อย่างกับคนละชุด! ความยอดเยี่ยมหลังพักเบรกหนีหนาวของ อาร์เซน่อล

เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1 ในลีก, แพ้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 0-2 ในลีก, ปราชัยต่อ ฟูแล่ม 1-2 ในลีก และ แพ้ ลิเวอร์พูล 0-2 ในศึก เอฟเอ คัพ คือผลงานในช่วง 4 นัดสุดท้ายก่อนถึงช่วงพักเบรกหนีหนาวประจำฤดูกาล 2023-24 ของ อาร์เซน่อล ซึ่งแน่นอนว่านั่นนับเป็นผลงานที่น่าผิดหวังของทีมที่หลายคนมองว่าเป็นหนึ่งในตัวเต็งแชมป์ พรีเมียร์ลีก

อย่างไรก็ตาม หลังจากในช่วงพักเบรกหนีหนาวพวกเขาไปซ้อมกันที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แล้วนั้น "ไอ้ปืนใหญ่" ก็โชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงสุดขีดด้วยการยิงไปรวมกันถึง 21 ประตูจากการลงเล่นในลีก 5 นัด ซึ่งเมื่อเจาะลึกลงไปก็จะพบว่ามีหลายด้านที่พวกเขาทำได้ยอดเยี่ยมหลังพ้นช่วงพักเบรกหนีหนาวไปแล้ว จนมีส่วนทำให้ตอนนี้พวกเขาตามหลัง ลิเวอร์พูล ที่เป็นจ่าฝูงอยู่เพียง 2 แต้มเท่านั้น

- ซาก้า กับ มาร์ติเนลลี่ คืนฟอร์ม

ในบรรดาผู้เล่นที่เป็นความหวังใหม่ของ อาร์เซน่อล ชุดนี้นั้น บูกาโย่ ซาก้า กับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ คือ 2 แนวรุกที่ถูกตั้งความคาดหวังเอาไว้สูงพอตัว หลังจากทั้งคู่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นตั้งแต่ซีซั่นก่อน แต่ในการลงเล่น 20 นัดของทุกรายการก่อนถึงช่วงพักเบรกหนีหนาวพวกเขามีผลงานน่าผิดหวังพอตัว เมื่อทำประตูรวมกันได้แค่ 8 ลูก

ถึงกระนั้น การลงเล่นร่วมกัน 5 นัดหลังสุดทั้ง 2 คนยิงรวมกันไปถึง 9 ประตูเลยทีเดียว โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะพวกเขากล้ายิงกันมากขึ้น เพราะในช่วง 5 เกมหลังสุดทั้งคู่มีจังหวะง้างเท้ายิงรวมกันเฉลี่ย 6 ครั้งต่อเกม ขณะที่ 20 นัดก่อนหน้านั้นกับการลงเล่นในทุกรายการทำไปเพียง 4.2 หนต่อนัด

การยิงของ ซาก้า กับ มาร์ติเนลลี่ ยังดีกว่าเดิมอย่างมากด้วย เพราะก่อนถึงช่วงพักเบรกหนีหนาว ซาก้า มีค่าเฉลี่ย "ความน่าจะเป็นของประตู" หรือจังหวะการยิงที่สวยๆ จนมีโอกาสเป็นประตูสูงเพียงแค่ 0.36 ลูก แต่พอกลับมาจาก ดูไบ ตัวเลขกลับเพิ่มเป็น 0.86 ลูก ขณะที่ของ มาร์ติเนลลี่ เพิ่มจาก 0.14 มาเป็น 0.35

เปรียบเทียบผลงานของ บูกาโย่ ซาก้า กับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ (นับรวมทุกรายการ)
ประเภท
ก่อนพักเบรกหนีหนาว 
หลังพักเบรกหนีหนาว
ประตู
8
9
ค่าเฉลี่ยการยิงต่อ 1 เกม
4.2
6
ความน่าจะเป็นของประตู
0.36 (ซาก้า), 0.14 (มาร์ติเนลลี่)
0.86 (ซาก้า), 0.35 (มาร์ติเนลลี่)

- ร่างทองของ โอเดการ์ด

ซีซั่นที่แล้ว โอเดการ์ด มีผลงานที่น่าทึ่งจนหลายคนถึงขนาดยกเขาไปเปรียบเทียบกับ เควิน เดอ บรอยน์ เลยทีเดียว แต่ในช่วงครึ่งแรกของซีซั่นนี้ดาวเตะชาวนอร์เวย์มีผลงานดร็อปลงมากพอตัวจนทำให้โดนตำหนิในระดับหนึ่ง โดยหนึ่งในหลักฐานที่ยืนยันถึงเรื่องนั้นคือการที่ก่อนพักเบรกหนีหนาวเขาสร้างโอกาสทำประตูได้แค่ 2.6 ครั้งต่อนัด แต่ในช่วง 5 เกมหลังสุดเขายกระดับตัวเองได้ดีจนมีผลงานด้านนี้เพิ่มเป็น 4 หนต่อเกมเลยทีเดียว

นอกจากนี้ เขายังผ่านบอลเข้าไปในพื้นที่สุดท้ายเฉลี่ยแล้วเพิ่มจาก 22 ครั้งต่อเกม ไปเป็น 27.4 หนต่อนัดด้วย และผ่านบอลในแดนของคู่แข่งเพิ่มเป็น 41.2 หนต่อเกม จากเดิมที่ทำได้เพียง 32.2 ครั้งต่อนัดอีกต่างหาก ซึ่งทั้งหมดนี้ก็มีส่วนช่วยให้ใน 5 นัดหลังสุดเขาทำได้ถึง 3 แอสซิสต์ โดยจำนวนนั้นเท่ากับที่เขาเคยทำได้ในช่วง 17 นัดที่ลงเล่นก่อนถึงช่วงพักเบรกหนีหนาว

เปรียบเทียบผลงานของ มาร์ติน โอเดการ์ด (นับรวมทุกรายการ)
ประเภท
ก่อนพักเบรกหนีหนาว 
หลังพักเบรกหนีหนาว 
ค่าเฉลี่ยการสร้างโอกาสทำประตูต่อ 1 เกม
2.6.
4
ค่าเฉลี่ยการผ่านบอลเข้าไปในพื้นที่สุดท้ายต่อ 1 เกม
2.2
2.4
ค่าเฉลี่ยการผ่านบอลในแดนของคู่แข่งต่อ 1 เกม
32.2
41.2
การแอสซิสต์
3
3

- อาวุธที่หลากกหลาย

เชื่อหรือไม่ว่าจาก 21 ประตูที่ อาร์เซน่อล ทำได้กับการเล่น 5 นัดหลังสุดนั้น มันมาจากนักเตะถึง 9 คน แถมคนที่ทำประตูได้มีตั้งแต่กองหลังยันกองหน้า โดยของแผงหลังเป็น กาเบรียล มากัลเญส กับ วิลเลี่ยม ซาลิบา ที่ทำได้รวมกัน 4 ลูก ส่วนแผงกลางมี มาร์ติน โอเดการ์ด, ไค ฮาแวร์ทซ์ (ลงเล่นเป็นกองกลางถึง 4 เกมจาก 5 นัดหลังสุด) และ เดแคลน ไรซ์ ที่กดไปรวมกัน 3 ประตู ขณะที่แนวรุกนั้นทั้ง มาร์ติเนลลี่, ซาก้า, กาเบรียล เชซุส และ เลอันโดร ทรอสซาร์ ซัดไปรวมกัน 14 ประตู

ผลงานแบบนั้นทำให้ อาร์เซน่อล ถือเป็นทีมที่มีนักเตะทำประตูได้มากที่สุดหากนับเฉพาะเกม พรีเมียร์ลีก 5 นัดหลังสุด โดยอันดับ 2 ได้แก่ ลิเวอร์พูล ที่มีนักเตะเจาะตาข่ายได้ 8 คนในช่วงเวลาเดียวกัน ตามมาด้วย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีคนทำประตูได้ 7 ราย

ทีมที่มีจำนวนนักเตะทำประตูได้มากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก 5 นัดหลังสุด

1. อาร์เซน่อล 9 คน

2. ลิเวอร์พูล 8 คน

3. แมนฯ ซิตี้ 7 คน

4. สเปอร์ส 6 คน

- วิลล่า 6 คน

6. แมนฯ ยูไนเต็ด 5 คน


- เด็กเกร็ดบอล -


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : เด็กเกร็ดบอล
เด็กเกร็ดบอล
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport