อย่าเพิ่งเรียกสากกะเบือ! เกิดอะไรขึ้นกับ ราสมุส ฮอยลุนด์ ที่ แมนยู

1.ถึงตอนนี้ยังกระทุ้งตาข่ายให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในพรีเมียร์ลีกไม่ได้เลยนะครับจากการลงตัวจริง 9 นัด สำรอง 2 นัด รวมเป็นเวลา 764 นาที เข้าให้แล้ว !!!

2. กองหน้าพอยิงประตูไม่ได้นานเข้าก็มักจะถูกกล่าวหาว่าเป็น "สากกะเบือ"

แต่หากดูนักเตะวัย 20 ขวบผู้นี้เล่นทุกนัด ท่านจะพบว่าเขาไม่ได้ใช้โอกาสเปลือง หรือชอบทำหมูหก ตะบันง่ายๆ พลาดอะไรแบบนั้น

น้องละมุดไม่ค่อยมีโอกาสทำประตูซะมากกว่า

ยกตัวอย่างเกมล่าสุด เขามีโอกาสแค่ 1 ครั้งเท่านั้นเอง

3.รูปแบบการเล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มีส่วนสำคัญ เพราะเล่นแบบเน้นผลบนความรัดกุม ไม่ค่อยกล้าได้และกล้าเสียสักเท่าไหร่

ต่อ 1 เกม หัวหอกพันธุ์โคนมผู้นี้มีโอกาสทำประตูน้อยมาก

เท่านั้นไม่พอยังไม่ได้รับการเปิดป้อนจากเพื่อนร่วมทีมมากเท่าที่ควรอีกต่างหาก

...ว่าแล้วก็นึกถึง "หน้ากึ่งปีก" และ "ฟูลแบ็ค" ทั้ง 2 ข้างของปีศาจแดงดูนะครับว่าครอสส์บอลเป็นอย่างไร ???

4.อย่างไรก็ตาม

เขาต้องโทษตัวเองด้วย

ผมพบว่าในฐานะกองหน้า ราสมุส ฮอยลุนด์ มักจะอยู่ผิดที่ผิดเวลาเสมอยามอยู่ในกรอบเขตโทษ เขาไม่ค่อยพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่ดีที่สุดในการทำลายตาข่าย

เรื่องนี้เป็นเรื่องของความเข้าใจกับเพื่อนร่วมทีมด้วย ว่าแล้วก็ต้องค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ จูนกันไป 

5.มองโลกในแง่ดี

คือถึงแม้นว่ากองหน้าค่าตัว 72 ล้านปอนด์ผู้นี้จะยังกะซวกตาข่ายในพรีเมียร์ลีกไม่ได้ แต่ก็เหมือนเปิดทางให้ "กองหน้าคนที่ 2" อย่าง สก๊อตต์ แม็คโทมิเนย์ ได้รับอิสระในการพุ่งขึ้นมาทำประตูมากขึ้นจนกระหน่ำไปแล้วถึง 5 ประตู นำเป็นดาวซัลโวประจำทีมแบบ "งง-งง"

แล้วไหนจะต้องวิ่งไล่บดบี้คู่แข่ง เล่นเกมรับตั้งแต่แดนบนตามรูปแบบการเล่นฟุตบอลสมัยใหม่ 

ทว่าด้วยโทษฐานของกองหน้าตัวเป้า อย่างไรคุณก็ต้องถล่มประตูให้ได้แบบไม่มีข้อแม้

ยิ่งถล่มตาข่ายไม่ได้หลายนัดติดต่อกัน ความกดดันก็จะยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นพลางบั่นทอนความมั่นใจไปเรื่อยๆ

ตอนนี้จึงได้แต่รอประตูแรกที่จะมาช่วย "ปลดล็อค" ให้เขา หวังว่าคงอีกไม่นานเกินรอนะ

บอ.บู๋