นัดชิงที่ดีสุดในฟุตบอลโลก !

แชมป์โลกสมัยที่สามมีที่มาที่ไป....เพียงแต่การตัดสินนัดชิงชนะเลิศเกิดขึ้นเพราะอะไรน่าใจอย่างยิ่งครับ สุดจะดรามา....ที่สุด

ยอดเยี่ยมที่สุดในนัดชิงถ้วยบอลโลก 

ในมุมมองเชิงแทกติกและเกมแพลนของสองโค้ช ฝั่งหนึ่งประสบการณ์น้อย อีกฝั่งเก๋าเกมโคตรๆ แต่โดยหลักการสนามซ้อมโค้ช 80 นักเตะ 20 พอลงสนาม นักเตะ 80 โค้ช 20

แต่โค้ชประสบการณ์น้อยกว่าอย่าง สกาโลนี วางเกมแพลนมุ่งเน้นเป็นพิเศษ

ในการโจมตีเกมรับฝรั่งเศส นั่นคือ 80% ที่นักเตะทำได้ในสนาม เพียงแต่ ความเก๋าของ เดสชองป์ ในการไล่แก้เกมครึ่งหลัง จนใช้นักเตะพลังหนุ่มสู้ ก็สามารถพลิกเกมที่เป็นรองได้ 

การจะได้แชมป์ฟุตบอลโลกนั้น "ไม่ง่าย" จริงๆ

1 สกาโลนี ปรับเล่น 4-3-3

จากระบบ 4-4-2 พื้นฐานเกมนี้ ถือว่า สกาโลนี เซอร์ไพรส์ด้วยการเล่นระบบ 4-3-3 

นับว่าเป็นการเปลี่ยนระบบครั้งที่สามในทัวร์นาเม้นต์ เคยปรับเล่นหลังสามตอนเจอ เนเธอร์แลนด์ มาแล้ว ก่อนเกมมีชื่อ อคูนญา ฟิตลงแบ๊กซ้าย แต่ไม่ถึงชั่วโมงเปลี่ยนเป็น ตายาฟิโก แทน เพราะ อคุนญ่า ไม่พร้อมลงสนาม

ส่วนตัวรุกนี่แหละที่ปรับ ส่ง อังเคล ดิ มาเรีย ไปยืนปีกซ้ายเลย มี อัลบาเรส หน้าเป้า ส่วนเมสซี ยืนทางขวา แต่เป็นตัวฟรี แดนกลาง แมกอลิสเตอร์ ยืนกลางด้านซ้าย เฟร์นานเดส คุมกลางรับและ เดอ ปอล ทางขวาเพื่อมาเล่นฝั่ง เอ็มบัปเป้  คู่เซนเตอร์เหมือนเดิม โรเมโรและออตาเมนดี้ แบ๊กขวาก็โมลีนา

2 เดสชองป์ ได้ตัวเต็ม

อูปาเมกาโน และ ราบิโอต์ หายไข้คืนสนามได้ นอกนั้นไม่มีเปลี่ยน เล่นระบบ 4-3-3 เหมือนเดิม  ชิรูด์ ผ่านการทดสอบความฟิตยืนหน้าเป้า เดมเบเล และ เอ็มบัปเป้ ส่วนแดนกลาง กรีสมันน์ เบอร์ 8 เหมือนเดิม 

3 ฟ้าขาวโจมตีฝั่งซ้าย

แนวคิดคือเอา นักเตะเท้าซ้ายอย่าง ดิ มาเรีย ไปเล่นกับ คุนเด เซนเตอร์อาชีพที่มายืนแบ๊กขวาในทัวร์นาเม้นต์นี้ แล้วขึ้นบอลรุกทางซ้ายเป็นหลัก เพื่อให้ฝรั่งเศสพะวงพื้นที่ด้านขวาตัวเอง มันเหมือนกันกับว่า สกาโลนี ต้องการโจมตีด้านซ้ายเป็นหลักเพื่อตัดฝั่ง เอ็มบัปเป้ ออกไป อีกทั้ง ฝั่งคุนเด้ นั้น เดมเบเล เล่นเกมรับไม่ดีอยู่แล้วด้วย

4 ฝรั่งเศสเสียบอลบ่อย

จุดหนึ่งในช่วง 15 นาทีแรกคือฝรั่งเศสเสียบอลบ่อย โดยเฉพาะแดนกลางนั้น ถูกอาร์เจนติน่าควบคุม แย่งบอลได้ แล้วเปลี่ยนเกมเร็ว เพราะมี เมสซี กำกับเกมอยู่นั่นเอง ตรงนี้บอลไหลไปข้างหน้าเร็ว ทำให้ ฝรั่งเศสถอยมารับแทบไม่ทัน 

5 จุดโทษมั้ย...

ถามผม...ผมว่า "เบาไป" หน่อย แต่เดมเบเล ก็ทะเล่อทะล่า เล่นไม่ละเอียดหลังจากโดน ดิ มาเรีย หลอกเข้าเขตโทษ คนที่วิ่งตามหลังแค่สะกิดนิดเดียวก็ล้ม อันนี้คือแผนหนึ่งที่ สกาโลนี ตั้งใจวางมาโจมตีฝั่ง คุนเด้, เดมเบเล และแน่นอน กรีสมันน์ ที่เอียงทางนี้ ต้องมารับอย่างเดียว 

พอ เมสซี ยิงจุดโทษเข้าก็เป็นเกมของอาร์เจนติน่าอย่างสิ้นเชิง 

6 สถิติ ฝรั่งเศสยิงครึ่งแรกเป็น 0

45+7 ครึ่งแรกฝรั่งเศสแทบไม่ได้มาถึงแดนสามของอาร์เจนติน่าเลย ไม่ได้ยิงแม้แต่ครั้งเดียว เกมรุกไม่มี เพราะบอลไม่ถึงทั้ง ชิรูด์ และ เอมบัปเป เนื่องจากโดนตัดตอนไปตั้งแต่แดนกลาง

7  ครึ่งหลัง....ฟ้าขาวพลาดจึงโดนลงโทษ

จะว่าไปเกมครึ่งหลังเหมือนอาร์เจนติน่าสอนเชิง ฝรั่งเศสอยู่ในการเล่นเกมนี้ การสอดซ้อน ความมุ่งมั่นในการเล่น ของนักเตะอาร์เจนติน่ามีมากกว่า โดยเฉพาะ โรดริโก เดอ ปอล ที่วิ่งทางขวา ได้ดีเหลือเกิน บวกกับ เฟร์นานเดส และการรุมแย่งตัดแดนกลางของฝรั่งเศส เพื่อไม่ให้บอลถึงข้างหน้า นั่นทำให้ฝรั่งเศสเสียบอลง่าย จ่ายบอลพลาด เกมเข้าทางอาร์เจนติน่าหมดสิ้น ที่สำคัญฝรั่งเศสเล่นเหมือนถอดใจไปแล้ว บอลรุกไม่ถึงแดนสามเลย 

ได้ยิงครั้งแรกนาทีที่ 70 โดย เอ็มบัปเป แต่ข้ามคานออกไป 

แต่พอได้โอกาสเข้าใกล้เขตโทษมากขึ้น เอ็มบัปเป ก็มีโอกาสได้กดดันกองหลัง อาร์เจนติน่า 

8 ความสนุกใน 97 วินาที 

จากเกมที่ไม่มีอะไรสู้ของ ฝรั่งเศส พวกเขากลับทำให้มีลุ้นจากจังหวะ ออตาเมนดี ทะเล่อทะล่า ทำฟาวล์ มัวนี่ เสียจุดโทษ น.79 เอ็มบัปเป ยิงไล่มา 2-1 จากนั้นอีก 97 วินาที เมสซี เสียบอล ก่อนทะลุถึง มัวนี ชิ่งให้ เอ็มบัปเป หลุดเข้าเขตโทษยิงเข้าไปอย่างสุดคม 2-2 นำดาวซัลโว 7 ลูก

ฝรั่งเศสยิงเข้ากรอบสองครั้งเป็น 2 ประตู 

จบที่2-2 ใน90 นาทีอย่างไม่น่าเชื่อ!!!!

9 ช่วงต่อเวลายัง "ดรามา"


30 นาทีของการต่อเวลา ช่วง 15 นาทีแรกโอกาสเป็นของอาร์เจนติน่า จังหวะสับไกของ เลาตูโร มาร์ติเนส โดนบลอค และ จังหวะหลุดเดี่ยวของเขาอีกครั้งที่ยิงแฉลบออกหลัง....

จากนั้นนาทีที่ 110 การเจาะหน้าไลน์ของง ฟ้าขาว ได้ผลอีกครั้ง 

บอลถึง เลาตูโร มาติเนส ยิงติด ยอริส ออกมาให้ เมสซี ซ้ำเผาขนเข้าไป เป็นประตูขึ้นนำ 3-2 เกมน่าจะจบแบบนั้น แต่แล้ว มุนติเอล ไปทำแฮนด์บอลจังหวะบลอคลูกยิงของ เอ็มบัปเป้ 

เอ็มบัปเป ยิงเข้าไปเป็นแฮทริก.... 3-3 น.118 

นี่คือแฮทริกแรกในนัดชิงชนะเลิศต่อจาก เซอร์ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ นัดชิงบอลโลกปี 1966 

10 แชมป์โลกของ ลิโอเนล เมสซี

ทำสถิติยิงประตูทุกรอบในบอลโลก จนถึงนัดชิงชนะเลิศ....แน่นอนเรื่องสถิติ ก็เรื่องหนึ่งแต่ส่วนตัวของเขาดูการเล่น สดชื่น ยิ่งเล่นยิ่งมั่นใจ ไม่ต้องแบกทีม แต่เขาคือศูนย์กลางในการรุกของฟ้าขาว แค่การให้บอล ฝากบอล สร้างความแตกต่างในเกม 

แชมป์โลกสมัย 3 ของอาร์เจนติน่า ที่อาจเป็นความเชื่อว่ามันคือของ ลิโอเนล เมสซี 

แต่ต้องยอมรับว่า...ทัวร์นาเม้นต์นี้ ถ้าไม่นับเกมแรกที่แพ้ซาอุดีอาระเบีย ทุกเกมที่เหลือ อาร์เจนติน่า ทำได้ดีและสู้ได้ดี

กระทั่งนัดชิงชนะเลิศ พลิกไปพลิกมา จนดวลจุดโทษ

แชมป์ฟุตบอลโลกไม่มีอะไรง่ายจริงๆ 

ยินดีกับ อาร์เจนติน่า…. แชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่3

1978,1986,2022

นี่คือคู่ชิงชนะเลิศที่สนุก ตื่นเต้น และดราม่า ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกนับจากปี1930


ที่มาของภาพ : getty images
BY : JACKIE
อดิสรณ์ พึ่งยา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport