นับถอยหลัง 9 นัดสุดท้ายของ คล็อปป์-บ๊อบบี้

ส่วนหนึ่งในเนื้อหาข่าวจากเดลี่เมลเมื่อสองวันก่อนที่เขียนถึงข่าวลือระหว่าง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ กับ เรอัล มาดริด บรรยายไว้อย่างนั้น

แชมป์ทุกรายการที่ ฟีร์มิโน่ ร่วมคว้ามาให้ลิเวอร์พูล ล้วนเกิดขึ้นในยุคที่เขาทำงานกับ เจอร์เก้น คล็อปป์

พูดในทางกลับกัน แชมป์ทุกรายการที่ คล็อปป์ คว้ามาให้ทีมหงส์แดง ล้วนมี บ๊อบบี้ เป็นส่วนร่วม

ทุกเสียงดีใจ ทุกความลิงโลด ทุกการระเบิดอารมณ์ ทุกอณูแห่งความสุข พวกเขาทั้งคู่ดื่มด่ำมันมาด้วยกัน

และแน่นอนเช่นกัน.. ทุกความเสียใจ ทุกความผิดหวัง ทุกหยดน้ำตาแห่งความชอกช้ำ เจ้านาย-ลูกน้องคู่นี้ก็ตบบ่าตบไหล่ประคองกันขึ้นมาสู้ต่อไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

ในแง่ความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม เจอร์เก้น คล็อปป์ คือโค้ชที่ดีที่สุดของบ๊อบบี้ ช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เปลี่ยนสถานะจากดาวธรรมดาๆ สู่ซูเปอร์สตาร์ จากนักเตะที่ดีสู่นักฟุตบอลระดับโลก มันเกิดขึ้นในยุคของคล็อปป์

ส่วนฟีร์มิโน่จะเป็นนักเตะที่ดีที่สุดของคล็อปป์ไหมนั้นคงหาอะไรมาชี้วัดลำบาก เพราะคล็อปป์ปั้น สร้าง และผลักดันลูกทีมจนเติบใหญ่มากมายเหลือเกิน หลายคนโด่งดังทะลุไปไกลกว่าวันแรกที่ได้รู้จักกันมาก

กระนั้นฟีร์มิโน่ก็คือหนึ่งในนั้นแน่นอน เขาคือหนึ่งในนักฟุตบอลที่ดีที่สุดเท่าที่คล็อปป์เคยทำงานด้วย

เวลาที่เราทำงานกับใครแล้วรู้สึกสบายใจ มันเป็นความสุข ความผ่อนคลาย ถ้าเรามีหัวหน้าที่ดีเราก็ทำงานด้วยความสุข เช่นเดียวกันถ้าเรามีลูกน้องที่ดีมันก็จะช่วยแบ่งเบาความหนักหน่วงที่ต้องแบกรับไปได้ไม่น้อย

คู่เจ้านาย-ลูกน้องคู่นี้ก็คงจะเป็นอย่างนั้น

 เพราะไม่เพียงไม่เคยเกี่ยงงอนหรือสร้างความลำบากใจให้แก่คล็อปป์เท่านั้นในด้านเกมฟุตบอล เรายังไม่เคยได้ยินอะไรไม่ดีเกี่ยวกับคล็อปป์หลุดออกจากปากฟีร์มีโน่เลยสักหน.. เช่นกันมันยิ่งไม่เคยมีเรื่องราวแย่ๆ ใดของบ๊อบบี้ถูกเปิดเผยโดยเจอร์เก้น ถ้าคล็อปป์จะพูดถึงลูกทีมของเขาคนนี้มันก็มีเพียงเสียงยกย่องในฝีเท้า ชื่นชมในความเป็นมืออาชีพ และอารมณ์รักใน "ความเป็นบ๊อบบี้" เท่านั้นที่เราได้ยินจากยอดกุนซือชาวเยอรมัน

จากวันแรกที่ได้ทำงานร่วมกันในสถานะเจ้านาย-ลูกน้องที่ลิเวอร์พูล กอดคอฟันฝ่าอุปสรรคหนักอึ้งทั้งหลายมาด้วยกันนับร้อยๆ เกม กวาดความสำเร็จแทบจะทุกรายการจนเป็นยุครุ่งเรืองที่สุดยุคหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์สโมสร.. คล็อปป์ กับ ฟีร์มิโน่ กำลังนับถอยหลังสู่ 9 เกมสุดท้าย

9 เกมสุดท้ายที่จะได้ทำงานด้วยกันที่ลิเวอร์พูล..

ฟังดูน่าเศร้าและใจหายนะครับ ความจริงแล้วมันอาจจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองคนได้ร่วมงานกันก็ได้ อนาคตเป็นสิ่งที่เราไม่มีวันรู้ บ๊อบบี้อาจถูกเจอร์เก้นดึงกลับมาช่วยงานในแอนฟิลด์อีกหน หรือจังหวะชีวิตลงตัวได้ไปร่วมงานกันอีกครั้งที่สโมสรอื่น.. เป็นไปได้ทั้งนั้น

เพียงแต่ในตอนนี้ เวลานี้ มันคือ 9 นัดสุดท้ายของ คล็อปป์-บ๊อบบี้ ในความผูกพันรอบนี้ ซึ่งไม่รู้เลยว่าจะมีรอบต่อไปเกิดขึ้นไหม

ใจหาย..

เราเองยังรู้สึกอย่างนั้น แล้วเขาทั้งคู่เล่า..

ถ้าเราเป็นคล็อปป์ เราคงใจหาย และถ้าเราเป็นบ๊อบบี้ เราก็คงใจหายยิ่งกว่า เพราะไม่เพียงต้องแยกย้ายจากเจ้านายที่มีส่วนสำคัญบนเส้นทางอาชีพจนทำให้เขามีวันนี้เท่านั้น แต่ยังต้องโบกมือลาสโมสรที่มอบความสำเร็จมากมายเกินจินตนาการให้กับเขา ต้องร่ำลาแฟนบอลที่รักเขา ตะโกนเรียกชื่อเขา แต่งเพลงให้กับเขา ต้องอำลาสภาพแวดล้อมที่ลงหลักปักฐานมาเกือบสิบปีจนคุ้นเคยราวกับเป็นบ้านหลังที่สอง

หันไปมองข้างหลัง.. 359 เกมแล้วที่เขาเดินผ่านจนมายืนอยู่ตรงนี้ ความสุขความทรงจำคงพรั่งพรูไม่หยุด

และเมื่อหันกลับมาอีกทีเพื่อมองไปข้างหน้า เขาก็เห็นปลายทางรออยู่.. มันอยู่ตรงหน้านี้เอง

9 นัดสุดท้ายในชุดลิเวอร์พูล

การลาจาก.. บทจะมาถึงมันก็เร็วเหลือเกิน เหมือนไม่ให้เวลาเราตั้งตัวเลย

เราเคยคิดว่าเรากับเขาคงจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป เราจะได้เห็นรอยยิ้มยิงฟันขาวของเขาไปอีกนานเท่านาน

แต่ความจริงเราต่างกำลังนับถอยหลังด้วยกันทั้งนั้น อยู่ที่ว่าปลายทางของใครจะมาถึงก่อนกัน..

วันก่อนผมเขียนถึง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ วันนี้ผมก็เขียนถึง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และเชื่อเถิดครับ ในวันหน้าผมก็ยังจะเขียนถึงเขาอีก

เมื่อวันนั้นมาถึง ผมจะเป็นอีกหนึ่งคนที่อวยพรเขา โอบกอดเขา ขอบคุณเขา และก็จะสังเกตดูอากัปกิริยาของเขา ของแฟนบอล ของเพื่อนร่วมทีม และของ เจอร์เก้น คล็อปป์

นึกถึงรอยยิ้มของเขาแล้วก็คิดถึงนะครับ ยิ่งนึกถึงว่ามันเหลืออีกแค่ 9 นัดสุดท้ายแล้วก็ยิ่งคิดถึง

โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่.. เมื่อวันนั้นมาถึงจริงๆ ผมเชื่อว่าเดอะค็อปทั่วโลกจะยิ่งทำให้คุณเข้าใจและได้สัมผัสกับมันอย่างถ่องแท้ที่สุด 

ว่าความรักที่เรามีให้คุณนั้นมากมายเพียงใด

ตังกุย