ต้องชนะเพื่อความมั่นใจ ! เจาะ 5 ข้อก่อนเกม ลิเวอร์พูล รับมือ เบิร์นลี่ย์ ศึกพรีเมียร์ลีก

ลิเวอร์พูล ต้องกลับมาเรียกสติหลังเกมที่ผ่านมาต้องพ่ายแบบหมดรูปให้กับ อาร์เซน่อล 1-3 โดยแมตช์นี้พวกเขาจะเปิดรังแอนฟิลด์รับมือ เบิร์นลี่ย์ ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ โดย เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังไม่มีแข้งคีย์แมนอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โดมินิค โซโบซไล และ คอนเนอร์ แบรดลี่ย์ อย่างไรก็ตาม "หงส์แดง" ยังดูดีมีภาษีมากกว่าทีมเยือน กระนั้น "เดอะ คลาเร็ตส์" จำเป็นที่จะต้องเก็บคะแนนให้ได้ เพราะถ้าพวกเขาอยากอยู่รอดในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ก็ควรจะมีสามแต้มในรังเหย้า "หงส์แดง" ให้ได้

1. แอนฟิลด์เตรียมสร้างสถิติ

หนึ่งในเรื่องน่ายินดีและทำให้นักเตะลิเวอร์พูลมีความฮึกเหิมเป็นทวีคูณนั่นก็คือสนามแอนฟิลด์เตรียมมีสถิติยอดคนดูสูงสุด เพราะรังเหย้าโฉมใหม่จะมีการเปิดรับแฟนบอลเต็มความจุในแมตช์ต้อนรับ เบิร์นลี่ย์ วันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ 

ก่อนหน้านี้ ลิเวอร์พูล มีการลงทุนปรับปรุงอัฒจันทร์ฝั่งแอนฟิลด์ โรด เพื่อเพิ่มความจุของแฟนบอลให้ได้สูงสุด 61,000 ที่นั่ง และมีการเปิดใช้บางส่วนไปแล้ว โดยมียอดคนดูในสนามสูงสุดจำนวน 57,158 ที่นั่งจากเกม "แดงเดือด" เสมอ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-0 ในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา

สำหรับตอนนี้เหลือความจุอีกประมาณ 4,000 ที่นั่งต้องรออนุมัติจากสภาเมืองลิเวอร์พูล โดยล่าสุดมีการยืนยันเมื่อวันศุกร์ที่ 9 ก.พ.ว่า ได้อนุมัติให้เปิดรับแฟนบอลเพิ่มเติมอีก 2,421 คนหลังจากผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยครั้งล่าสุดเรียบร้อยแล้ว

นั่นหมายความว่าแมตช์กับ เบิร์นลี่ย์ จะมีแฟนบอลเข้าชมประมาณ 60,725 ซึ่งใกล้เคียงกับความจุที่ต้องการคือ  61,000 ที่นั่ง ดังนั้นบรรดานักเตะ "เดอะ เร้ดส์" คงจะคาดหวังบรรยากาศ และเสียงเชียร์ที่ดังสนั่นในแมตช์สำคัญนี้ 

2.  ปัญหาบาดเจ็บตามหลอกหลอน

ลิเวอร์พูล ยังต้องเจอกับปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงสุดสัปดาห์นี้พวกเขายังขาดนักเตะคีย์แมนหลายคนที่ไม่สามารถลงสนาม และแน่นอนว่านี่เป็นปัญหาที่ทำให้แฟนบอลลิเวอร์พูลรู้สึกกังวลอย่างมากในช่วงเบียดแย่งแชมป์ลีก

ล่าสุด ติอาโก้ อัลกันทาร่า ได้รับบาดเจ็บกล้ามเนื้อหลังต้นขาอีกครั้งหลังกลับมาลงสนามเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนในเกมที่แพ้ อาร์เซน่อล นั่นทำให้ คล็อปป์ ผิดหวังอย่างมาก เพราะครั้งนี้มีแววที่ สตาร์ชาวสแปนิช คงไม่สามารถกลับมาช่วยทีมได้ในช่วงที่เหลืออยู่ของซีซั่นนี้

ขณะที่ โดมินิค โซโบซไล ก็ยังไม่หายเจ็บกล้ามเนื้อหลังต้นขา เช่นเดียวกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ยังฟิตไม่พอที่จะลงเล่นในเกมวันเสาร์นี้ โดย "บังโม" สามารถกลับมาซ้อมแบบเต็มที่ในสัปดาห์หน้า นั่นหมายความว่าเขาคงได้ช่วยทีมในแมตช์ปะทะ เบรนท์ฟอร์ด 

ส่วน อิบราฮิม่า โกนาเต้ หมดสิทธิ์ลงสนามเพราะติดโทษแบนหลังถูกไล่ออกในเกมกับ "ปืนใหญ่" สำหรับ คอนเนอร์ แบรดลี่ย์ ยังไม่พร้อมในเรื่องของสภาพจิตใจ หลังนักเตะต้องสูญเสียคุณพ่อ ขณะที่ โจ โกเมซ โดนไข้หวัดใหญ่เล่นงานไม่น่าจะหายทัน ด้าน โฌแอล มาติป, สเตฟาน บายเซติช และ เบน โด๊ค ยังอยู่ในช่วงพักฟื้นอาการบาดเจ็บอีกนาน 

3. เบิร์นลี่ย์ ต้องสู้เพื่อความอยู่รอด

ถ้า ลิเวอร์พูล ต้องการที่จะทะยานขึ้นไปรั้งจ่าฝูง งานนี้ เบิร์นลี่ย์ ก็จำเป็นต้องสู้แบบถวายหัวเพื่อที่จะคว้าสามคะแนนให้ได้ เพราะพวกเขายังมีเป้าหมายสำคัญนั่นก็คือการอยู่รอดปลอดภัยในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาลนี้ให้ได้

ทีมของกุนซือแว็งซองต์ กอมปานี รั้งอยู่อันดับ 19 มี 13 คะแนนห่างจาก ลูตัน ทาวน์ ทีมอันดับ 17 อยู่ 7 คะแนน ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือการพยายามคว้าชัยชนะ ในทุกๆ แมตช์ที่ลงเล่นให้ได้ เพราะทุกๆ คะแนนมีความหมายกับ "เดอะ คลาเร็ตต์" 

ความพยายามของพวกเขาที่จะใช้สไตล์การเล่นบอลแบบเดียวกับที่นำไปสู่การเลื่อนชั้นจากแชมเปี้ยนชิพนั้นไม่ได้ผลกับเกมในพรีเมียร์ลีก และแน่นอนว่านี่คืองานที่หนักหนาสาหัสยิ่งกว่าการเข็นครกขึ้นภูเขาสำหรับ นายใหญ่ชาวเบลเยียมอย่างแท้จริง

ถ้าหากถามแฟนบอลเบิร์นลี่ย์แน่นอนว่าพวกเขาคงไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ผลการแข่งขันในเชิงบวกแมตช์ที่ต้องออกไปเยือนทีมของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ แต่กระนั้นเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดีมักจะเกิดเรื่องแปลกๆ ขึ้นได้เสมอ  

4. ลิเวอร์พูล ทำได้ดีกว่า เบิร์นลี่ย์

 สำหรับสถิติในการเจอกันของทั้งสองทีมโดยเฉพาะในพรีเมียร์ลีก ต้องบอกเลยว่า ทีมของคล็อปป์ ทำผลงานได้เหนือกว่า เพราะตลอด 17 เกมในลีกที่ได้ปะทะแข้งกัน "หงส์แดง" ชนะ 13 เสมอ 2 และแพ้ 2 เกมเท่านั้น นั่นทำให้พวกเขาดูดีกว่าคู่ต่อกรจากรองบ๊วย

ที่สำคัญการเจอกันครั้งสุดท้ายของทั้งสองทีมเกิดขึ้นในวัน บ็อกซิ่ง เดย์ ปีที่แล้ว ผลปรากฎว่า ลิเวอร์พูล ชนะ 2-0 โดยได้ประตูจาก ดาร์วิน นูนเญซ และ ดิโอโก้ โชต้า โดยอีกเรื่องที่น่าสนใจก็คือ "เดอะ เร้ดส์" ไม่แพ้ที่ แอนฟิลด์ 26 เกมหลังสุดในทุกรายการ และยิงได้ถึง 77 ประตู เลยทีเดียว

นอกจากจะยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำแล้ว ลิเวอร์พูล เสียไป 9 ประตูในบ้านตัวเองใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ซึ่งน้อยสุดในทุกทีม ดังนั้นการที่ เบิร์นลี่ย์ จะบุกมายิงประตูใน แอนฟิลด์ บอกเลยว่าคงต้องใช้กำลังภายในเยอะมากแน่นอน 

ส่วนเรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่องก็คือในสมัยเป็นนักเตะนั้น แว็งซองต์ กอมปานี กุนซือ เบิร์นลี่ย์ ไม่เคยมาชนะที่ แอนฟิลด์ จากการเล่น 8 นัดกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่เคยทำได้ 1 ประตู แม้ว่าจะดูไม่เกี่ยวกัน แต่หากมองเรื่องขวัญกำลังใจ สิ่งนี้อาจส่งผลกระทบกับนักเตะเบิร์นลี่ย์ก็ได้

5. สามแต้มเพื่อยึดจ่าฝูง

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีคิวรับมือ เอฟเวอร์ตัน เป็นคู่แรกในเกมลีกวันเสาร์นี้ นั่นหมายความว่าถ้าพวกเขาสามารถเอาชนะ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ได้ ก็จะทะยานขึ้นไปเป็นจ่าฝูงทันที โดยโยนแรงกดดันทั้งหมดไปให้กับ ลิเวอร์พูล ที่ต้องลงแข่งช่วงกลางดึก

ทัพ "เรือใบสีฟ้า" ยังมีข้อได้เปรียบอีกนั่นก็คือการที่พวกเขาแข่งน้อยกว่า "หงส์แดง" 1 แมตช์ ดังนั้นสิ่งที่ คล็อปป์ แอนด์ โค. ต้องทำก็คือไม่ต้องคิดอะไรมาก ต้องพยายามเก็บชัยชนะในเกมของตัวเองให้ได้ ก่อนที่จะไปวัดกับ แมนฯ ซิตี้ ที่แอนฟิลด์ ในวันที่ 10 มีนาคม

ไม่ใช่แค่ แมนฯ ซิตี้ เท่านั้นที่ "หงส์แดง" ต้องกังวล เพราะยังมีทั้ง อาร์เซน่อล, แอสตัน วิลล่า และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่พร้อมจะสอดแทรกแซงหน้า ดังนั้นเกมกับ เบิร์นลี่ย์ จึงมีความสำคัญมากๆ ในการที่จะเก็บสามคะแนนต่อหน้าสาวก "เดอะ ค็อป" และเป็นการเรียกขวัญกำลังใจกลับคืนมาหลังเสียท่าให้ อาร์เซน่อล เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน

ทอมเม้ง


ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport