ชะตาอยู่ในมือ-จอมคัมแบ็ก!5เหตุผล ลิเวอร์พูล จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ฯ

ชะตากรรมอยู่ในมือตัวเอง-ป้อมปราการเหล็ก แอนฟิลด์-คิง ออฟ คัมแบ็ก และ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไทม์ เปิด 5 เหตุผลทำไมซีซั่นนี้แชมป์ พรีเมียร์ลีก มีโอกาสจะตกเป็นของ ลิเวอร์พูล

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2023/24 ฟาดแข้งกันไปแล้ว 27 นัด โดยที่การลุ้นแชมป์เป็นไปอย่างสูสี และดุเดือดสุดๆ หลังเวลานี้ ลิเวอร์พูล นำเป็นจ่าฝูง เก็บไป 63 คะแนน ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ ทีมแชมป์เก่า รั้งอันดับสองที่ 62 คะแนน ส่วน อาร์เซน่อล อยู่ที่ 3 มี 61 คะแนน 

นี่จะเป็นซีซั่นสุดท้ายที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน จะคุม "หงส์แดง" และอาจส่งท้ายด้วยการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก หลังก่อนหน้านี้ได้ คาราบาว คัพ ไปแล้ว ด้วย 5 เหตุผลนี้

1. ป้อมปราการเหล็ก แอนฟิลด์

ลิเวอร์พูล เก็บได้ถึง 35 จาก 39 คะแนนเวลาที่ลงเล่นในถิ่น แอนฟิลด์ ฤดูกาลนี้ ซึ่งเป็นสถิติการเล่นในบ้านที่ยอดเยี่ยมสุดของบรรดาทีมทั้งหมดใน 4 ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี 

นอกจากนั้นลูกทีมของ คล็อปป์ ยังเป็นทีมใน พรีเมียร์ลีก ที่ยิงได้เยอะสุดและเสียประตูน้อยสุดเมื่อลงเล่นในบ้านซีซั่นนี้อีกด้วย

ลิเวอร์พูล จะลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก ที่ แอนฟิลด์ 4 จาก 5 เกมต่อไป เริ่มตั้งแต่รับมือ แมนฯ ซิตี้ วันอาทิตย์ที่ 10 มี.ค.นี้ และหากพวกเขายังแกร่งในบ้านก็มีโอกาสที่จะเข้าป้ายคว้าแชมป์ในที่สุด

2. คิง ออฟ คัมแบ็ก

ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่กลับมาเก็บได้ถึง 22 คะแนนหากโดนคู่แข่งยิงนำไปก่อนในฤดูกาลนี้ มากสุดในบรรดาทีม พรีเมียร์ลีก และนี่เป็นอีกจุดสำคัญที่ทำให้พวกเขายังเป็นจ่าฝูงในเวลานี้

"หงส์แดง" ตกเป็นรองคู่แข่ง 12 นัด ก่อนกลับมาแซงคว้าชัยได้ 6 นัด และเสมออีก 4 นัด ขณะที่ อาร์เซน่อล ตกเป็นรองคู่แข่ง 8 ครั้งกลับมาชนะได้แค่ 2 หนเท่านั้น และแพ้ไป 4 นัด

นอกจากนั้นเด็กๆ ของ คล็อปป์ ยังยิงประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บได้อีกถึง 10 ลูก ทำให้ได้คะแนนมา 7 แต้ม นั่นแสดงให้เห็นว่า บรรดานักเตะ "หงส์แดง" พร้อมสู้จนกว่ากรรมการจะเป่านกหวีดจบเกม

3. ไม่มีเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ต้องพะวง

ลิเวอร์พูล ไม่ต้องพะวงกับการลงเล่นเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่นนี้ หลังเข้ามาเล่นถ้วย ยูโรปา ลีก ที่เวลานี้เข้าสู่รอบน็อกเอาต์แล้ว

ยูโรปา ลีก เป็นถ้วยเดียวที่ คล็อปป์ ยังไม่เคยได้กับ ลิเวอร์พูล หลังไปได้ไกลสุดคือเป็นรองแชมป์เมื่อฤดูกาล 2015/16 ซึ่งเป็นปีแรกที่กุนซือชาวเยอรมัน มาทำงานในถิ่น แอนฟิลด์

"หงส์แดง" จะเจอกับ สปาร์ต้า ปราก ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งไม่ได้เป็นงานที่หนักมาก ไม่เหมือนกับการไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่มีโอกาสจะต้องดวลกับทีมแข็งๆ อย่าง เรอัล มาดริด หรือ บาเยิร์น มิวนิค

4. นักเตะสำคัญเริ่มกลับมาแล้ว

ก่อนหน้านี้ คล็อปป์ ต้องเจอปัญหาใหญ่หลังนักเตะสำคัญเจ็บเกินครึ่งทีม แต่พวกเขาก็สามารถประคองให้เก็บชัยชนะมาได้เรื่อยๆ ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้พวกดาวรุ่งด้วย

ทั้ง วาตารุ เอ็นโด, โดมินิค โซโบซไล และ ดาร์วิน นูนเญซ หายเจ็บกลับมาเล่นได้แล้วในเกมชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์

ส่วน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กลับมาซ้อมเรียบร้อย และจะพร้อมลงดวล แมนฯ ซิตี้ สุดสัปดาห์นี้ ขณะที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ เคอร์ติส โจนส์ ก็คาดว่าจะกลับมาได้ในเดือนนี้

5. ชะตากรรมอยู่ในมือตัวเอง

ลิเวอร์พูล ไม่ต้องฝากอนาคตไว้กับใครเพราะเวลานี้นำเป็นจ่าฝูงโดยที่แข่งเท่ากับ แมนฯ ซิตี้ และ อาร์เซน่อล ทำให้หากชนะหมดในเกมที่เหลือก็จะคว้าแชมป์แน่นอน

หาก ลิเวอร์พูล สามารถเปิดบ้านเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ ในวันอาทิตย์นี้ก็จะยิ่งทำให้โอกาสคว้าแชมป์เพิ่มขึ้นอีกเยอะ เพราะ "เรือใบสีฟ้า" ยังมีโปรแกรมต้องเจอ อาร์เซน่อล อีกด้วย


ที่มาของภาพ : Getty
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport