หงส์เฮ 4 นัดรวด..ดวงหนุนนำสามแต้ม

หลังจากชนะรวดสามนัดรวดก่อนและหลังบอลโลก "หงส์​แดง" มุ่งหน้าสู่การกลับมาชนะให้มันต่อเนื่อง หากคาดหวังเป้าหมายในพื้นทีช.ป.ล

เกมพบกับเลสเตอร์ จึงเหมือนเป็นข้อสอบนั้น 

รักษาฟอร์มต่อเนื่องและชนะต่อเนื่องได้มั้ย

อ้อ....นัดนี้ โกดี กัคโป มาแฟนสาวมานั่งชมในแอนฟิลด์ด้วย...

⚽️แทกติกสองโค้ช⚽️

JK; ไม่มี ฟาบินโญ เนื่องจากภรรยาเตรียมคลอดลูกคนแรกของบ้าน ทำให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ต้องรับบทเบอร์หกแทน นอกนั้นชุดเดิม ระบบ 4-3-3 

เบคเกอร์ ; เทรนต์, เวอร์จิล-มาติป, รอบโบ ; เอลเลียตต์, เฮนโด, ติอาโก ; ซาลาห์, ดาร์วิน,อ๊อกส์

BR ; ปรับสองตำแหน่งจากชุดแพ้นิวคาสเซิล ได้ เอนดีดี และ เปเรส ลงสนาม ส่วน จอห์นนี เอแวนส์ เจ็บน่อง ทีมเดอะ ฟอกส์มาในระบบ 4-5-1 

วอร์ด ; คาสตาญ, อมาร์ตี - ฟาส, โทมัส ; เปเรส, เอ็นดีดี, ซูมาเร, ดรูวส์บิวรี-ฮอลล์, บาร์นส์ ; ดากา 

1 ครึ่งแรกดวงล้วนๆหงส์แดง 

อีกเกมหนึ่งแล้วที่ลิเวอร์พูลโดนล่อเป้าก่อน แค่สี่นาทีเท่านั้นเองจากจังหวะที่เลสเตอร์ ขึ้นบอลจากปากประตูตัวเอง โดย วอร์ด เปิดยาวไปริมเส้นด้านซ้ายให้ บาร์นส์ เล่นกับ ดากา ที่แปะบอลให้ ดรูวส์บิวรี-ฮอลล์ พาบอลทะลุเข้าเขตโทษก่อนยิงโดนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะกำลังจะเสียหลัก แต่บอลที่โดนพื้นนั้นลอยเข้าไปที่เสาแรก 1-0 

👉🏿ความพลาดในการป้องกันลิเวอร์พูล.... มาติป ประกบ บาร์นส์ ไม่ดี , ฟานไดจ์ ประกบ ดากาห่าง พอตามไปเล่นก็ไม่จิ้มบอลไม่ได้ , เฮนโด โดยตำแหน่งคือเล่นกับ ดรูวส์บิวรี-ฮอลล์ แต่สกัดบอลไม่โดน สุดท้าย....รอบโบ้ อ่านจังหวะพลาดเพื่อเช็คล้ำหน้า แต่กลายเป็นเปิดช่องให้ กองกลางวัยรุ่นเลสเตอร์ พาบอลทะลุ

หลังจากโดนนำ แม้คุมเกมได้แต่ก็ตามเกมแพลน เพราะ รอดเจอร์ส มาเน้นบอลสวนกลับ รับให้แน่นในแดน มีสลับเพรสแดนบนบ้าง  แต่สิ่งที่เห็นคือการส่งบอลเสียบ่อยมากทั้ง เทรนต์, รอบโบ, เฮนโด โดนสวนกลับมาหลายครั้ง เช่นเดียวกันกับแดนกลาง มีเพียง ติอาโก คนเดียวเล่นได้มาตรฐาน เอลเลียตต์ ได้ความขยัน ส่วน เฮนโด กับเบอร์6 มีปัญหา พอรวมกันสามประสานแดนกลาง มันไม่ปึ้กและแน่นพอที่จะเล่นงานเลสเตอร์ 

2 own goals....ฟาส ยิงตัวเอง

เซนเตอร์แบ๊กวัยรุ่นของเลสเตอร์ ซิตี้ เวาต์ ฟาส ทำเข้าประตูตัวเองสองลูกช่วยให้หงส์แดงนำ 2-1 เมื่อจบครึ่งแรกอย่างไม่มีปี่และขลุ่ย ประตูแรกสกัดบอลจากลูกเปิดของ เทร้นต์ ย้อยเสียบใต้คาน น.38 เป็นประตู 1-1 จากนั้นอีก 7 นาที ฟาส คนเดิมพยายามสกัดบอลที่กระดอนเสาจากการยิงของ ดาร์วิน แต่ปรากฏว่ากลายเป็นพรวดเข้าประตูระยะเผาขน

สถิติจาก OptaJoe บันทึกว่า ฟาส คือนักเตะคนที่4 ในเกมเดียวของพรีเมียร์ลีกที่ยิงเข้าประตูตัวเอง 2 ลูกต่อจาก เจมี คาร์ราเกอร์ (1999 vs แมนฯยูฯ), ไมเคิล พรอกเตอร์ (2003 ซันเดอร์แลนด์vsชาร์ลตัน), โจนาธาน วอลเตอร์ส (2013 สโตค vs เชลซี)

3 ครึ่งหลัง 4-4-2 ไดมอนด์ 

หงส์แดงมาดีขึ้นในครึ่งหลัง สร้างโอกาสได้มากกว่าครึ่งแรกและได้ลุ้นประตูที่สาม แต่จบสกอร์ไม่ลง โดยเฉพาะหลังจาก เกอิตา และ ซิมิกาส ลงมา ทำให้แดนกลางดูเน้นขึ้น เพราะยืนในรูปแบบ 4-4-2 ไดมอนด์  ดาร์วิน กับ ซาลาห์ หน้าคู่กัน 

เกมดีขึ้นแต่ก็ยังไม่เนี้ยบซะทีเดียว  แต่การประสานงานระหว่าง ดาร์วินและซาลาห์ ดูลงตัว



4 MOM ให้ติอาโก ครับ

เด่นอยู่คนเดียว ทั้งการอ่านเกม ตัดบอล จังหวะสำคัญๆ ช่วยให้เกมเดินได้ต่อเนื่อง จังหวะจะเพลี่ยงพล้ำ ติอาโก ก็ตัดบอลได้ ทำให้ทีมรอดพ้นจากสถานการณ์คับขันไปได้ หรือในจังหวะที่ลิเวอร์พูลเสียบอล เลสเตอร์ จะเดินเกมรุก ติอาโก เข้ามาตัดบอลได้  อีกคนก็ดาร์วิน ที่เล่นได้ดีแค่ไม่มีประตู ยิงทิ้งยิงขว้างเหมือนเดิม 

5 เสาบวกคาน

ดาร์วิน นูเยส เกือบมีสกอร์จากจังหวะหลุดเดี่ยวเข้าไปชิพข้ามตัว วอร์ด แต่แทนที่บอลจะพุ่งเข้าประตูกลับไปกระแทกเสาออกมา...โชคดีที่ ฟาส วิ่งเข้าไปซ้อน วอร์ด แต่กลายเป็นซัดเข้าประตูตัวเอง ส่วนตัวของ ดาร์วิน คือการยิงชนเสาและคานหรือ  woodwork 5 ครั้งในฤดูกาลนี้แล้ว

มาถึงจุดนี้...ดาร์วิน ขาดแค่ยิงให้เข้า ที่เหลือพร้อมแล้วในการเล่นตามแทกติกของ คลอปป์ ทั้งแข็งแกร่ง, มีความเร็ว, วิ่งทำทาง มี  asset ของกองหน้าเกือบครบเหลืออย่างเดียว

อย่างไรก็ตาม...ถ้าโฟกัสที่ผลงานส่วนตัวของ ดาร์วิน ก็คงเป็นเรื่องความไม่สมบูรณ์ในฐานะหน้าเป้าที่มีส่วนร่วมกับเกมรุกได้ดี แต่ยิงไม่เด็ดขาด... ซึ่งเกมล่าสุดนี้ นกไลฟ์เวอร์เบิร์ด ตายไปสองสามตัว

โอเค...สามแต้มสำคัญที่สุด ในเกมที่ไม่ได้เล่นดีเด่อะไรมากมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่อาจจำเป็นต่อการสร้างความเชื่อมั่นในการลุ้นเป้าหมายต่อไปแต่นั่นหมายถึงการปรับแดนกลางให้ปึ้ก และเกมรับเลิกหลวม...อย่างเกมนี้ครึ่งหลัง เลสเตอร์ ได้ลุ้นอยู่หลายจังหวะ

ส่วนบทสรุปส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ กับชัยชนะ 4 นัดติดต่อกันครั้งแรกในซีซั่นนี้ ต่อจากช่วงก่อนบอลโลก2 นัด หลังบอลโลก 2 นัด โดยสามแต้มล่าสุดทำให้ตามหลังสเปอร์สอันดับสี่อยู่แค่ 2 แต้ม

โปรแกรมนัดต่อไป....

วันจันทร์ที่ 2 ม.ค. 2023 

งานเหนื่อยอีกครั้งเมื่อเจอ เบรนต์ฟอร์ด หากคาดหวังจะชนะห้านัดรวด



ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : JACKIE
อดิสรณ์ พึ่งยา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport