ไร้สกอร์ 4 เกมติด!ชำแหละเชลซี-ลิเวอร์พูล เจ๊ากันอีกแล้ว

เชลซี กับ ลิเวอร์พูล เสมอกันอีกแล้วนะครับ !!!

การศึกครั้งล่าสุดที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ คือการเสมอกันเป็นเกมที่ 6 ติดต่อกันในทุกรายการ แถมยังเป็นการเสมอกัน ด้วยสกอร์ 0-0 เป็นเกมที่ 4 ติดต่อกัน

ตกลงมึงจะไม่ยิงกันจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย ???

1. ไปดูตัวผู้เล่นของทั้ง 2 ทีมก่อนดีกว่า

เจอร์เก้น คล็อปป์ จัดทีมเหมือนประชดชีวิต เมื่อเปลี่ยนผู้เล่นจากเกมไส้แตกที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ถึง 6 คน

จุดที่น่าสังเกตคือใครที่โชว์ฟอร์มไม่ค่อยโสภาในนัดล่าสุดถูกดร็อปหมด 

ไม่ว่าจะเป็น เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, ฮาวี่ย์ เอลเลียตต์ และโม ซาล่าห์ ขณะที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ถูกอาการป่วยลักพาตัวไป

แผงหลัง โจ โกเมซ, โฌแอล มาติ๊ป, อิบราฮิมา โกนาเต้และคอสตาส ซิมิกาส

ตรงกลาง เคอร์ติส โจนส์ ได้โอกาสลงสนามบ้าง

แดนหน้า โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ สวมบทกองหน้าตัวปลอม ทางขวาคือ ดิโอโก้ โชต้า ทางซ้ายคือ ดาร์วิน นูนเญซ

อืมมมมมมม...นะ

2. เชลซี เพิ่งปลด แกรห์ม พ๊อตเตอร์ ไปหมาดๆ โดยให้ผู้ช่วยของเขาอย่าง บรูโน่ ซัลตอร์ รักษาการแทนไปพลางๆ ก่อนในระหว่างรอกุนซือคนใหม่

ระบบ 3-5-2 จุดที่น่าสนใจคือ 3 มิดฟิลด์ตัวกลางที่ได้ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กลับมาจากอาการบาดเจ็บอันยาวนาน มาเตโอ โควาซิช และเอ็นโซ เฟอร์นานเดซ นักเตะระดับแชมป์โลก

ถ้าวัดกันที่คุณภาพผู้เล่นในแดนกลาง เชลซี เหนือกว่า ลิเวอร์พูล อย่างชัดเจน

ปัญหาของสิงห์บลูส์คือประสิทธิ์ภาพในเกมรุกที่ต่ำมาก คือเกมดี แต่ยิงได้น้อย 

ฤดูกาลนี้ เชลซี ยิงได้แค่ 29 ประตู เท่านั้นเอง และ 2 กองหน้าในเกมล่าสุดคือ ชูเอา เฟลิกซ์ กับ ไค ฮาแวร์สต์ ซึ่งไม่ใช่กองหน้าหมายเลข 9 ด้วยกันทั้งคู่

3. เกมของเจ้าบ้านเหนือกว่าตามคาด ทั้งครองบอลมากกว่า บุกมากกว่า และมีโอกาสทำลายตาข่ายมากกว่า 

การกลับมาของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ช่วยให้เกมของ เชลซี มีชีวิตชีวาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทั้งในเกมรับและเกมรุก

นอกจากนี้ 'หงส์แดง' ยังจ่ายบอลกันผิดพลาดแบบเป็นระยะจนสงเคราะห์ให้คู่แข่งมีโอกาสทำประตูมากยิ่งขึ้น

ทีนี้ถามว่าทำไม ลิเวอร์พูล ถึงรอดตัวไม่เสียประตู ???

คำตอบมีอยู่ 3 ประการ

4. ประการหนึ่ง 

เชลซี ยิงทิ้ง & ยิงขว้าง

ส่วนใหญ่จะตะบันหลุดกรอบกันไปเองทั้งนั้น ขนาดหลุดเดี่ยวก็ยังอุตส่าห์ยิงไปติดผู้รักษาประตู เรียกว่าใช้โอกาสอย่างสิ้นเปลืองมาก ไม่ต่างจากเกมที่พ่ายแพ้ 

แอสตัน วิลล่า แบบคาถิ่น

ประการต่อมา

แผงหลังของพวกพรี่ๆ ทำหน้าที่ได้ไฉไล

ทั้ง โจ โกเมซ, โฌแอล มาตีฟฟฟ เอ๊ย มาติ๊ป และอิบู 

โกนาเต้ ที่ช่วยเซฟ ช่วยสกัดจังหวะที่ชี้เป็นชี้ตายอยู่หลายหน ยกเว้นแบ็คซ้ายทีมชาติกรีซที่ออกลูกมั่วอยู่คนเดียว

ประการสุดท้าย

VAR ช่วย ลิเวอร์พูล ให้รอดพ้นจากการโดนทะลวง Rule Darkz ถึง 2 ครั้ง 2 ครา ทั้งจากการล้ำหน้าไปนิดเดียว และจากการแฮนด์บอลที่มองด้วยตาเปล่าไม่ทัน

ถ้าไม่มี VAR ในโลก พวกพรี่ๆ อาจจะเด๊ดห่าไปแล้ว

5. แม้ว่าจะเสมอกันแบบไข่ไม่แตกอีกแล้ว แต่ก็จัดเป็นเกมที่มีความสนุกสนาน ตื่นเต้ล ไม่ถือวาาน่าเบื่อ และมี

อัตราความจั๊กแหล่นพอสมควร โดยต่างฝ่ายต่างอุดมด้วยความผิดพลาดที่แตกต่างกันไป

หนึ่งแต้มในการเยือน เดอะ บริดจ์ ถือเป็นแต้มใหญ่สำหรับ ลิเวอร์พูล นะครับ

อย่างไรก็ตาม

เกมต่อไปที่จะเปิดบ้านรับมือจ่าฝูงอย่าง อาร์เซน่อล 

หากเล่นได้เพียงเท่านี้ก็น่าเป็นห่วงหงส์แดงมิใช่น้อย

อย่างไรก็ตาม (ครั้งที่ 2)

เกือบลืมไปว่า ลิเวอร์พูล ในบ้านกับนอกบ้านนั้นกลายเป็นคนละทีม

เพราะที่ แอนฟิลด์ พวกเขาจะมีพลังพิเศษเพิ่มขึ้นอีกถึง 7 เท่า !!!

"บอ.บู๋" 


ที่มาของภาพ : GETTY IMAGE
BY : บอ.บู๋
บูรณิจฉ์ รัตนวิเชียร
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport