ทางออกของหงส์แดง

ตอนนี้ ลิเวอร์พูล อาการหนักแล้วนะครับ

เฉพาะอย่างยิ่งในฐานะของเต็ง 2 และคู่ขับเคี่ยวอันดับหนึ่งในการแย่งชิงตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกของ แมนฯ ซิตี้ ตอนก่อนเปิดฤดูกาล - พวกเขาเปิดตัว 8 เกมแรกในฤดูกาลนี้ ด้วยการสะสมได้แค่ 10 แต้ม ถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 10 ปีเลยทีเดียว

พลพรรคหงส์แดงเพิ่งยัดเยียดความปราชัยให้คู่แข่งของตัวเองได้เพียงแค่ 2 นัดเท่านั้น โดยอยู่ในอันดับ 10 ของตาราง ตามหลังทีมจ่าฝูงถึง 14 แต้ม 

เรียนตามตรงว่าหมดลุ้นแชมป์ไปแล้วแบบไม่เป็นทางการ

แต่มันเจ็บปวดกว่าตรงที่อันดับในตารางของพวกเขาดันต่ำกว่า บอร์นมัธ ทีมที่พวกเขาระเบิดโถส้วมไป 9-0 มิหนำยังมีมากกว่าทีมสุดท้ายของโซนตกชั้นแค่ 4 แต้มเท่านั้น

ปัญหาของ ลิเวอร์พูล และนาทีนี้เยอะแยะและมากมายไปหมด ชนิดเอานิ้วจิ้มไปโดนตรงไหนก็เจอรอยถลอก

ผู้เล่นส่วนใหญ่หมดไฟปรารถนา พละกำลังถดถอยลงไปตามกาลเวลา แถมอยู่ในช่วงรอยต่อระหว่างการถ่ายเลือดที่ต้องใช้เวลาในการผสมผสานให้มันกลายเป็นเนื้อเดียวกันอีกครั้ง 

เฮฟวี่ เมตัล ฟุตบอล ที่เคยอุโฆษบันลือจึงอ่อนกำลังลงไปอย่างน่าใจหาย

เกมรับอันเคยเป็น "จุดแข็ง" ช่วยให้ประสบความสำเร็จมากมายในรอบ 4 ปีที่ผ่านมากลับกลายเป็น "จุดอ่อน" ซะอย่างนั้น

ผลจากการมีจุดอ่อนในเกมรับทำให้ ลิเวอร์พูล โดนกะซวกไส้ไปแล้ว 12 ดอก ทำอะไรที่พากย์ภาษาอังกฤษว่า "คลีนชีต" ได้แค่ 2 นัด และคู่แข่งยิงนำก่อนถึง 6 นัด แพ้ 2 เสมอ 3 โดยพลิกกลับมาเป็นฝ่ายชนะได้เพียงเกมเดียวเท่านั้น

แถม 2 เกมล่าสุดเสียไปถึง 6 ประตูด้วยกัน  

เกมรุกที่ดูเหมือนจะยังพอมีมาตรฐานด้วยกระทุ้งได้ถึง 20 ประตูจาก 8 นัด เอาจริงๆ หากมองลึกลงไปในรายละเอียด มันก็ตกลงไปเหมือนกัน

กองหน้าค่าตัว 85 ล้านปอนด์อย่าง ดาร์วิน นูนเญซ ยังผลิตประตูอย่างเป็นกอบเป็นกำไม่ได้ตามที่หวัง

สาหัสไม่แพ้กันคือ โม ซาล่าห์ ที่หลังจากต่อสัญญาฉบับใหม่ช่วยให้ฟันรายได้มหาศาลกลับเหมือน "ลอยตัว" จนไม่สยดสยองเหมือนเก่า

ถึงตอนนี้พี่แกลงเล่นไปแล้ว 8 นัด ยิงได้แค่ 2 ประตูเท่านั้นเอง แถมยิงไม่ได้มา 5 เกมติดต่อกันแล้ว

3 ประสานในหน่วยล่าสังหารมีการเปลี่ยนแปลงแทบทุกนัดก็ยังหา 3 กองหน้าที่เหมาะสมและลงตัวที่สุดไม่ได้สักที

สังเกตได้ว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็พยายามแก้ปัญหาอยู่นะครับ แต่บางทีอาจด้วยข้อจำกัดของตัวผู้เล่นที่มีอยู่จึงอาจทำอะไรได้ไม่มากนัก

ย้อนกลับไปในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อกลางสัปดาห์ก่อน กุนซือกะโปกเหล็กชาวเยอรมันลองปรับระบบการเล่นให้ทีมตัวเองใหม่เป็น 4-4-2 ด้วยต้องการใส่กองหน้าพร้อมกัน 2 ตัว บวกปีก 2 ข้าง

เรียกว่าเอาความดุดันของเกมรุกมาทดแทนจุดอ่อนของเกมรับ

ลิเวอร์พูล ไม่มีปัญหาในการอัด เรนเจอร์ส แบบไม่ระบมหัวแม่ตีน

จุดหนึ่งเพราะคุณภาพของคู่แข่งค่อนข้างบัดซบจึงเหมือนเป็นการซ้อมใหญ่ซะมากกว่า

ต่อเมื่อต้องออกไปเยือน อาร์เซน่อล ที่กำลังร้อนแรง เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังติดตั้งระบบการเล่น 4-4-2 เหมือนเดิม โดยไม่มีแผนการพิเศษอะไรที่จะมาจัดการกับทีมสีหนาทปืนใหญ่ที่กำลังมั่นใจแบบเต็มประดา

เมื่อเหลือมิดฟิลด์ตัวกลางแค่ 2 คน ลิเวอร์พูล ก็พบปัญหาในการหยุดการจู่โจมเร็วของ อาร์เซน่อล ทันที

ลองนึกถึงวิธีการเล่นเกมรับของ ลิเวอร์พูล ในช่วง 3-4 ฤดูกาลที่ผ่านมาดูนะครับ คุณจะพบว่ามิดฟิลด์ตัวกลาง 3 คนที่มากด้วยพละกำลัง รวมถึงปราการหลังระดับอ๋องอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ จะช่วยกันสอด ช่วยกันซ้อน เพื่อรองรับและแก้ไขปัญหา เวลาเพื่อนร่วมทีมดาหน้าเล่นเกมรุกแล้วถูกคู่แข่งสวนกลับ   

ทว่าเกมล่าสุดชัดเจนว่าพวกเขาไม่สามารถทำอะไรแบบนั้นได้อีกแล้ว

ทีนี้ถามว่าต้องทำอย่างไร ???

ในฐานะบรมกุนซือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยหล่นข้อคิดในการทำทีมให้ประสบความสำเร็จว่าปัญหาอยู่ตรงไหนก็ให้แก้ไขตรงจุดนั้น

ครับ - ง่ายๆ สั้นๆ ไม่ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศอะไร คือปัญหาอยู่ตรงไหนก็แก้ตรงนั้น

ปัญหาใหญ่ของ ลิเวอร์พูล ณ ปัจจุบันคือเกมรับ

ฉะนั้น & ฉะนี้

สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกคือหยุดเลือดที่ไหลทะลักให้ได้เสียก่อน

ประหนึ่งการปฐมพยาบาลเบื้องต้น

แต่จะทำแบบนั้นได้อย่างไรในเมื่อมิดฟิลด์ตัวหลักในแดนกลาง 3 คน อายุมากขึ้น พละกำลังถดถอย ขนาด ฟาบินโญ่ ยังฟอร์มตก-คิดเอา ขณะที่สุดยอดเซ็นเตอร์แบ็คอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ก็เล่นเหมือนถูกวิญญาณอาฆาตของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เข้าสิงร่าง

เจอร์เก้น คล็อปป์ กล้าที่จะเปลี่ยนแบ็คขวา และกล้าที่จะเปลี่ยนคู่เซ็นเตอร์ฯ หรือเปล่า ???

แล้วถ้ากล้า มันจะช่วยให้ดีขึ้นกว่าเดิมหรือเปล่า ???

หากแก้ปัญหาในเรื่องตัวผู้เล่นไม่ได้ เพราะทรัพยากรมีจำกัดก็ลองแก้ด้วยวิธีการเล่นดูซีครับ

ลองคิดง่ายๆ ครับว่าถ้า ลิเวอร์พูล ชุดนี้มี โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นผู้จัดการทีม - พี่แกจะทำอย่างไร ???

อืมมมมม...นะ

แน่นอนว่ากุนซือเจ้าของสมญา "เดอะ สเปเชี่ยล วัน" คงปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นเป็นอันดับแรก

เพราะการมีเกมรับที่เหนียวแน่นนั้นแบ่งออกเป็น 2 ประการสำคัญด้วยกัน

1. ตั้งใจเล่นเกมรับไปเลย ด้วนวางแผนการเล่นอย่างรัดกุม ระมัดระวัง และปลอดภัยไว้ก่อน เป้าหมายคือไม่เสียประตู

2. คุณต้องมีแผนกเกมรับระดับภูผาหิน ซึ่งที่ผ่านๆ มา เจอร์เก้น คล็อปป์ ใช้วิธีนี้มาตลอด คือวางแผนเล่นเกมรุกบุกแหลกตามสไตล์โลหะมรณะภาพของตัวเองนั่นแหละ แต่ปราการหลังเก่งๆ มิดฟิลด์ตัวรับคุณภาพคับตูด และนายทวารที่แดกส์กาวตราช้างเป็นอาหาร สามารถช่วยให้คุณมีเกมรับที่เหนียวแน่นและแข็งแกร่งตามธรรมชาติ

เพียงแต่ 8 เกมที่ผ่านมา มันชัดเจนแล้วว่าใช้วิธีการเดิมไม่ได้ เพราะแผงมิดฟิลด์กับกองหลังช่วยผ่อนหนักเป็นเบาไม่ได้เหมือนเดิม

คำถามคือ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะยอมเสียอัตลักษณ์ของหงส์แดงผู้อหังการที่ถอยหลังไม่เป็น เพื่อหยุดเลือดให้ได้ก่อนหรือเปล่าเท่านั้นเอง

บอ.บู๋


ที่มาของภาพ : getty images
BY : บอ.บู๋
บูรณิจฉ์ รัตนวิเชียร
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport