"ราชันชุดขาว" มาอีกแล้ว! เปิดเส้นทางคู่ชิงฯ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2023/24 "โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พบ เรอัล มาดริด"

ศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2023/2024 ได้คู่ชิงชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเป็นการพบกันระหว่าง เรอัล มาดริด ยอดทีมแชมป์ยุโรป 14 สมัย จากสเปน กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยักษ์ใหญ่จากเยอรมนี ที่เคยได้แชมป์รายการนี้มาแล้ว 1 ครั้ง โดยมีคิวฟาดแข้งกัน ณ สังเวียนแข้ง เวมบลีย์ สเตเดี้ยม กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน และนี่คือเส้นทางของทั้งสองทีม ที่ต่างลุ้นก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของยุโรปซีซั่นนี้

- โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (เยอรมนี)


ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม (แชมป์กลุ่ม เอฟ) : ชนะ 3, เสมอ 2, แพ้ 1, ประตูได้ 7, ประตูเสีย 4   

รอบ 16 ทีมสุดท้าย : รวมสองนัด ชนะ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น 3-1 (1-1 ย, 2-0 ห)

รอบก่อนรองชนะเลิศ : รวมสองนัด ชนะ แอตเลติโก มาดริด 5-4 (1-2 ย, 4-2 ห)

รอบรองชนะเลิศ : รวมสองนัด ชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 2-0 (1-0 ห, 1-0 ย)

ดาวซัลโวประจำทีม : นิคลาส ฟูลล์ครูก (3 ประตู)

ผลงานถ้วยยุโรปฤดูกาลก่อน : รอบ 16 ทีม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 

ผลงานดีสุดใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก / ยูโรเปี้ยน คัพ : แชมป์ 1 สมัย (1996/97)

ทัพ "เสือเหลือง" ของกุนซือ เอดิน แทร์ซิช ถือเป็นม้ามืดประจำทัวร์นาเมนต์อย่างแท้จริง เกือบจอดป้ายตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม แต่สุดท้ายผ่านมาได้ในฐานะแชมป์ด้วย แถมรอบน็อกเอาต์ก็สามารถปราบทีมแกร่งๆ อย่าง แอตเลติโก มาดริด และ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง มาได้ ซึ่งนี่คือการลุ้นแชมป์ยุโรปสมัยที่สองของพวกเขา และถือเป็นการเข้าถึงรอบชิงฯ หนที่สามต่อจากซีซั่น 1996/97 และ 2012/13 

- เรอัล มาดริด (สเปน)


ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม (แชมป์กลุ่ม ซี) : ชนะ 6, เสมอ 0, แพ้ 0, ประตูได้ 16, ประตูเสีย 7

รอบ 16 ทีมสุดท้าย : รวมสองนัด ชนะ แอร์เบ ไลป์ซิก 2-1 (1-0 ย, 1-1 ห)

รอบก่อนรองชนะเลิศ : รวมสองนัด เสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4-4 (3-3 ห, 1-1 ย) (เรอัล มาดริด ชนะดวลจุดโทษ 4-3)

รอบรองชนะเลิศ : รวมสองนัด ชนะ บาเยิร์น มิวนิค 4-3 (2-2 ย, 2-1 ห)

ดาวซัลโวประจำทีม : วินิซิอุส จูเนียร์, โรดรีโก้, โฆเซลู (5 ประตู)

ผลงานถ้วยยุโรปฤดูกาลก่อน : รอบรองฯ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 

ผลงานดีสุดใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก / ยูโรเปี้ยน คัพ : แชมป์ 14 สมัย (1955/56, 1956/57, 1957/58, 1958/59, 1959/60, 1965/66, 1997/98, 1999/00, 2001/02, 2013/14, 2015/16, 2016/17, 2017/18, 2021/22)

"ราชันชุดขาว" เกิดมาเพื่อถ้วยนี้อย่างแท้จริง หลังจากที่ โฆเซลู ลงสำรองท้ายเกมมาทำสองประตู ช่วยทีมพลิกเชือด บาเยิร์น มิวนิค 2-1 ในเกมรอบตัดเชือก นัดสอง เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา โดยนี่ถือเป็นการเข้าชิงฯ ถ้วย "บิ๊ก เอียร์ส" หนที่ 18 ของพวกเขา และนับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อมาเป็น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาล 1992/93 เรอัล มาดริด เข้าชิงฯ มาแล้ว 8 ครั้ง และได้แชมป์ทั้งหมด!!! ส่วนกุนซือ คาร์โล อันเชลอตติ ก็กำลังลุ้นคว้าแชมป์ยุโรปในฐานะกุนซือหนที่ห้า หลังจากที่พา เรอัล มาดริด และ เอซี มิลาน ได้แชมป์มาแล้วทีมละ 2 สมัย 

Subinho



ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport