จาก ลอนดอน ขึ้น แมนเชสเตอร์ !

ขอวิพากษ์สองคู่เลยละกันครับ...

เนื่องจากลิเวอร์พูล บุกเยือน เวสต์ แฮม ก่อน 15 นาที ตามด้วยแมนฯซิตี้ รับมืออาร์เซนอล ในเกมที่ เป๊ป บอกว่า นัดตัดสินแชมป์ ส่วน อาร์เตตา บอกว่าไม่ใช่ 

ขณะที่หงส์แดง แอบมีหวังกับพื้นที่ช.ป.ล อยู่บ้าง หากเก็บสามแต้มเกมนี้ได้ 

เบื้องหลังจากลอนดอน สเตเดี้ยม

ตามเชิงครับ....เดวิด มอยส์เล่นเพื่อต้องการคะแนนก่อนลงสนามมี 34 แต้ม นัดนี้ขออีก1 เท่ากับใกล้พรมแดนไม่ตกชั้นแล้ว ปีนี้คำนวณไว้ที่ 38+ อีกทั้งเจอกับลิเวอร์พูลที่ชนะรวดมาสองนัด ต้องการสามแต้มด้วย การวางเกมแพลนของ มอยส์ จึงเน้นเกมรับแล้วสวนตามคาด

ตัวผู้เล่นชุดเดิมที่ถล่มบอร์นมัธ 4-0 แถมฟอร์มห้านัดหลังดีขึ้น เข้ารอบรองชนะเลิศ คอนเฟอเร้นส์ ลีก มีลุ้นแชมป์แถมโคตายูโรปา ลีก ซีซั่นหน้าอีก ดังนั้นตัวผู้เล่นไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะหน่วยรุก ปาเกตา, เบนรามา, โบเวน และ อันโตนีโอ

ส่วนเจเคปรับตำแหน่งเดียว อิบราฮิมา โกนาเต ไม่พร้อมลงสนาม เลือก โชแอล มาติป แทน นอกนั้นเหมือนเดิม โดยเฉพาะ เคอร์ติส โจนส์ ได้โอกาสลงเล่นต่อเนื่อง 

อ้อ...เกมนี้หงส์แดงจะใส่เสื้อชุดเยือนสีขาวที่ไม่ชนะใครเลยในปีนี้ลงเล่นเป็นเกมสุดท้าย 555

ทีมเจ้าบ้านของ เดวิด มอยส์ ตั้งรับเปิดโอกาสให้เด็กหงส์เดินเกมรุกเข้าหาทั้งซ้ายและขวา แต่ไม่ให้เข้าไปทำง่ายๆ ทำให้หงส์เจาะยาก ส่วนขุนค้อน รอสวน แต่ยังไม่ได้ผล จนถึงนาทีที่ 12 จังหวะเล่นบอลเร็วหน้าไลน์ของ ปาเกตา ฝากบอลให้ อันโตนีโอ แปะคืนให้ ปาเกต้า จัดการยิงหน้าเขตโทษ สุดคม นำก่อน 1-0

จังหวะนี้่ นักเตะหงส์ไม่มีใครเข้าหาเลย ปล่อยให้พื้นที่หน้าไลน์ว่าง แถม ฟานไดจ์ เองก็ถอยต่ำ ไม่เดินขึ้นมา จน คลอปป์ ตะโกนด่าจังหวะนี้ที่ข้างสนาม พร้อมทั้งทำท่า ถอยหลังให้ดู

เกมจากนั้นเด็กหงส์ยังไม่เสียขบวน ตั้งหลักคุมเกมบุกต่อไป จนได้ประตูตีเสมอจากจังหวะเล่นบอลหน้าไลน์ระหว่าง เทรนต์ ที่แทงบอลให้ โคดี กัคโป พลิกเข้าหาแล้วยิงนอกเขตสุดคมเช่นกัน 1-1 

ประตู 2-1 จากจังหวะเตะมุมครึ่งหลัง มาติป ขึ้นโขกคนเดียวโล่งๆ 

นี่คือเกมที่สองติดต่อกันที่ได้ประตูจากลูกเตะมุม....จากนั้นเกมก็ไม่มีอะไรพลิกผันมาก เพราะ เวสต์ แฮม ก็ยังเล่นเหมือนเดิม รับแล้วรอสวนกลับ มีจังหวะ โบเวน หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงแต่ก็ล้ำหน้าไปก่อน 

นัดนี้สกอร์ 2-1 แต่ไม่หืดจับเท่าเกมที่ชนะฟอเรสต์ เพราะขุนค้อนไม่ได้สร้างอะไรให้ลำบากใจมากนัก อันโตนีโอ เล่นไม่ออก มี เบนรามากับ ปาเกตา ที่พอสร้างปัญหาได้ แต่โดยรวมเด็กหงส์คุมเกมนี้ได้พร้อมสามแต้ม

เรือใบสุดเหี้ยม...

จังหวะ เควิน เดอ บรอยน์ ยิงประตู 3-0 น.54 ผู้บรรยายฝรั่งให้เสียงว่า  ruthless มันก็ชัดตามนั้น ด้วยเพราะเกมนี้มันคือการเดินรถทางเดียวจริงๆ จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ ทั้งเชิงจิตวิทยา หรือเชิงคุณภาพฟุตบอล แมนฯซิตี้ ยังคงเหนือกว่าทุกกระบวนท่า

เกมแพลน เป๊ป เพรสแดนสอง เน้นโจมตีเร็ว 

กลับมาเล่น 4-3-3 ส่ง ไคล์ วอล์คเกอร์ลงเล่น แก้ปัญหาแบ๊กซ้ายด้วยการขยับ อาคานจี ไปยืน แดนกลางปึ้กมาก โรดริ, เดอ บรอยน์, กุนโดกัน ข้างหน้าใช้ ซิลวา ทางขวา ,กรีลิช และ ฮาลันด์ 

ส่วนปืนไม่มี วิลเลียม ซาลีบา อยู่แล้ว รอบ โฮลดิง แทน ขณะที่ กรานิต ชากา ลงสนามได้ นอกนั้นชุดเดิม 

วิธีการเล่นของ เป๊ป จะเน้นเพรสแดนสองเป็นหลัก ไม่ค่อยเพรสแดนบน คือจะปล่อยให้เซนเตอร์แบ๊กของปืน ขึ้นบอล บิลด์ อัพ กันขึ้นมาห่างเขตโทษ ตัวเองก่อน พอบอลจะเข้าถึงแดนกลางนี่แหละ ค่อยเข้าเพรสซิงทันที โดย อาคานจี ประกบ ซากา และ วอล์คเกอร์ ประกบ มาร์ติเนลลี เรียกว่าตัดการขึ้นบอลด้านข้างของอาร์เซนอลไปในตัว และหากแดนกลางพลิกบอลหรือว่าแก้เพรสไม่ได้ เสียบอล....ที่ว่างมีให้ใช้สอย และโจมตีเร็วไม่ต้องใช้คนเยอะ

เราจึงเห็นอาร์เซนอลถูกเรือใบโจมตีเร็วมาก และไม่ต้องใช้คนเยอะในเกมรุก 

หลายจังหวะจะเห็นมีแค่ กุนโดกัน, เดอ บรอยน์ , ฮาลันด์ เต็มที่ ซิลวา ด้วยเพราะพอ ปืนเสียบอล ทั้งจ่ายเสียหรือโดนตัดบอลได้ แมนฯซิตี้ จะโจมตีเร็ว "พื้นที่ว่าง" หรือ  space ทีให้ใช้มากมาย แล้วการผ่านบอลของ เดอ บรอยน์ ให้ ฮาลันด์ วิ่งยิ่งสร้างความปั่นป่วนได้ไม่ยาก 

จะสังเกตว่า แจค กรีลิช ในหลายๆจังหวะถอนมาต่ำ เพื่อครองบอลและรอจังหวะให้บอลเร็วข้างหน้าเมื่อนักเตะปืนเข้ามาเพรสแย่งบอล มี เดอ บรอยน์ และ กุนโดกัน ทะลุขึ้นไปแทน

เป็นการแก้เพรสที่ดีเยี่ยมของเรือใบ

มาดูจังหวะประตูขึ้นนำ1-0 เกิดขึ้นง่ายๆ เล่นกัน 2 คน ฮาลันด์ โดน รอบ โฮลดิ้ง ประกบ แถวครึ่งสนาม ซึ่งประกบไม่อยู่ โดนพลิกได้ แทงให้ เดอ บรอยน์ ทะลุคนเดียวก่อนยิงเข้าเสาแรกสุดคม...

ประตู 2-0 เกิดขึ้นช้าไป ด้วยเพราะก่อนยิงช่วงทดเวลาจากฟรีคิกที่ สโตน โหม่งเข้ารอวีเออาร์เช็ค...ก่อนหน้านั้น จังหวะหลุดของ ฮาลันด์ 4 เที่ยวและ เดอ บรอยน์ อีก 

คือหลุดกันแค่สองคนนี้ เพราะแดนกลางปืนครองบอลไม่ได้ แถมเสียบอลบ่อย จึงโดนโจมตีเร็ว

ถ้าฮาลันด์ คมๆ ครึ่งแรกน่าจะ 4-0

ครึ่งหลังเรือใบปิดเกมนาทีที่ 54 จังหวะได้บอลเข้าเขตโทษแล้วยิงลอดขา โฮลดิง ง่ายๆเลย  ประตู 3-0 คือคำตอบว่า "มันจบแล้วครับนาย" แม้ว่าปืนมาได้ลูกแถมจาก รอบ โฮลดิ้ง ก่อนที่ ฮาลันด์ ปิดเกมที่4-1 พร้อมทำสถิติใหม่ดาวยิงสูงสุดในรูปแบบ 38 นัดพรีเมียร์ลีก(ยุคแรกๆ42นัด) 

ฮาลันด์ ยิงไป 33 ลูกแล้ววว 

เรือใบ ชนะ ปืน12 นัดรวด ยิง33 เสีย5!!!!

แพ้ทางกันไปละ

แมตช์นี้ เป๊ป ขู่ไว้ก่อนเกมแล้วว่าคือ "แมตช์ตัดสินแชมป์" พวกเขาต้องการชนะเพื่อกุมความได้เปรียบในมือกับสองแต้มที่ไล่ตามพร้อมเกมในมือที่ได้เปรียบ2 เกม รวมทั้งโปรแกรมนัดที่เหลือซึ่งดูเบากว่าอาร์เซนอล

ชัยชนะของเรือใบสีฟ้าต่ออาร์เซนอล.....เกมนี้ต้องบอกว่าหมดจด เบ็ดเสร็จ เหนือกว่าเยอะ แสดงให้เห็นถึงฟอร์มแชมเปี้ยนส์ ชัดเจน นักเตะหลายคนโดดเด่นกับเกมแบบนี้ได้ชัดเจน

เดอ บรอยน์ เด่นสุด ฮาลันด์ เกมนี้ดีในการวิ่งทำทางและหาจังหวะสกอร์แต่มาเสียที่ใช้โอกาสเปลือง อีกคนที่โดดเด่นคือ อาคานจี แบ๊กซ้ายจำเป็นที่ประกบ ซากา จนไปไม่เป็น 

โอเคครับ..แม้ยังเหลืออีก 5-7 นัด ยังพอมีความหวังก็จริง แต่ในความรู้สึกของแฟนปืนส่วนใหญ่ "ยอมรับ" แล้วว่าพวกเขาคงพลาดแชมป์

เหมือนมาหลุดในช่วงสำคัญของซีซั่น สามสี่นัดล่าสุดนี่แหละ เล่นดีแต่เสมอสองนัด เล่นแย่ ก็เสมอบ๊วย ก่อนมาเจอกับ "แชมป์เก่า" สอนเชิงอีกต่างหาก

ถ้าแมนฯซิตี้ ไม่ได้แชมป์ปีนี้...มันจะยิ่งกว่าแลนด์สไลด์ นะสิครับ


ที่มาของภาพ : getty images
BY : JACKIE
อดิสรณ์ พึ่งยา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport