ลิเวอร์พูล ตั้งเป้าหมายสำคัญในปี 2023 ด้วยการสร้างทีมขึ้นใหม่โดยเฉพาะในแผงมิดฟิลด์ โดยพวกเขาลงทุนมหาศาลมากกว่า 100 ล้านปอนด์ (ราว 4,400 ล้านบาท) เพื่อให้บรรลุความปรารถนาในการนำสโมสรฟื้นคืนชีพในฤดูกาลนี้
"หงส์แดง" ทำผลงานได้น่าผิดหวังอย่างมากเมื่อซีซั่น 2022-2023 โดยพวกเขาจบอันดับ 5 บนตารางศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทำให้พลาดคว้าโควต้าไปลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และก็ไม่ได้โทรฟี่สำคัญติดไม้ติดมือแม้แต่รายการเดียว
ช่วงซัมเมอร์นี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างทีมขึ้นใหม่ เนื่องจากทีมต้องการเติมความสดใหม่โดยเฉพาะในแดนกลางเนื่องจากทีมต้องเสีย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, อเล็กซ์ อ็อดซ์เลด-แชมเบอร์เลน, นาบี เกอิต้า และ เจมส์ มิลเนอร์
ขณะที่บอร์ดบริหารสโมสรก็พร้อมหนุนหลัง คล็อปป์ เต็มที่ โดยในเวลานั้นทีมยินดีไม่มีปัญหาที่จะจ่ายเงินก้อนโตในการเซ็นสัญญากับ มอยเซส ไกเซโด้ และ โรเมโอ ลาเวีย แต่ล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะทั้งสองคนเลือกที่จะไปกอบโกยเงินกับ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี
อย่างไรก็ตามการพลาดสองผู้เล่นดังกล่าวกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะนั่นทำให้ คล็อปป์ ได้นักเตะชั้นดีในราคาที่เหมาะสมเพื่อสร้างกองกลางชุดใหม่ และพวกเขาทุกคนก็สร้างผลงานดีมีคุณภาพอย่างแท้จริง
ดังนั้นการเซ็นสัญญา 4 กองกลางในช่วงซัมเมอร์ ถือเป็นการซื้อตัวที่สำคัญอย่างมาก เพราะนั่นทำให้ทีมค่อยๆ พัฒนาฟอร์มจนตอนนี้พวกเขารั้งตำแหน่งรองจ่าฝูง ตามหลัง อาร์เซน่อล เพียง 2 คะแนนเท่านั้น
วาตารุ เอ็นโด : 16.2 ล้านปอนด์ (ราว 712.8 ล้านบาท)
เอ็นโด ไม่ใช่ตัวเลือกแรกในการเติมเต็มตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ แต่ทันทีที่ตัวเลือกหลักที่ คล็อปป์ สนใจไม่ยอมเลือกย้ายมาค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์ นั่นทำให้พวกเขาตัดสินใจกระชากนักเตะมาเสริมแกร่งเพื่อขัดตาทัพ
สตาร์ทีมชาติญี่ปุ่น ถือเป็นหนึ่งในแข้งระดับฮีโร่ของ "ม้าขาว" สตุ๊ตการ์ท และมีประสบการณ์ในระดับชาติมากมาย แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยได้ลงเล่นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอ เพราะ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ต้องรับบทบาทโฮลดิ้ง มิดฟิลด์ ในเกมสำคัญของทีม
อย่างไรก็ตาม เอ็นโด ถือว่าเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของ "เดอะ เร้ดส์" มาตลอดในฤดูกาลนี้ โดยปัจจุบันเขาซัดให้กับต้นสังกัดไปแล้ว 2 ประตูยิ่งไปกว่านั้นหนึ่งในสองประตูดังกล่าวสุดสำคัญและงดงามของทีมด้วย
ตอนนี้ ดาวเตะจากแดนอาทิตย์อุทัย กำลังปรับตัวกับการเล่นในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีได้เรื่อยๆ ล่าสุดได้โอกาสลงตัวจริงแมตช์ชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น โดยถือเป็นมิดฟิลด์ที่ทำผลงานที่ดีที่สุดของทีมในแมตช์ที่บรามอลล์ เลน
ไรอัน กราเฟนแบร์ก : 34.2 ล้านปอนด์ (ราว 1,504.8 ล้านบาท)
สำหรับ ไรอัน กราเฟนแบร์ก ถือเป็นการเสริมทัพคนสุดท้ายของ ลิเวอร์พูล ก่อนที่ตลาดซื้อขายนักเตะรอบแรกจะปิดตัวลงไม่กี่ชั่วโมง และนั่นเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมของทีมอย่างมาก
ดาวเตะชาวดัตช์วัย 21 ปี สร้างชื่อจากการเป็นแข้งดาวรุ่งพุ่งแรงของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม แต่น่าเสียดายที่นักเตะต้องพบกับช่วงชีวิตแสนลำบากตอนที่ย้ายไปอยู่กับ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค
กราเฟนแบร์ก เป็นนักเตะที่จ่ายบอลแม่นยำ,ครองบอลเหนียวแน่น, ทักษะสูง และมีเทคนิคที่สุดยอด แน่นอนว่าการได้นักเตะมาเสริมแกร่งเป็นการเพิ่มมิติใหม่ในแนวรุกของ "เดอะ เร้ดส์" ยุค 2.0 อย่างแท้จริง
สำหรับนักเตะต้องยอมรับว่ายังอายุน้อยแต่ก็สร้างผลงานได้น่าประทับใจในการเล่นเกมยูฟ่า ยูโรปา ลีก อย่างไรก็ตาม กราเฟนแบร์ก ยังไม่พร้อมสำหรับการเป็นตัวจริงในเกมพรีเมียร์ลีก แต่ คล็อปป์ มั่นใจว่าในอนาคตเขาจะเป็นตัวหลักของทีมแน่นอน
อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ : 35 ล้านปอนด์ (ราว 1,540 ล้านบาท)
แม็ค อัลลิสเตอร์ เป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ในช่วงฤดูกาล 2022-2023 และยังเป็นผู้เล่นระดับคีย์แมนสำคัญที่นำทีมชาติอาร์เจนติน่า คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022
ดังนั้นนักเตะจึงเป็นที่หมายปองของหลายสโมสรทั้งในอังกฤษ และยุโรป ที่สำคัญมีการเปิดเผยว่า แม็ค อัลลิสเตอร์ มีค่าฉีกสัญญาเพียง 35 ล้านปอนด์เท่านั้น จึงทำให้บรรดาทีมชั้นนำพยายามแจกขนมจีบเพื่อคว้าตัวเขามาเสริมแกร่ง
อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล แสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการ แม็ค อัลลิสเตอร์ มาร่วมทีมอย่างมาก และในที่สุดความจริงใจของ "หงส์แดง" ก็สามารถโน้มน้าวให้นักเตะเลือกที่จะมาร่วมทัพกับพวกเขา
แม็ค อัลลิสเตอร์ ถือเป็นผู้เล่นระดับมันสมองของทีม ผ่านบอลฉลาด, คอยเชื่อมเกมได้ดี และยังทำหน้าที่สร้างสรรค์เกม ล่าสุดนักเตะก็โชว์ลีลาการยิงไกลสุดเฉียบคมในเกมชนะ ฟูแล่ม 4-3 ซึ่งเป็นประตูแรกของเขาในนามแข้ง "เดอะ เร้ดส์"
โดมินิค โซโบซไล : 60 ล้านปอนด์ (ราว 2,640 ล้านบาท)
แรกเริ่มเดิมทีแฟนบอลลิเวอร์พูล ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักกับ โดมินิค โซโบซไล แต่การที่ คล็อปป์ มอบเสื้อหมายเลข 8 ซึ่งเป็นเสื้อที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานกัปตันทีมเคยใส่ น่าจะเป็นการบ่งบอกอะไรบ้างอย่างเกี่ยวกับนักเตะรายนี้
กัปตันทีมชาติฮังการี ย้ายจาก แอร์เบ ไลป์ซิก มาสู่รังแอนฟิลด์ ด้วยค่าตัวค่อนข้างแพง แต่ด้วยผลงานที่เขาสร้างสรรค์เอาไว้กับต้นสังกัดในเยอรมนี มันทำให้ กุนซือชาวด๊อยท์ช ต้องอ้อนสโมสรให้ทุ่มเงินคว้าเขามาร่วมทัพให้ได้
สมัยที่เล่นกับ ไลป์ซิก นักเตะมักจะโดนจับไปยืนตำแหน่งมิดฟิลด์ริมเส้น แต่ คล็อปป์ ตัดสินใจปรับตำแหน่งให้ ไซโบซไล รับบทบาทกองกลางบ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์ ซึ่งนักเตะก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
โซโบซไล เต็มไปด้วยพละกำลังอย่างน่าเหลือเชื่อ และสามารถวิ่งขึ้นลงได้แบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นอกจากนี้ยังมีพลังเท้าที่สุดยอด และมีทีเด็ดในการเล่นลูกเซตพีซด้วย นอกจากนี้เขายังสามารถขยับขึ้นไปเล่นแนวรุกริมเส้นได้ด้วย ด้วยศักยภาพที่หลากหลายของนักเตะทำให้ คล็อปป์ มีออปชั่นในการใช้งานเขามากมาย
ทอมเม้ง