บทสรุปอันงดงาม

สำหรับแฟนบอลทีมชาติฝรั่งเศส มันคงไม่ใช่ฉากจบที่อยากเห็นเท่าไหร่

แต่สำหรับผมและแฟนบอลอีกหลายคน มันคือบทสรุปที่งดงามที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จริงๆ

กับคู่ชิงชนะเลิศที่สูสีใกล้เคียงที่สุดในประวัติศาสตร์ และเวลาร่วม 140 นาทีของการต่อสู้ฟาดฟันกันที่เข้มข้น เหมาะสมทุกประการกับความใกล้เคียงกันนี้ซึ่งก็ยังหาผู้ชนะไม่ได้อีกต่างหากจนต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ

ดราม่าครั้งแล้วครั้งเล่า เกมที่พลิกไปพลิกมา จุดพลิกผันถึงขั้นอาจพาทีมแพ้ จุดปะทุเปรี้ยงปร้างในระดับพาทีมเถลิงบัลลังก์ การป้องกันอันยอดเยี่ยมทำให้ทีมได้อยู่ต่อ อารมณ์ปรวนแปรที่มีครบทุกรสชาติ ดีใจ ชื่นใจ หรรษา ลิงโลด ลุ้นระทึกโมโห หงุดหงิด ตื่นตระหนก อกตรม

ครบรส.. อิ่มเอมจนหลายคนยกให้เป็นนัดชิงชนะเลิศที่ดีที่สุดเท่าที่เคยสัมผัสมาในชีวิต

การจบทัวร์นาเม้นต์ด้วยแชมป์โลกของอาร์เจนติน่าและ ลิโอเนล เมสซี่ คือภาพที่สวยที่สุด มันกระแทกใจเราด้วยรู้ดีถึงเดิมพันครั้งใหญ่ของกัปตันทีมฟ้าขาวในคราวนี้

พ้นจากหนนี้ อาจไม่มีโอกาสอีกแล้ว

ขณะเดียวกันอาร์เจนติน่าก็ยังเป็นความทรงจำในแบบ Good old day ของคนกลุ่มหนึ่ง มันมีความหมายสำหรับพวกเขาที่โตทันแชมป์อันองอาจของ ดีเอโก้ มาราโดน่า การได้เห็นทีมฟ้าขาวเป็นแชมป์โลกอีกครั้งจึงคล้ายถูกมือลึกลับดึงกลับไปสู่วัยเด็กอีกหน

ก็ระยะเวลา 36 ปีมันน้อยเสียที่ไหน..

ขณะที่หลายคนเหลือเกินก็โตไม่ทันวันอันยิ่งใหญ่เมื่อปี 1986 ชีวิตนี้จึงยังไม่เคยสัมผัสกับประสบการณ์ที่ทีมฟ้าขาวก้าวขึ้นถึงจุดสูงสุด ได้แต่เห็นบราซิล อิตาลี เยอรมัน ฝรั่งเศส หรือ สเปน ยิ้มร่าชูถ้วย

สำหรับคนที่เลือกรักอาร์เจนติน่า คนที่บูชาและเทิดทูน ลิโอเนล เมสซี่ หรือกระทั่งคนที่หลงใหลในเส้นทางโรแมนติกแห่งการตามหามาราโดน่าคนใหม่ซึ่งลงเอยด้วยน้ำตาทุกคราไป.. เกมเมื่อคืนวันอาทิตย์จึงเป็นบทสรุปที่รวบเอาทุกอย่างมาเป็นความสมหวังอันงดงามที่สุดให้กับพวกเขา

มันดีต่อใจ ดีจริงๆ

บทสรุปอันงดงาม ในสนามอันงดงาม และพิธีการอันงดงาม

ในแง่ของการจัดการแข่งขัน กาตาร์ทำให้เห็นว่าพวกเขามีทั้งเงินทุนและไอเดียในการนำเสนอ บรรยากาศการฟาดแข้งที่เต็มไปด้วยอารมณ์ร่วมจากแฟนบอลเต็มสนาม โปรดักชั่นยอดเยี่ยมที่ถูกส่งต่อผ่านการถ่ายทอดสดโดยโปรดิวเซอร์มือทองผู้เข้าใจอารมณ์ของฟุตบอล

การเลือกภาพจากกล้องหลายสิบตัวมาออกอากาศสู่สายตาผู้ชมนับล้านทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ มุมกล้องเฉียบขาด เลนส์พิเศษหน้าชัดหลังเบลอแบบที่เริ่มเห็นบ่อยๆ ในฟุตบอลสโมสรยุโรป การจับซีนปลดปล่อยอารมณ์ของนักกีฬา เหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องปรุงที่ทำให้การรับชมฟุตบอลโลกครั้งนี้อิ่มตาและอร่อยใจยิ่งขึ้น

ภาพที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เดินปาดน้ำตาเข้าอุโมงค์กลับห้องแต่งตัววันแพ้โมร็อกโกยังสะกดใจเรา

เทคโนโลยีทันสมัยที่นำมาใช้ เราได้เห็นกราฟฟิกล้ำหน้าที่ตัดจบปัญหาถกเถียงเรื่องล้ำ/ไม่ล้ำ เราได้เห็นความเป๊ะในประตูชัยของญี่ปุ่นที่มีเหนือสเปน แค่ 1.88 มิลลิเมตรก็ตัดสินชะตากรรมของทีมๆ หนึ่งได้

แล้วยังไอเดียอันน่าชื่นชม กาตาร์สร้างสนามใหม่ 7 สนามและบูรณะปรับปรุงสนามที่มีอยู่เดิมอีก 1 สนาม พวกเขารู้ดีว่าหลังจบฟุตบอลโลกสนามเหล่านี้ไม่มีทางถูกใช้งานคุ้มค่า และแทนที่จะปล่อยทิ้งไว้ตามยถากรรม พวกเขาจึงออกแบบให้บางส่วนถูกรื้อถอนได้เพื่อนำเอาชิ้นส่วนต่างๆ ที่เคยเป็นอัฒจันทร์นั้นแจกจ่ายบริจาคไปยังชาติอื่นๆ ที่ต้องการ

ไม่ใช่เรื่องแย่เลย มันไม่ใช่เรื่องแย่แม้แต่น้อย

กับวัฒนธรรมเรื่องการไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แน่นอนในมุมหนึ่งสำหรับแฟนบอลมากมายที่คุ้นเคยกับความกรึ่มและบรรยากาศเฮโลเฉลิมฉลองคะนองคึก ความสนุกแค่สิบก็สนุกไปได้ถึงร้อย เกมสนุกเพียงพันก็ทะยานไปได้ถึงหมื่นด้วยฤทธิ์เดชของมันย่อมรู้สึกเหมือนขาดหายอะไรไป หรือเคืองโกรธไปว่าถูกกีดกันอย่างไม่เป็นธรรมให้ห่างไกลวิถีชีวิตที่ตัวเองรัก

แต่ในอีกภาพหนึ่ง น้องโด้ "ลูกแม่กิ่ง" นักเขียนคนเก่งแห่ง The Standard ที่ผมมีโอกาสได้พูดคุยด้วยเล่าให้ฟังถึงอีกด้านของภาพ มันคือความรู้สึกปลอดภัยของคนอื่นที่อยู่รอบข้าง โดยเฉพาะแฟนบอลที่เป็นสุภาพสตรีและเด็กตัวเล็กๆ

กาตาร์ 2022 กลายเป็นทัวร์นาเม้นต์ของแฟนบอลทุกคนจริงๆ พวกเขาทุกเพศทุกวัยสามารถเดินทางไปเชียร์ฟุตบอลที่สนามได้โดยไม่ต้องระแวงว่าพื้นที่ใดจะมีเรื่องทะเลาะวิวาท ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนลูกหลงจากพวกไล่ตีกัน กำลังพลของตำรวจก็สามารถกระจายไปทำหน้าที่ในเรื่องอื่นๆ ที่จำเป็นได้ดียิ่งขึ้น

หันไปถามพี่จอม บอ.บู๋ ที่นั่งอยู่ข้างๆ กันในการรับเชิญเป็นแขกร่วมพูดคุยกับน้องโด้และน้องนิคว่าคราวนี้ไม่เห็นข่าวแฟนบอลอังกฤษตีกับใครเลย พี่จอมตอบสั้นๆ แค่ว่า "ก็มันไม่ได้แดกเบียร์จะไปตีกับใครได้วะ"

ฟุตบอลโลกครั้งนี้เราไม่ได้เห็นข่าวคราวเสียเลือดเสียเนื้อไปกับพิษความเมาเลย ไม่มีเหตุวิวาทจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ บรรยากาศตลอดทัวร์นาเม้นต์ก็ยังสนุกได้เต็มที่โดยไม่ต้องมีเครื่องดื่มมึนเมา

ผมไม่ได้ยกมือสนับสนุนว่าเจ้าภาพดีทุกอย่าง แต่เราควรให้เกียรติวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของพวกเขาด้วย แน่นอนพวกเขาต้องเป็นเจ้าบ้านที่ดี แต่เราเป็นอาคันตุกะก็ควรเป็นผู้ไปเยือนที่ดีเช่นกัน เรามีความคิดเห็นที่หวังดีแนะนำได้ แต่ไม่ใช่เจ้ากี้เจ้าการสั่งเปลี่ยนทุกเรื่องที่ขัดใจเรา ชี้นิ้วบอกนี่ไม่ดี นั่นไม่เหมาะ นู่นเรื่องล้าสมัยทำไมไม่เปลี่ยน

เรื่องทุกเรื่องย่อมมีมุมมองมากกว่าหนึ่งด้านเสมอ

ผมคิดว่าด้านการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน กาตาร์เตรียมตัวได้พร้อมและสอบผ่าน มีความยืดหยุ่นประนีประนอมในระดับหนึ่ง ผ่อนคลายผ่อนปรนให้บ้างเท่าที่ทำได้ ความแตกต่างทางวัฒนธรรมเป็นเรื่องละเอียดอ่อนด้วยมันซึบซับเข้าสู่ความนึกคิดของผู้คนในแต่ละฐานถิ่นตั้งแต่แรกเกิด

ยังไม่รวมในแง่ของตัวการแข่งขันเอง กาตาร์ 2022 มีความทรงจำดีๆ มากมาย แมตช์คุณภาพเพียบ มีเกมประทับใจและเกมระทึกใจไม่เว้นวัน ถึงวันนี้ยังมีคนพูดถึงการแย่งตั๋วเข้ารอบของ เยอรมัน สเปน ญี่ปุ่น และ คอสตาริกา ในเกมสุดท้ายของกลุ่มอีกันอยู่เลย ยังพูดถึงการหักปากกานักวิจารณ์ของ อิหร่าน ซาอุดิอาระเบีย เกาหลีใต้ และแน่นอนพระเอกอย่างโมร็อกโกไม่ขาดปาก

ที่นี่ กาตาร์ 2022 ยังเป็นเวทีที่เราได้เป็นพยานเห็นประวัติศาสตร์อีกมากมาย ลิโอเนล เมสซี่คว้าแชมป์โลกที่นั่น ทำลายสถิติของ กาเบรียล บาติสตูต้า ที่นั่น ทุบสถิติของ โลธ่าร์ มัทเธอุส ที่นั่น ทาบสถิติของ ดีเอโก้ มาราโดน่า ที่นั่น

มีประตูเกิดขึ้นมากที่สุดกว่าฟุตบอลโลกสมัยไหนๆ ประตูที่ 172 ซึ่งทำลายสถิติเดิมของฟร้องซ์ 98 กับบราซิล 2014 เกิดขึ้นจากลูกแฮตทริกในนาทีที่ 118 ของ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้

การดวลจุดโทษตัดสินถึง 5 คู่ มากที่สุดกว่าฟุตบอลโลกสมัยไหน ขณะที่ 5 ใน 6 ประตูของนัดชิงมาจากนักเตะสองคนที่ดีที่สุดในทัวร์นาเม้นต์ หนึ่งในนั้นทำแฮตทริกในนัดชิงเป็นคนที่สองในประวัติศาสตร์พร้อมคว้าดาวซัลโวด้วยจำนวน 8 ประตูเท่ากับโรนัลโด้แห่งบราซิล ในรอบ 52 ปีก็มีแค่สองคนที่ทำได้

มันเป็นฟุตบอลโลกที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาอย่างที่ จานนี่ อินฟานติโน่ ประธานฟีฟ่าพูดเอาไว้ไหมนั้น ต่างคนก็คงต่างความเห็น

สำหรับผม กาตาร์ 2022 คือนิยามแห่งความสวยงาม เป็นฟุตบอลโลกที่ดีที่สุดครั้งหนึ่ง เพราะผมได้พบเรื่องดีๆ เกิดขึ้นทุกวันจนกระทั่งฉากสุดท้าย

ถ้าเป็นหนังสักเรื่องมันก็คงเป็นหนังที่เดินเรื่องได้สนุกตั้งแต่ต้นจนจบ ผูกปมไว้ตามรายทางเพื่อให้ตัวละครทั้งหลายค่อยๆ ตามแก้ โรแมนติก คอมเมดี้ ตัดฉับไปเป็นแอ๊กชั่นบู๊ล้างผลาญ แล้วกระโดดไปเป็นลึกลับ เขย่าขวัญ คาดเดาอะไรไม่ได้



ตอนจบปูทางไปสู่สุขนาฏกรรม แล้วก็ส่อแววเปลี่ยนเป็นโศกนาฏกรรม ก่อนที่สุดท้ายจะพลิกกลับไปเป็นความสุขเปี่ยมล้นอีกครั้ง น้ำตาท่วมจอด้วยความสุขี

และคราวนี้มันจบแล้วจริงๆ เป็นความสุขนิรันดร์ที่จะอยู่กับเราตลอดไปไม่มีลืม

ตังกุย


ที่มาของภาพ : getty images
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport