เดอะค็อปกำลังชุ่มฉ่ำ ไม่น่ามีเกมทีมชาติมาขัดจังหวะ

มี 3 จุดใหญ่ๆ ที่เป็นข้อสังเกตเมื่อรายชื่อนักเตะลิเวอร์พูลถูกประกาศออกมาในเกมลีกนัดล่าสุด

3 จุดที่ว่ากระจายไปใน 3 แดน ทั้งแดนหลัง แดนกลาง แดนหน้า

ในแดนหลัง โจ โกเมซ เล่นร่วมกับ โฌแอล มาติป ในตำแหน่งคู่เซนเตอร์แบ๊ก แม้จะเป็นไปตามการคาดการณ์อยู่แล้วด้วยการขาดหายไปของ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กับ อิบราฮิมา โกนาเต้ แต่ก็เป็นเรื่องที่แฟนบอลสนใจด้วยอาการกังวล

กังวลในชื่อของ โกเมซ ที่โดยความรู้สึกแล้วไม่ค่อยก่อให้เกิดความเชื่อมั่นเท่าไหร่ ส่วน มาติป ไม่ได้มีปัญหาในด้านความไว้วางใจจากเดอะค็อปแต่อย่างใด คำถามที่มีต่อเขามักจะเป็นเรื่องสภาพร่างกายมากกว่า

แล้วกับทีมที่มีเกมรุกวูบวาบรวดเร็วน่ากลัวอย่าง แอสตัน วิลล่า บวกกับเกมรับที่เสียประตูมาตลอดของลิเวอร์พูลทั้ง โกเมซ กับ มาติป ยังเป็นคู่เซนเตอร์ชุดสองจะรับมือได้ไหม

ถ้าว่ากันถึงระดับเก็บคลีนชีตไม่เสียประตู คงไม่ค่อยมีใครกล้ามั่นใจเท่าไหร่.. ตัวผมเองก็ยังเสียวๆ ว่าลิเวอร์พูลน่าจะมีโควต้าถูกทีมสิงห์ผงาดกะซวกตาข่ายสักลูกสองลูกก่อนเบียดชนะแบบเลือดซิบ

แต่ โกเมซ แสดงให้เห็นว่าเขาทำได้ ความเร็วของเขาเป็นจุดเด่นที่เหมาะกับเกมโต้กลับของวิลล่า เมื่อบวกกับการอ่านเกมและยืนตำแหน่งของมาติปก็ทำให้คู่เซนเตอร์คู่นี้ดูลงตัวอย่างน่าประทับใจ

ในแดนกลาง การเลือก เคอร์ติส โจนส์ ลงตัวจริงร่วมกับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กับ โดมินิก โซบอสไล โดยที่ วาตารุ เอ็นโด กองกลางตัวรับธรรมชาติเริ่มเกมด้วยการนั่งดูก็น่าจะถือเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคิด

อาจไม่ถึงกับค้านสายตาอะไรนัก เพราะนัดก่อนที่เซนต์ เจมส์ พาร์ค ดาวเตะญี่ปุ่นก็ไม่ได้โชว์ฟอร์มโดดเด่นจนมีเสียงวิจารณ์เกิดขึ้นด้วยซ้ำว่าชั้นไม่ถึง (จะรีบกันไปไหน) แต่การได้เห็นชื่อ โจนส์ ลงตัวจริงอาจชวนให้รู้สึกคาดไม่ถึงมากกว่า อย่างน้อยก็ตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ เจอร์เก้น คล็อปป์ กลับไปเลือกใช้ แม็ค อัลลิสเตอร์ ยืนอีกแล้วใช่ไหม

คำตอบคือใช่.. เพียงแต่บทบาทของแม็คก้าไม่ใช่กองกลางตัวรับเต็มรูปแบบ เขาเล่นร่วมกับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ขยับมายืนด้วยเป็นอินเวิร์ตฟูลแบ๊ก เป็นตัวคุมเกมร่วมกันมากกว่า และทั้งคู่ต่างก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม กำกับเกมตรงกลางได้อยู่หมัด เกมรับไม่บกพร่อง เกมรุกมีบอลอันตรายให้เห็น

ก็คงเป็นเรื่องของแท็กติกและความไว้วางใจด้วยครับ เอ็นโด ยังต้องพยายามทำผลงานในการซ้อมให้ชนะใจคล็อปป์ให้ได้ เพราะถ้าเป็น ฟาบินโญ่ แม้จะเป็นเบอร์ 6 โดยธรรมชาติก็ยังเชื่อว่าจะเป็นตัวจริงในระบบ 3-2-2-3 ของคล็อปป์ได้

แดนกลางสอบผ่านสบายในเกมนี้ คุมเกม ช่วยบีบแดนบน และคายพิษสง โซบอสไลโดดเด่นที่สุดด้วยชั้นเชิงสวยงามแต่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ เขามีเทคนิกและทักษะที่ดี ตัวต่อตัวกล้าเลี้ยงผ่านได้แต่ไม่เล่นพร่ำเพรื่อ ทุกการตัดสินใจดูจะเกิดประโยชน์ต่อทีม

โจนส์ไม่ได้โดดเด่นแต่ก็ไม่แย่ ช่วยทีมได้ตามรูปเกมที่ควรจะเป็น ไม่มีจังหวะเล่นเสี่ยง มีสะดุดผิดพลาดบ้าง เขาคล้ายกับ โกเมซ หรือบางช่วงของ เทรนต์ ตรงที่ต้องต่อสู้กับเสียงวิจารณ์ที่บางครั้งก็แน่นไปด้วยอคติและไม่เปิดโอกาสให้การเติบโต แค่เห็นชื่อก็ตัดสินเขาเสียแล้วทั้งที่กรรมการยังไม่ได้เป่านกหวีดเริ่มเกมเลย

การไม่ได้เป็นที่นิยมชมชอบของแฟนบอลเป็นทุนเดิมทำให้โจนส์ไม่ได้มีต้นทุนมากนัก แน่นอนเขายังต้องเรียนรู้ที่จะเป็นนักฟุตบอลที่ดีและเป็นกำลังสำคัญของทีม ยังไม่เนี้ยบหรอก ยังไม่สมบูรณ์แบบหรอก และต้องก้มหน้าก้มตาพิสูจน์ตัวเองตามแต่โอกาสที่จะได้รับ แต่นักเตะอย่างนี้เมื่อใช้หยาดเหงื่อพิสูจน์คุณค่าตัวเองขึ้นมาเป็นที่ยอมรับได้มันจะยิ่งหอมหวานมาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด

แดนหน้าคือไฮไลต์ของทีมตัวจริงในเกมนี้.. การออกสตาร์ตของ ดาร์วิน นูนเญซ ชวนให้หลายคนเลิกคิ้ว ไม่ใช่ด้วยความสงสัยหรอก สองประตูที่ยิงใส่ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด คู่ควรกับการได้รางวัลตอบแทนของหัวหอกอุรุกวัยอยู่แล้ว เพียงแต่มันน่าสนใจไม่น้อยเลยที่ คล็อปป์ ให้เขาเล่นตั้งแต่นาทีแรกและยอมจับ โกดี้ คักโป กับ ดีโอโก้ โชต้า นั่งสำรอง

เป็นการเลิกคิ้วด้วยความทึ่งและถูกอารมณ์ทำนองนั้นมากกว่า หลายคนน่าจะรู้สึกประมาณว่าอยากเห็น ดาร์วิน ลงตัวจริงเลยแต่ก็ไม่กล้ามั่นใจและเสียดายคุณภาพของคักโปกับโชต้าเช่นกัน คล้ายกับสภาวะสองจิตสองใจ

กระนั้นก็คงต้องยอมรับว่าการเลือกดาร์วินเป็นตัวจริงนั้นกระแทกใจแฟนบอลมากกว่า ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นอย่างไรนั้นอีกเรื่องแต่ด้วยผลงานล่าสุดบวกกับเสน่ห์ลึกลับของคนที่เป็นกองหน้าตัวเป้าในแบบสไตรเกอร์ย่อมชวนให้รู้สึกหวือหวามากกว่าฟอลส์ไนน์

เป็นไงเป็นกันวะ.. ลุยเลยพวก ไม่ต้องห่วงเสียงเชียร์ คงอารมณ์ทำนองนี้นั่นล่ะ

เกมนี้ดาร์วินไม่มีประตูแต่เขาสอบผ่านสบายในสายตาของผม มีส่วนร่วมกับเกมแบบที่ไม่มีเงียบหายเลย การตวัดยิงหลังเท้าลูกนั้นที่บอลพุ่งไปชนเสาแล้วกระดอนมาโดนแมตตี้ แคช เข้าประตูแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจที่กำลังพลุ่งพล่าน

ลูกนั้นถ้าตวัดแปอาจจะชัวร์กว่า หรือมันอาจเสี่ยงกับการยิงแป้กเพราะบอลไหลมาจากด้านขวาแล้วยิงด้วยเท้าขวา แต่หวดหลังเท้าด้วยตีนขวาก็ใช่ว่าจะชัวร์ ถ้าจังหวะไม่ดีก็ยิงแป้กได้เหมือนกัน แต่ลูกนั้นเขายิงด้วยสัมผัสหลังเท้าที่เข้าจุดโฟกัสเต็มรัก


หรือจะเป็นการตัดสินใจงัดบอลข้ามตัว เอมี่ มาร์ติเนซ ในลูกที่ชนคานก็เป็นการตัดสินใจที่รวดเร็วและเท้าตอบสนองการตัดสินใจนั้นได้ดี เพียงน้ำหนักบอลที่มากเกินไปนิดเดียวเท่านั้นทำให้เขาไม่มีประตู

แต่ที่แน่ๆ การประสานงานระหว่างเขากับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ น่าตื่นเต้น..

การเล่นกับกองหน้าตัวเป้าแบบฟอลส์ไนน์อาจจะขับประสิทธิภาพด้านการจบสกอร์ของซาลาห์ออกมาเพราะเขาจะต้องหาจังหวะสอดเข้าไปในพื้นที่ทำประตูเมื่อฟอลส์ไนน์ขยับตัวลงมารับบอล แต่มันไม่ได้หมายความว่าซาลาห์ผ่านบอลได้เสียหรือคิลเลอร์พาสไม่ได้

มีคนที่เป็นเบอร์ 9 โดยสัญชาตญาณอยู่ข้างหน้า ตำแหน่งการยืน การวิ่งเข้าช่อง และหน้าที่จบสกอร์ของคนเป็นสไตรเกอร์ทำให้ ซาลาห์ ได้ใช้การผ่านบอลที่ยอดเยี่ยมของเขามากขึ้น ลักษณะคล้ายกับตอนที่ แฮร์รี่ เคน ถอนลงมาเป็นตัวออกบอลให้ ซน ฮึง-มิน ที่สเปอร์ส

มิติของซาลาห์จึงยิ่งปรากฏให้เห็นมากกว่าเดิมถ้าเบอร์ 9 ทำงานได้ดี และดาร์วินในตอนนี้ก็กำลังทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีจริงๆ ขยัน ชิงออกตัว พร้อมพุ่งไปข้างหน้า เซนส์ฟุตบอลเกมรุกของซาลาห์ที่ไม่ได้รอบจัดแค่การทำประตูแต่ยังเป็นการผ่านบอลได้เสียที่เหมาะเจาะด้วยน้ำหนักและทิศทางจึงเป็นอาวุธน่ากลัวที่เพิ่มขึ้น

ผมคิดว่าซาลาห์น่าจะสนุกกับการเล่นร่วมกับดาร์วินไม่น้อยทีเดียว ให้บอลทะลุช่องแล้ววิ่งตามขึ้นไปรอจังหวะเก็บตก ทำประตู หรือกระทั่งดีใจกับเพื่อนที่จบสกอร์ได้จากการแอสซิสต์ให้ของเขา

วินาทีสังหารนิวคาสเซิ่ลที่เซนต์ เจมส์ พาร์ค สัปดาห์ก่อนก็เป็นแบบนั้น ทันทีที่ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ดักบอลได้แล้วบอลไหลมาถึงซาลาห์ ศูนย์หน้าชาวอุรุกวัยก็ออกตัวทันที

ภาพช้าจะยิ่งเห็นว่าซาลาห์เก่งจริงๆ ในเซนส์เกมรุก เขาไม่รีบจ่ายในตอนแรก แต่ดึงจังหวะอีกเล็กน้อยเพื่อให้ช่องเปิดถนัดถนี่ขึ้นอีกนิดแล้วค่อยส่งบอลเข้าช่องนั้นด้วยน้ำหนักที่ปรุงรสให้เรียบร้อยจนดาร์วินไม่ต้องแต่งบอลอีกเลยนอกจากยิงให้ดี ขณะที่ดาร์วินก็นิ่งพอที่จะทำให้สถานการณ์นี้ง่ายอย่างที่มันควรจะเป็น ปล่อยบอลไหลผ่านหลังมาเจอกันที่ข้างหน้า เลือกมุมยิง แล้วสับไกโชะ!

มันควรจะจบสกอร์ด้วยลักษณะนั้นล่ะครับ แต่ถ้าเป็นดาร์วินฤดูกาลที่แล้ว ความร้อนรนอาจทำให้เขารีบจับบอลจนทำให้เสียจังหวะยิงไปครึ่งก้าว หรือรีบร้อนยิงในวินาทีชี้เป็นชี้ตายแล้วบอลก็บดผ่านหน้าประตูออกหลังไป

ฤดูกาลที่แล้วเขามีภาพอย่างนี้จริงๆ แต่กับฤดูกาลนี้ ตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่นจนถึงตอนนี้ ทุกอย่างน่าพอใจขึ้นมาก..

จากตัวสำรองเกมกับนิวคาสเซิ่ลมาถึงตัวจริงเกมกับแอสตัน วิลล่า ดาร์วิน นูนเญซ ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นกับเขาขึ้นอีกเยอะเลย

ชัยชนะเหนือทีมสิงห์ผงาดด้วยผลงานยอดเยี่ยม เกมรับไม่เสียประตู แดนกลางคุมเกมหมดจด เกมรุกฉูดฉาด นักเตะเล่นดีทุกคนนั้นพาให้เดอะค็อปชุ่มฉ่ำไปกับสิ่งที่เห็น และบ่นกันอุบด้วยความหงุดหงิดไม่น่ามีเกมทีมชาติมาขัดจังหวะเลยจริงๆ..

-ตังกุย-


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport