ไร้สกอร์แต่มีเรื่องน่าสนใจ! เกร็ดน่ารู้จากเกม เชลซี เจ๊า ลิเวอร์พูล

สุดท้ายแล้วเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดใหญ่ของกลางสัปดาห์นี้ก็จบลงด้วยการที่ เชลซี เปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ เสมอกับ ลิเวอร์พูล 0-0 ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่ผลการแข่งขันที่ดีสำหรับทั้ง 2 ทีม เพราะพวกเขาต่างก็ต้องการ 3 คะแนนจากเกมนี้เพื่อที่จะไต่ขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ดีๆ ให้ได้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเกมนี้จะจบลงแบบไร้สกอร์ แต่มันก็มีเกร็ดบางอย่างที่ถือว่าน่าสนใจซึ่งสามารถสะท้อนถึงสถานการณ์โดยรวมของทั้ง 2 ทีมได้ดีเหมือนกัน ลองไปดูตัวอย่างกันสักหน่อยว่ามันมีอะไรบ้าง

 - เกมรุกที่น่าเป็นห่วงของ เชลซี


 เกมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมานั้นที่จริง เชลซี ถือว่ามีโอกาสทำประตูเยอะมากๆ แต่พวกเขากลับไม่มีความเฉียบคมในจังหวะสุดท้ายเอง ซึ่งมันถือเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังเมื่อพิจารณาถึงการที่พวกเขาใช้เงินไปเยอะมากๆ กับการดึงนักเตะแนวรุกดีๆ หลายคนมาร่วมทีม

 ผลงานอันเลวร้ายแบบนั้นทำให้เท่ากับว่าฤดูกาลนี้ เชลซี ทำประตูในลีกได้เพียง 29 ลูกจากการลงเล่น 29 นัด หรือคิดเป็นค่าเฉลี่ยนัดละ 1 ลูกเท่านั้น และหากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันนี้ของทุกฤดูกาลที่ผ่านมาแล้วล่ะก็ มันมีเพียง 2 ซีซั่นที่พวกเขาทำประตูในีลกได้น้อยกว่าซีซั่นปัจจุบัน ได้แก่ซีซั่น 1923-24 ที่ยิงในลีกได้ 16 ลูก กับฤดูกาล 1921-22 ที่ทำได้เพียง 23 ประตู

 - ลิเวอร์พูล กับครึ่งหลังที่แก้สถานการณ์ไม่ได้


 ปกติแล้วช่วงพักครึ่งถือเป็นโอกาสทองที่แต่ละทีมจะสามารถปรับปรุงแผนหรือความเข้าใจในการเล่นได้ เพื่อที่จะได้ลงมาเล่นได้ดีกว่าเดิมในครึ่งหลัง น่าเสียดายที่ตอนนี้ ลิเวอร์พูล ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากจุดนั้นได้ดีเท่าที่ควร เพราะในเกมลีก 19 นัดหลังสุดนั้นพวกเขายิงในช่วงครึ่งหลังได้เพียง 11 ลูก

 ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ในจำนวนดังกล่าวก็มี 6 ลูกที่เกิดขึ้นในเกมเดียว นั่นคือวันที่พวกเขาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 7-0 นั่นหมายความว่าจำนวนนัดที่พวกเขายิงในครึ่งหลังได้มันถือว่าน้อยมากๆ โดยคิดเป็น 5 เกมเท่านั้น

 - ชาย 3 ยุค


 ฤดูกาลนี้ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มิดฟิลด์คนดังของ เชลซี มีปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บเกี่ยวกับหัวเข่ามากๆ ทั้งตรงบริเวณหัวเข่าโดยตรงและในด้านที่เกี่ยวกับเอ็นหลังหัวเข่าจนทำให้เกมกับ ลิเวอร์พูล ถือเป็นการลงเล่นในลีกนัดที่ 4 ของเขาเท่านั้นในซีซั่น 2022-23

 ในจำนวน 4 เกมที่ว่านั้น มันเป็นการลงเล่นใน สแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นจำนวน 3 เกม ซึ่งมันเหมือนกับเรื่องบังเอิญที่ทั้ง 3 นัดที่ว่ามันเกิดขึ้นกับการเล่นให้กุนซือ เชลซี ทั้ง 3 คนในซีซั่นนี้ ประกอบด้วยเกมเสมอ สเปอร์ส 2-2 ในยุคของ โธมัส ทูเคิ่ล, นัดแพ้ แอสตัน วิลล่า 0-2 ภายใต้การกุมบังเหียนของ แกรม พ็อตเตอร์ และนัดล่าสุดกับ ลิเวอร์พูล ในยุคของ บรูโน่ ซัลตอร์ กุนซือขัดตาทัพ

 - อลีสซง ออกแรงหนัก

 หลายคนมองว่าในฤดูกาลนี้นั้นนักเตะที่เล่นได้ดีที่สุดของ ลิเวอร์พูล ได้แก่ อลีสซง เบ็คเกอร์ หลังจากที่เขาออกแรงเซฟได้หลายหนจนทำให้ทีมยังได้ 1 คะแนนในเกมที่เกือบจะแพ้ และได้ 3 แต้มในเกมที่น่าจะได้เพียงผลเสมอ

 สำหรับเกมกับ เชลซี นั้น อลีสซง มีชอตเซฟไปทั้งหมด 3 หน ทำให้เท่ากับว่าตลอดทั้งฤดูกาลนี้เขาออกแรงเซฟใน พรีเมียร์ลีก ไปแล้ว 85 ครั้ง ซึ่งนี่เป็นฤดูกาลที่เขาต้องออกแรงเซฟในลีกมากที่สุดต่อ 1 ซีซั่นนับตั้งแต่ที่ย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล เมื่อช่วงซัมเมอร์ ปี 2018 เลยทีเดียว และหากเทียบกับนายด่านทุกคนใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้แล้วนั้น เขาก็ถือเป็นคนที่มีชอตเซฟมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ร่วมของลีก โดยอีกคนคือ บิเซนเต้ ไกวต้า นายทวาร คริสตัล พาเลซ

     - เด็กเกร็ดบอล -


ที่มาของภาพ : GETTY IMAGE
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport