แรชฟอร์ดกระซวกปิด! แมนยู โชว์โหดเปิดรังหลอนไล่ต้อน บอร์นมัธ สบายเกือก

แรชฟอร์ด ซัดประตูตอกฝาโลงช่วย "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด โชว์ฟอร์มสุดเหนือชั้นเปิดโรงละครแห่งความฝันไล่ต้อนอัด บอร์นมัธ ผู้มาเยือนไปแบบสู้ไม่ได้ 3-0 ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอังคารที่ 3 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยแมตช์นี้เจ้าบ้านเล่นไม่ค่อยดีนักช่วงแรกๆ แต่สุดท้ายก็สามารถปรับจูนระบบและครองเกมเหนือกว่า "เดอะ เชอร์รี่ส์" สำหรับสามคะแนนในเกมนี้ ส่งให้ "ผีแดง" เก็บเพิ่มเป็น 35 แต้มทาบ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด อันดับ 3 ของตารางลีก และห่างจาก อาร์เซน่อล จ่าฝูง 9 คะแนน

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันอังคารที่ 3 มกราคม 2566

แมนฯ ยูไนเต็ด 3   -   0 บอร์นมัธ

สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีการปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่นพอสมควรจากเกมที่เฉือนวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส โดยแนวรับ เอริค เทน ฮาก เลือกใช้ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กับ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ยืนเป็นคู่เซนเตอร์แบ็ก ขณะที่แดนกลาง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ได้รับโอกาสลงตัวจริง ขณะที่แนวรุก มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้กลับมาประจำตำแหน่งทางฝั่งซ้ายหลังเกมที่แล้วโดนลงโทษถูกดร็อปเป็นตัวสำรองเนื่องจากทำผิดวินัย แต่ก็ได้ลงเล่นครึ่งหลักและสวมบทฮีโร่ซัดประตูชัย แถมก่อนเกม ลิซานโดร มาร์ติเนซ ออกมาโชว์ตัวเพื่อให้แฟนบอล "ผีแดง" ปรบมือเพื่อเป็นเกียรติหลังช่วย อาร์เจนตินา คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 

ด้าน บอร์นมัธ แม้จะเป็นรองหลายขุม แต่ก็ต้องการชัยชนะอย่างมากหลังแพ้ในลีก 2 แมตช์ติดต่อกัน โดยเกมนี้ แกรี่ โอนีล เลือกใช้แกนหลักอย่าง โดมินิก โซลันกี้, ไรอัน คริสตี้ และ เจฟเฟอร์สัน เลร์มา โดยพวกเขาต้องการ 3 แต้มเพื่อหวังทำคะแนนฉีกหนีโซนตกชั้นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

10 นาทีแรกของเกมทั้งสองฝ่ายยังเล่นแบบติดๆ ขัดๆ โอกาสในการทำประตูไม่มีเลย โดย แมนฯ ยูไนเต็ด ครองเกมได้เป็นส่วนใหญ่และพยายามที่จะหาช่องที่จะเข้าไปทำประตูแต่ทีมเยือนยังคงตั้งโซนรับได้อย่างเหนียวแน่น 

ช่วงนาทีที่ 11 ลุค โชว์ มีโอกาสเปิดบอลเข้าไปในเขตโทษ โดย แรชฟอร์ด ได้ขึ้นโขกโล่งๆ แต่น่าเสียดายที่บอลออกข้างไปแบบไม่มีลุ้น โดยรูปเกมส่วนใหญ่เจ้าบ้านยังครองเกมได้เหนือกว่า แต่ขาดการส่งบอลที่แม่นยำทำให้เกมบุกขาดๆ เกินๆ 

เข้าสู่ช่วงนาทีที่ 16 บอร์นมัธ ได้สวนกลับ และ โซลันกี้ ได้ครองบอลก่อนที่จะโดน กาเซมีโร่ เข้ามาทำฟาวล์ ทำให้พวกเขาได้ลูกฟรีคิกบริเวณกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย แต่น่าเสียดายที่จังหวะนี้ ไจดอน แอนโธนี่ ดันเปิดบอลออกไปแบบไม่มีลุ้น

อีกสองนาทีต่อมา กาเซมีโร่ ได้โอกาสโชว์ทักษะการวางบอลจากแดนกลางให้กับ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค แต่น่าเสียดายที่ ดาวเตะชาวดัตช์ เข้าไปถึงทำให้บอลเข้ามือ  มาร์ค ทราเวอร์ส สบายๆ 

ในที่สุดทำนบเกมรับของ บอร์นมัธ ก็แตกเรียบร้อย โดยนาทีที่ 23 แมนฯ ยูฯ ได้ลูกฟรีคิกบริเวณริมเส้น และ คริสเตียน เอริคเซ่น โชว์การเปิดบอลที่สุดแม่นยำเข้าไปในเขตโทษก่อนที่ กาเซมีโร่ จะวิ่งสอดเข้ามาใช้เท้ากระแทกบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย ส่งให้ "ผีแดง" ขึ้นนำ 1-0

หลังเสียประตู "เดอะ เชอร์รี่ส์" เริ่มตาสว่าง หันมาเปิดเกมบุกเข้าใส่เจ้าบ้านเพื่อหวังเอาประตูคืน และมาได้ลูกฟรีคิกระยะกว่า 25 หลา และ ฟิลิป บิลลิ่ง ขันอาสาตะบันไปเฉียบผู้เล่นแมนฯ ยูฯ ออกหลังได้แค่ลูกเตะมุม 

อีกไม่กี่นาทีถัดมา แอนโธนี่ ได้บอลหลุดเข้าไปในเขตโทษ แต่ซัดติดมือ เด เคอา อย่างไรก็ตามจังหวะนี้เป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน 

แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาครองเกมได้อีกครั้ง และนาทีที่ 36 เจ้าบ้านมาได้ฟรีคิกจากจังหวะที่ บิลลิ่ง ไปดึง กาเซมีโร่ หน้ากรอบเขตโทษ และเป็น เอริคเซ่น ปั่นบอลไปแฉลบผู้เล่นทีมเยือนข้ามคาน 

บอร์นมัธ เริ่มกล้าเล่นมากขึ้น และในนาทีที่ 40 พวกเขามีโอกาสสวนกลับอีกครั้งจากการขึ้นเกมทางฝั่งขวา โดย  ไรอัน คริสตี้ ส่งบอลให้ โซลันกี้ ได้มีโอกาสพลิกตัวซัดเต็มข้อแต่ติดบล็อกกองหลังเจ้าบ้านข้ามคานออกไป 

ในจังหวะต่อเนื่องจากลูกเตะมุม บอลทะลักบริเวณกรอบเขตโทษ และ มาร์กอส เซเนซี่ ลื่นล้มในขณะวิ่งไปเอาบอล ส่งผลให้เข้าไปกระแทกบริเวณหน้าแข้งของ ฟาน เดอ เบ็ค จนได้รับบาดเจ็บ และถูกเปลี่ยนตัวออกไป โดย อเลฮานโดร การ์นาโช่ ได้ลงมาเล่นแทน ก่อนที่กรรมการจะเป่าหมดเวลาครึ่งแรก

จบครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำ 1-0

เข้าสู่ครึ่งหลังในนาทีที่ 48 แมนฯ ยูไนเต็ด โชว์ให้เห็นการต่อบอลอย่างสุดยอด โดยเริ่มจาก ชอว์ ทำชิ่งกับ แรชฟอร์ด ก่อนกระชากจากแดนตัวเองทะลุถึงหน้าบ้าน บอร์นมัธ และส่งให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส จากนั้นก็ผ่านให้ การ์นาโช่ ที่ตวัดบอลเข้าในกรอบเขตโทษ และ ชอว์ วิ่งเข้ามาจบสกอร์อย่างงดงาม ส่งเจ้าบ้านนำ 2-0

นาทีที่ 54 "ผีแดง" สร้างเกมได้อันตรายอีกครั้ง เมื่อพวกเขาชิ่งบอลกันอย่างสวยงาม ก่อนที่ จอมทัพทีมชาติบราซิล จะจัดการเปิดบอลจากระยะ 27 หลา เข้าไปในเขตโทษให้ มาร์กซิยาล ขึ้นโขกแต่บอลออกเสาไปอย่างน่าเสียดาย

อย่างไรก็ตามอีกสามนาทีถัดมา บอร์นมัธ ตอบโต้ด้วยการขึ้นเกมทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนที่ อดัม สมิธ จะเปิดเข้าในเขตโทษให้ บิลลิ่ง ขึ้นโขกเต็มหัวระยะ 6 หลา แต่ เด เคอา พุ่งเซฟได้อย่างเหลือเชื่อ จากนั้นก็ยังป้องกันจังหวะโหม่งของ โซลันกี้ ได้อีกด้วย 

เกมผ่านไปอย่างเอื่อยๆ จนกระทั่งนาทีที่ 70 แรชฟอร์ด มีโอกาสได้ลากบอลเข้ามาในระยะสังหาร ก่อนตัดสินใจซัดเต็มข้อล่อเต็มแข้ง แต่บอลออกข้างไปแบบไม่มีลุ้น

ในนาทีที่ 78  "ปีศาจแดง" มีลุ้นได้ประตูเพิ่มจากการยิงของ การ์นาโช่ แต่บอลออกเสาไกลไปแบบเฉียดฉิว อีก 4 นาทีถัดมา ดีโอโก้ ดาโลต์ ที่ลงเป็นตัวสำรอง ได้ซัดไกลแต่โดนปฎิเสธโดย ทราเวอร์ส 

ยังไม่หมดแค่นั้น แมนฯ ยูฯ เดินเครื่องอย่างโหดและเกือบได้ประตูอีกครั้งในนาทีที่ 84 จากการตะบันเต็มข้อในระยะไม่กี่หลาของ แฟร์นันด์ส แต่ก็ติดเซฟ ทราเวอร์ส 

กระนั้นอีก 1 นาทีถัดมา ชอว์ เปิดบอลให้ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติโปรตุเกส ที่แตะบอลเร็วส่งให้ แรชฟอร์ด วิ่งเข้ามาชาร์จบอลโล่งๆ เข้าประตู ทำให้ทีมนำขาด 3-0 

เข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ บอร์นมัธ มีโอกาสยิงตีไข่แตกจาก แอนโธนี่ แต่โดน เด เคอา โชว์ซูเปอร์เซฟอีกครั้ง และจากจังหวะเตะมุม ซิริกี้ เดมเบเล่ ได้เปิดบอลแบบกึ่งยิงกึ่งผ่านบอลย้อนไปชนคานอย่างน่าเสียดาย 

ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีทีมได้ทำประตูเพิ่มจบเกม แมนฯ ยูฯ คว้าชัยชนะด้วยสกอร์ 3-0 เก็บแต้มเพิ่มเป็น 35 คะแนน แต่ยังคงรั้งอันดับ 4 เหมือนเดิม เนื่องจากแต้มเท่ากับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด แต่ประตูได้เสียเป็นรองบานเบอะ

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

แมนฯ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา - อารอน วาน-บิสซาก้า (ดีโอโก้ ดาโลต์ น.69), แฮร์รี่ แม็กไกวร์, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ (ลิซานโดร มาร์ติเนซ น. 88), ลุค ชอว์ - กาเซมีโร่ - คริสเตียน เอริคเซ่น (เฟร็ด น. 65) - บรูโน่ แฟร์นันด์ส, ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค (อเลฮานโดร การ์นาโช่ น.44), มาร์คัส แรชฟอร์ด - อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล (แอนโธนี่ อีแลงก้า น. 69)

บอร์นมัธ (4-4-2) : มาร์ค ทราเวอร์ส - อดัม สมิธ (แจ็ค สเตซี่ย์ น. 63) , มาร์กอส เซเนซี่, ลอยด์ เคลลี่ คริส เมแฟม - ไจดอน แอนโธนี่, ลูอิส คุ๊ก, เจฟเฟอร์สัน เลร์มา, ฟิลิป บิลลิ่ง (คีฟเฟอร์ มัวร์ น. 76) - โดมินิก โซลันกี้, ไรอัน คริสตี้ (ซิริกี้ เดมเบเล่ น. 76)


ที่มาของภาพ : gettyimages.ae
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport