รอยยิ้มที่หายไป..

สำหรับ เจอร์เก้น คล็อปป์ มีหลายช่วงเวลาที่เขาสร้างความสุข ผลิตรอยยิ้มให้แก่ เดอะ ค็อป

เราเคยดีใจมากแค่ไหนตอนที่เขาพา ลิเวอร์พูล ชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ที่กรุงมาดริด

เราเคยอิ่มเอม เพลิดเพลินกับเครื่องจักรสีแดงมากเพียงใด ตอนปีคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 

เราเคยสะใจจนสามารถยืดอกข่มเพื่อนแฟนผี ด้วยชัยชนะแบบสวยหรู ทั้งไปทั้งกลับ

เราตื่นเต้นตลอดทั้งปีกับการลุ้นแชมป์ทุกรายการเมื่อฤดูกาลก่อน

และเรายิ้มแทบไม่หุบตอนที่เขาจรดปากกาต่อสัญญากับทีมไปจนถึงปี 2026

มันยังมีโมเมนต์อีกหลายที่หากหยิบหยกมาก็คงจะพูดถึงได้ไม่หมด

แต่ถึงตอนนี้ หลายสิ่งหลายอย่างที่เขาทำมา ดูเหมือนไร้ค่า ไม่มีความดีความชอบ

บางคนด่าทอ บางคนหัวเสีย และมีบางส่วนถึงขั้นขับไขไล่สง 

อาจจะเป็นส่วนน้อยก็จริง แต่พอเห็นแบบนั้นก็อดเห็นใจผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลยจริง ๆ 

สิ่งที่ ลิเวอร์พูล กำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้ แน่นอนคนที่จะต้องรับผิดชอบมากที่สุดก็คือคนเป็นผู้จัดการทีม

รับผิดชอบในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงว่า "ลาออก" 

แต่คือการที่ต้องพาทีมผ่านพ้นวิกฤตให้ได้

ยังจำได้ไหมครับว่า "ปัญหา" ที่เขาแก้ไขแล้วสำเร็จ มีกี่ครั้ง... 

พูดได้แบบชัดเจนคือ "ครั้งแล้วครั้งเล่า" ซึ่งทุกคนก็ทราบเรื่องนี้ดี

ไม่ใช่เรื่องที่จะมาหยิบยก อาถงอาถรรพ์ 7 ปีอะไรนั่น 

กับ ไมน์ซ กับ ดอร์ทมุนด์ และกับ ลิเวอร์พูล ทั้งหมดล้วนแต่มีเหตุต่างกัน

จำวันที่เขาประกาศต่อสัญญาได้ไหมครับ วันนั้น พลังงานชายคนนี้เหลือล้น พร้อมต่อยอดให้สโมสรเดินต่อไปข้างหน้า

แต่ดูสีหน้าของเขาตอนนี้สิครับ รอยยิ้มที่เคยมี แววตาใส ๆ ที่เคยเปล่งประกาย มันหายไปหลังเกมที่รังเหย้า อาร์เซน่อล

ท่าทางเขาดูเศร้า เหมือนใจแตกสลาย ตลอดการพูดคุยกับนักข่าว 2 เจ้าเขาเหมือนคนสติไม่อยู่กับร่องกับรอย

กับสื่อแรกที่มี แคร์รี่ย์ บราวน์ ถือไมค์ เธอจี้ถามว่า "คุณบอกก่อนเกมว่าการลุ้นแชมป์มันจบลงแล้ว" 

ยังไม่ทันจบคำถาม คล็อปป์ ผลุนผลันหัวเราะดังลั่น แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งเครียดแบบฉับพลัน ก่อนจะรอ บราวน์ พูดจบแล้วตอบกลับไป

ประโยคที่เขาถูกถามคือ เชื่อในปาฏิหาริย์ไหม หรือเชื่อว่า ลิเวอร์พูล หมดลุ้นแชมป์ตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล

คล็อปป์ ตอบว่า ใช่ครับ แต่หากปาฏิหาริย์ใด ๆ จะเกิดขึ้น ก็ต้องมาจากความผิดพลาดของทีมอื่น ๆ 

ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหาของ ลิเวอร์พูล เพราะปัญหาของ ลิเวอร์พูล คือต้องชนะแบบสม่ำเสมอ และฤดูกาลนี้มันยังไม่เกิดขึ้น

การหัวเราะของเขาครั้งนี้ ในเชิงจิตวิทยา การหัวเราะออกมาก่อนจะเข้าสู่โหมดเครียดนั้น เรียกว่า “Nervous Laughter” 

แปลเป็นไทยได้ว่า "หัวเราะอย่างวิตกกังวล" ซึ่งเกิดจากร่างกายตอบสนองต่อภาวะความเครียด, สับสน จนแสดงออกในรูปแบบการหัวเราะ

อีกแง่ การหัวเราะก็เหมือนช่วยให้ได้ปลดปล่อยพลังงานออกไป ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

แต่จากสีหน้าของ คล็อปป์ บ่งบอกว่าเขาไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายอะไรเท่าไหร่ เพราะปัญหายังตั้งอยู่ให้เขารอแก้

กับสื่อที่สองที่เขามักจะตอบด้วยความผ่อนคลายเสมอ แต่คราวนี้สีหน้าเขาเปลี่ยนไป เขาดูเสียใจ และผิดหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้น 

ไม่ว่าจะด้วยเรื่องวิธีการเล่น การตัดสินใจ และอาการบาดเจ็บของ หลุยส์ ดิอาซ กับ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้นึกถึงตอนที่เขาให้สัมภาษณ์ครั้งหนึ่งกับ สกาย สปอร์ตส์

"One of the presents I can make to our supporters is that I don't sign a lifetime contract because there will be a time when they won't want to see me anymore,"

"But we will still have good memories together. So that's already a promise I will not sign a lifetime contract. But I will be here for a while."

"หนึ่งในสิ่งที่ผมบอกกับกองเชียร์ได้ก็คือผมจะไม่เซ็นสัญญาแบบตลอดชีวิตแน่นอน เพราะในจุดหนึ่ง จะมีช่วงเวลาที่พวกเขาไม่อยากเห็นหน้าผมอีกต่อไปแล้ว

"แต่เราจะยังมีความทรงจำดี ๆ ร่วมกันได้ ดังนั้นถือเป็นคำสัญญาแบบหนึ่ง ผมจะไม่เซ็นสัญญาแบบตลอดชีวิตหรอก แต่ผมจะอยู่ที่นี่ไปอีกสักพัก"

เชื่อลึก ๆ ครับว่า ว่าช่วงเวลานั้นที่เขากล่าวจะยังไม่เกิดในตอนนี้ 

สถานการณ์ที่เป็นอยู่ มีแค่เขาเท่านั้นที่จะทำให้มันดีขึ้นได้ 

กำลังใจคือสิ่งสำคัญ จับมือไปด้วยกัน และเชื่อไปด้วยกัน

เชิดหน้าเข้าไว้ อย่าวิตกกับความมืด เมื่อพายุผ่านพ้นไป ท้องฟ้าก็จะกลายเป็นสีทอง

ตามที่เพลงประจำสโมสรกล่าวไว้...

HOSSALONSO






ที่มาของภาพ : GETTY IMAGE
BY : Hossalonso
ธีรศานต์ คงทอง
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport