ลิเวอร์พูล พบ เอฟเวอร์ตัน:เขียนจากเมอร์ซี่ย์ไซด์

มีคำกล่าวในหมู่แฟนบอลคนท้องถิ่นถึงเกมดาร์บี้แมตช์ว่า "ถ้าไม่ชนะก็อย่าให้แพ้" โดยแน่นอนว่านาทีนี้ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ เอฟเวอร์โตเนี่ยน ทั้งหลายต้องการมากกว่า

พิจารณาองค์ประกอบทุกอย่างพวกเขาเป็นรองตั้งแต่ก่อนแข่ง

อย่างไรก็ตามทันที่บอลเขี่ยก็ดูเหมือนว่าแท็กติกที่ ฌอน ไดซ์ วางเอาไว้นั้นได้ผล ต่อให้ ลิเวอร์พูล จะครองบอลเยอะกว่าแต่ก็ไม่ได้สร้างความอันตรายตามที่ถนัด จบครึ่งแรกต่อให้ทางเจ้าถิ่นมีโอกาส 11 ครั้งแต่ก็เกิดขึ้นในกรอบเพียง 4 ครั้งโดยที่มีเพียงหนเดียวก็ได้จากลูกซัดไกลของ อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ ที่ทำให้ จอร์แดน พิคฟอร์ด ต้องออกแรงเซฟ

ยิ่งเกมผ่านไปและผ่านไป สังเกตปฎิกิริยาจาก เดอะ ค็อป รอบข้างก็สัมผัสได้ถึงความกังวลใจ พวกเขาเหนือกว่าแถมแอชลี่ย์ ยังของ เอฟเวอร์ตัน ยังโดนไล่ออกจากสองใบเหลืองไปตั้งแต่นาที 37 อีกต่างหาก

เสียงที่ได้ยินจึงมาจากสแตนด์หลังประตูฝั่ง Anfield Road ที่เปิดใช้แค่ด้านล่าง เนื่องจากด้านบนยังอยู่ระหว่างก่อสร้าง "Everton Everton Evertonnnnn"

มันก็มีการตอบโต้คืนตามประสาดาร์บี้แมตช์ "Liverpool Liverpool Liverpoool"

การแก้เกมภายหลังเหลือผู้เล่น 10 คนตอนพักครึ่งของไดซ์ด้วยการถอดปีกสองข้างทั้ง ดไวท์ แม็คนีล กับ แจ็ค แฮร์ริสัน ออกพร้อมส่ง ไมเคิ่ล คีน กับ นาธาน แพตเตอร์สัน ลงมา ปรับเป็นแผงหลังห้าตัวก็ด้วยความหวังว่าจะรักษาสกอร์ 0-0 ให้ได้จนจบเกม

ใช่ เอฟเวอร์ตัน จะหวังอะไรได้มากกว่าผลเสมอในตอนนั้น?

เข้าสู่กลางของครึ่งหลังสถิติครองบอลของหงส์เพิ่มขึ้นเป็น 75% แต่ยิ่งเล่นไปก็คล้ายว่ากำลังหมดไอเดียไปซะเอง ต้องให้เครดิตวินัยกับความทุ่มเทของผู้เล่นในชุดสีน้ำเงินทุกคน เฉพาะยิ่งแผงหลังนำโดย เจมส์ ทาร์คอฟสกี้

เสียงที่แผดลั่นดังที่สุดของเกมมาเกิดขึ้นในนาที 75 เมื่อ โม ซาล่าห์ สังหารลูกโทษกระแทกตาข่าย ลูกนั้นมาจากจังหวะที่ หลุยส์ ดิอาซ เปิดบอลเข้ากลางไปโดนแขนที่กางออกมาของ คีน     

ใช่ครับ ทีมที่เป็นรองแถมตัวน้อยกว่าโดนนำไปก่อนก็ยากแล้วที่จะกลับมาสู่เกมได้ อย่างน้อยที่สุดไดซ์ก็ไม่ได้โยนผ้าขาวไปทันที การที่เขาเปลี่ยน อาร์เนาต์ ดานชูม่า ตามด้วย ยุสเซฟ เชอร์มิติ ซึ่งเป็นสองตัวรุกลงมาก็บ่งบอกว่าต้องการยิงตีเสมอให้ได้

เอฟเวอร์ตัน ใช่ว่าไม่มีโอกาส ได้ลูกเตะมุม ได้โอกาสพาบอลไปถึงกรอบเขตโทษแต่อีกนั่นเองความไม่เด็ดขาดพอก็ลงโทษให้เจอเกมโต้กลับเร็วเป็นประตู 2-0 ของ ลิเวอร์พูล

นั่นคือฟุตบอล

เกมกีฬาที่ตัดสินกันที่จังหวะ, ความผิดพลาดกับความเฉียบขาด มันเป็นเช่นนี้เสมอและจะเป็นแบบนี้ตลอดไป

ถามว่ามันเป็นความพ่ายแพ้ที่สาวกทอฟฟี่ควรผิดหวังกับฟอร์มทีมตัวเองหรือเปล่า? คำตอบย่อมไม่ใช่ในเมื่อนักเตะทุกคนทำเต็มที่แล้ว

หากในความเป็นดาร์บี้แมตช์โดยเฉพาะ เมอร์ซี่ย์ไซด์ ก็ต้องมีลูกปัญหาเสมอ เรื่องนี้ใครที่ติดตามตลอดก็คงนึกกันออก เมื่อวันเสาร์ที่ทั้งคู่เจอกันเป็นครั้งที่243แล้ว(ในอังกฤษไม่มีดาร์บี้แมตช์ไหนเตะเยอะเท่านี้)ก็มีซึ่งก็เป็นฝั่งสีน้ำเงินที่เสียประโยชน์อีกแล้ว

เคร็ก พาวสัน ผู้ตัดสินตกเป้นเป้าของเอฟเวอร์โตเนี่ยนโดยมี 2 จุดใหญ่ๆที่กลายเป็นประเด็นตามมา

1. อ.ยัง เจอไล่ออกกับสองใบเหลืองที่ตัดฟาวล์ ดิอาซ แต่ก่อนหน้านั้น คอสตาส ซิมิคาส แบ็กซ้าย ลิเวอร์พูล ก็ทำฟาวล์ในลักษณะใกล้เคียงกันแต่รอดไม่โดนสักใบ

2. ทำไมถึงไม่ควักใบเหลืองที่สองให้ อิบราฮิมา โกนาเต้? ลูกนั้นทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องรีบเปลี่ยนปราการหลัง ทีมชาติฝรั่งเศส ออกมาทันที ขณะเดียวกันหลังเกมก็ออกมาให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าทีมตัวเอง "โชคดี"

เกมที่ยังเสมอกัน 0-0 และต่างเหลือ 10คนเท่ากัน จะออกรูปไหนก็เดาไม่ออก บางที ลิเวอร์พูล อาจชนะก็ได้เพียงแต่ตามสายตาของอีกฝั่งแล้วย่อมรู้สึกได้ว่าพวกเขาไม่ได้ความเป็นธรรม

หากนี่ก็คือฟุตบอล

เพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นจากที่ คล็อปป์ กับ แฟนหงส์ ออกมาเรียกร้องความยุติธรรมจากเกมออกไปแพ้สเปอร์ส 1-2 ก็มาคราวนี้พวกเขาถือว่าได้ประโยชน์จากคำตัดสิน

ทุกอย่างก็วนเวียนไปวนเวียนมาอยู่อย่างนี้ตราบใดก็ตามที่เรายังรักจนถอนตัวไม่ขึ้นกับเจ้าลูกกลมๆ ก็อย่างเดียวกับที่ผมได้สัมผัสมาตลอดวันในเกมที่มีแค่สวนสาธารณะคั่นกลาง

มีเสียงแซวเย้ยกัน

มีลมหายใจของความตื่นเต้นและประหม่า

มีแฟนบอลที่เดินมาสนามด้วยกัน คนหนึ่งผ้าพันคอแดง อีกคนน้ำเงิน

มันคือฟุตบอล มันคือ เมอร์ซี่ย์ไซด์...

"ไก่ป่า"


ที่มาของภาพ : getty images
BY : ไก่ป่า
เอกราช นิติสุทธิ์สกุล
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport