ฟาน ไดค์ รายที่ 10 !จัดอันดับ 9 กัปตันทีม ลิเวอร์พูล ยุคพรีเมียร์ลีก

เป็นไปตามความคาดหมายเมื่อ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กัปตันทีมชาติ ฮอลแลนด์ ได้รับการแต่งตั้งให้สวมบทกัปตันทีมคนใหม่ของ ลิเวอร์พูล สืบแทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ย้ายไปค้าแข้งกับ อัล เอตติฟาค ทีมในลีก ซาอุดิ อาระเบีย

เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ยืนยันเลือกให้ ฟาน ไดค์ รับหน้าที่ดังกล่าวอย่างเต็มตัวในซีซั่นหน้าหลังจากสตาร์ทีม อัศวินสีส้ม ได้สวมปลอกแขนเดินนำดาวเตะ หงส์แดง ลงสนามบ่อยครั้งในเกมที่ เฮนโด้ นั่งเป็นตัวสำรอง

และหากจะนับกันตั้งแต่ พรีเมียร์ลีก ก่อกำเนิด ลิเวอร์พูล มีกัปตันทีมรายที่สิบแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นเก้ารายใครกันที่ทำหน้าที่ได้ดีที่สุด เดอะ มิเรอร์ สื่ออิงลิชได้จัดอันดับเอาไว้ดังนี้

9. เจมี่ เร้ดแนปป์


เร้ดแนปป์ ได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการระหว่างปี 1999-2002 แต่ในห้วงเวลานี้ เขาไม่อาจพาทีมคว้าแชมป์ได้เลย แม้จะมีดีกรีเป็นแชมป์ ลีกคัพ ซีซั่น 1994/95  แต่มันเกิดขึ้นก่อนที่เขาจะได้สวมปลอกแขน

ตลอดระยะเวลาสามปีที่ได้รับบทกัปตัน  กองกลางสุดหล่อทีมชาติ อังกฤษ ถูกอาการบาดเจ็บเล่นงานถี่ยิบโดยเฉพาะซีซั่น 2000/01 ซึ่งเขาแทบไม่ได้ลงสนามหลังเข้ารับการผ่าตัดหัวเข่าก่อนโบกมือลา แอนฟิลด์ ไปค้าแข้งกับ สเปอร์ส สามปี

8. พอล อินซ์


ตอนที่ อินซ์ เซ็นสัญญากับ ลิเวอร์พูล ในปี 1997 เขาถูกมองว่าเป็นจิ๊กซอว์สุดท้ายที่จะพา เร้ด แมชีน ประสบความสำเร็จ และได้รับบทกัปตันหลังย้ายมาจาก อินเตอร์ มิลาน แต่เอาเข้าจริงกองกลางจอมบู๊ก็ไม่อาจพาทีมซิวโทรฟี่ได้

หลังรับใช้ เครื่องจักรสีแดง สองปี ในที่สุดอดีตมิดฟิลด์ทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ย้ายไปค้าแข้งกับ มิดเดิ้ลสโบรช์

7. จอห์น บาร์นส์


ปีกนิลกาฬ ได้ทำหน้าที่กัปตันทีม ลิเวอร์พูล สองวาระ และเป็นอีกรายที่ไม่อาจพาทีมคว้าแชมป์ได้ในช่วงที่เขาได้สวมปลอกแขนอันทรงเกียรติ

แม้ หงส์แดง จะประสบกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในยุคของ รอย อีแวนส์ แต่โดยส่วนตัวแล้วสตาร์ทีมชาติ อังกฤษ ยังร่ายลีลาได้อย่างน่าประทับใจมากพอ

6. มาร์ค ไรท์


อดีตเซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีม ดาร์บี้ พาทีม ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ เอฟเอคัพ ได้ในปี 1992 แต่เสียปลอกแขนหลังจาก แกรม ซูเนสส์ เข้ามาคุมทีมแทน อีแวนส์

ยิ่งไปกว่านั้น ไรท์ ซึ่งเคยค้าแข้งกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ย้ายจาก แกะเขาเหล็ก มาร่วมทีม หงส์แดง ด้วยค่าตัวกองหลังที่แพงที่สุดในลีกอังกฤษยุคนั้นด้วยภายใต้เม็ดเงิน 2.2 ล้านปอนด์ แต่ในช่วงท้ายอาชีพนักเตะมีปัญหาล้มเจ็บบ่อยครั้งจนแทบไม่ได้ลงสนามกระทั่งรีไทร์กับสังเวียนแข้ง แอนฟิลด์ ในปี 1998

5. เอียน รัช


ไม่ต่างอะไรกับ บาร์นส์ ที่ได้รับบทกัปตันทีม ลิเวอร์พูล ในช่วงปลายทางอาชีพซึ่ง พรีเมียร์ลีก ก่อกำเนิดได้ไม่นาน

กระนั้นก็ดี กองหน้าทีมชาติ เวลส์ พาทีมคว้าแชมป์ ลีกคัพ ได้ในปี 1995 และสอยตาข่ายได้ 45 ประตูจากสามซีซั่นที่ได้สวมปลอกแขน

4. ร็อบบี้ ฟาวเลอร์


ฟาวเลอร์ ได้ทำหน้าที่กัปตันร่วมกับ เร้ดแนปป์ ก่อนสวมปลอกแขนอย่างเต็มตัวในซีซั่น 2000/01 เนื่องจากมิดฟิลด์ทีมชาติ อังกฤษ เจ็บยาวโดยในซีซั่นนั้น หงส์แดง ประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยสามรายการ แต่เป็นนัดชิงดำถ้วย ลีกคัพ เท่านั้นที่ยอดกองหน้าได้เดินพาทีมลงสนาม

มันเป็นเพราะว่าเขาได้ทำหน้าที่ร่วมกับ ซามี่ ฮูเปีย แต่ที่แน่ๆ ฟาวเลอร์ ยิงประตูให้ทีมนำหน้าได้ในนัดชิงถ้วย ลีกคัพ ก่อนโดน เบอร์มิ่งแฮม ตีเสมอในนาทีสุดท้ายซึ่งลงเอยแล้ว หงส์แดง กำชัยด้วยการดวลลูกโทษ อีกทั้งในเกมชิงถ้วย ยูฟ่าคัพ  เขาลุกจากม้านั่งตัวสำรองลงไปเข่นประตูได้เช่นกันก่อนที่ เร้ด แมชีน จะซิวชัยเหนือ อลาเบส 5-4 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ

3. ซามี่ ฮูเปีย


ในเกมคว่ำ อลาเบส เป็นกองหลังทีมชาติ ฟินแลนด์ ที่ได้รับหน้าที่กัปตันทีม ลิเวอร์พูล รวมถึงนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ ปี 2001 ที่ หงส์แดง พลิกแซงชนะ อาร์เซน่อล 2-1 จากสองประตูในช่วงเจ็ดนาทีสุดท้ายของ ไมเคิ่ล โอเว่น

รวมแล้ว ฮูเปีย ได้ทำหน้าที่กัปตันทีม ลิเวอร์พูล อย่างเป็นทางการสองปี แต่หลังจากไม่ได้สวมปลอกแขนแล้ว เขายังเป็นกำลังสำคัญของทีมเช่นเดิมโดยได้แชมป์หูใหญ่ปี 2005 นัดดวลลูกโทษชนะ เอซี มิลาน 

2. สตีเว่น เจอร์ราร์ด


แน่นอนว่าในสายตาของหลายๆคน เจอร์ราร์ด คือหมายเลขหนึ่งในข่ายนี้จากการคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2005 และแชมป์ เอฟเอคัพ ปี 2006 ในเกมดวลลูกโทษสยบ เวสต์แฮม หลังเสมอกัน 3-3 ในเวลา 120 นาที

อย่างไรก็ดี อย่าลืมว่า สตีวี่ จี ไม่เคยได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก ก่อนย้ายจาก แอนฟิลด์ ไปค้าแข้งใน เมเจอร์ลีก ซ็อคเกอร์ กับ แอลเอ แกแลคซี่

1. จอร์แดน เฮนเดอร์สัน


อย่างที่บอก เฮนโด้ เฉือนชนะ เจอร์ราร์ด ก็ด้วยตำแหน่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในปี 2020 นี่เอง

ไม่ว่า สตีวี่ จี ได้แชมป์รายการไหนกับ ลิเวอร์พูล กองกลางอิงลิชที่ย้ายไปหากินในลีก ซาอุดิ อาระเบีย กับสโมสรที่ เดอะ เจิด กุมบังเหียนล้วนประสบความสำเร็จเช่นกันจึงทำให้เขารั้งอันดับหนึ่งโดยปราศจากข้อกังขา


ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport