาเพื่อเสริมเกมรุก เซ็นเตอร์แบ็คอย่างไอ้หัวแตงโมก็ขึ้นสูงตามจังหวะเหมือนเป็นหัวหอกอีกคน

จังหวะประตูชัย "ไอ้หมัด" ทำสิ่งที่เหลือเชื่อ เพราะจังหวะนั้น อเลฮานโดร การ์นาโช่ แทงลูกให้แบบไม่ค่อยได้เปรียบเท่าไหร่ ทว่าด้วยการจับบอลแรกได้ดี และสับไกด้วยซ้ายที่เหมาะเหม็งมากๆ นำมาซึ่งประตูชัยในนาทีสุดท้าย

5. บทสรุปของเกมนี้

หนึ่งคือ แมนฯ ยูไนเต็ด แสดงให้เห็นว่าถ้าตั้งอกตั้งใจจะเล่นเกมรุกกันจริงๆ พวกมึงก็เล่นได้นี่หว่า ทำไมหลายเกมที่ผ่านมาถึงชอบด้อยค่าตัวเองแบบนั้น และเอริค เทน ฮาก ควรเลิกปอดแหกได้แล้ว

หนึ่งคือ ลิเวอร์พูล พลาดเองเยอะมากๆ แถมติดประมาทกันอีกตะหาก เพราะทิ้งโอกาสพิฆาตปีศาจแดงไปหลายหน ก่อนจะไม่ละเอียดในหลายจังหวะจนถูกลงโทษ

สุดท้ายคือมนตร์เสน่ห์ของ เอฟเอ คัพ ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด มักจะทำได้ดีกว่า ลิเวอร์พูล เสมอ มันยังคงอยู่

โบนัส แทร็ค: อย่างไรก็ตาม เรียนตามตรงว่าผมใจคอไม่ดีเลยว่ะ เพราะทั้งคู่จะต้องปะทะกันอีกครั้งในช่วงต้นเดือนเมษายนนี้

แน่นอนว่าพวกพรี่ๆ เขาจะบุกมาเยือน โอลด์ แทรฟฟอร์ด พร้อมกับความคับแค้น

บอ.บู๋


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : บอ.บู๋
บูรณิจฉ์ รัตนวิเชียร
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport