กำไรแฟนบอล! 4ปัจจัยเวิลด์คัพหนนี้น่าจดจำมากที่สุด

ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ก็ดำเนินมาถึงรอบรองชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตลอดเส้นทางที่ผ่านมานั้นมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะในเรื่องของผลการแข่งขันหลายๆเกมที่สร้างความฮือฮาแก่แฟนบอลไปทั่วโลก

จานนี่ อินฟานติโน่ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ออกโรงเปิดเผยว่า จากการได้ไปร่วมชมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 เรียกได้ว่าถือเป็นรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลกที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ในเรื่องของการแข่งขันยอดเยี่ยม, บรรยากาศ, แฟนบอล และผู้ชมในสนามเฉลี่ย 51,000 คนต่อแมตช์ 

“ตอนนี้ไม่มีทีมเล็กและทีมใหญ่อีกแล้ว มาตรฐานของแต่ละทีมใกล้เคียงกันมากๆ ฟุตบอลโลกครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่มีชาติจากทั้ง 5 ทวีป ที่ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมมาได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถือได้ว่าฟุตบอลเป็นกีฬาของคนทั้งโลกอย่างแท้จริง” อินฟานติโน่ กล่าว

และนี่คือ 4 ปัจจัยที่ทำให้บอลโลกหนนี้น่าจดจำมากที่สุด 

4.ยิงกันถล่มทลายสำหรับอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้บอลโลกหนนี้ดูจะถูกใจแฟนบอลเป็นพิเศษนั่นก็คือการยิงกันแบบถล่มทลายตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มเป็นต้นมา ทั้งที่ในทัวร์นาเมนต์สำคัญแบบนี้ที่ผ่านมาเรามักจะเห็นแต่ละทีมมาเน้นเรื่องผลการแข่งขัน เล่นแบบรัดกุม จนทำให้แทบไม่มีเกมไหนที่ยิงกันขาดลอยมากนัก

อย่างไรก็ตามในทางกลับกันเรากลับได้เห็นผลการแข่งขันที่ยิงกันแบบขาดลอย ไม่ว่าจะเป็นเกมที่ สเปน เปิเหัวด้วยการถล่ม คอสตาริกา 7-0, อังกฤษ ถล่ม อิหร่าน 6-2 หรือ โปรตุเกส ถล่ม สวิตเซอร์แลนด์ 6-1 หรือแม้กระทั่งทีมที่สู้กันแบบสนุกสูสีอย่าง แคเมอรูน เสมอ เซอร์เบีย 3-3, กาน่า ชนะ เกาหลีใต้ 3-2 

3.ทีมเล็กไม่ใช่ขนมให้เคี้ยวง่ายๆนอกจากจะเป็นบอลโลกที่ยิงกันกระจุยกระจายแล้ว ในเรื่องผลการแข่งขันนั้นยังเกิดการพลิกล็อกช็อกโลกหลายคู่เช่นกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆในศึกเวิลด์ คัพ ที่ทีมยักษ์ใหญ่มักจะเอาชนะทีมเล็กได้อยู่เสมอ 

เริ่มตั้งแต่ในรอบแบ่งกลุ่มที่ ซาอุดีอาระเบีย พลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะ อาร์เจนติน่า สุดเหลือเชื่อ 2-1, ญี่ปุ่น แซงดับ เยอรมนี 2-1, เกาหลีใต้ ชนะ โปรตุเกส 2-1 และ แคเมอรูน ชนะ บราซิล 1-0 

2.ทีมบิ๊กเนมตกรอบเร็ว

เยอรมนี ต้องเจอกับฝันร้ายกลายเป็นฟุตบอลโลกที่ย่ำแย่ที่สุดของพวกเขา หลังเก็บชัยได้เพียงนัดเดียวต่อ คอสตาริกา ซึ่งไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาต์และตกรอบไปอย่างเจ็บปวด

ขณะที่ สเปน แม้ว่าพวกเขาจะเปิดหัวนัดแรกด้วยการถล่ม คอาตาริกา 7-0 ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ตามเป้าหมาย แต่สุดท้ายไปไพลาดท่าแพ้ต่อ โมร็อกโก ในการดวลจุดโทษ ทั้งที่ในเวลาปกติทัพกระทิงดุเป็นฝ่ายครองเกมเหนือกว่าชัดเจน แต่จังหวะสุดท้ายไม่เฉียบคมพอ 

ปิดท้ายที่ เบลเยียม เป็นอีกทีมที่ทำให้แฟนบอลต้องผิดหวังในฟุตบอลดลกครั้งนี้ ทั้งที่ทีมชุดนี้เต็มไปด้วยเหล่าสตาร์อาทิ โรเมลู ลูกากู, เควิน เดอ บรอยน์, เอแด็น อาซาร์ แต่สุดท้ายต้องกระเด็นตกรอบแบ่งกลุ่มไปแบบชอกช้ำ 

1.มีทีมม้ามืดเข้าถึงรอบตัดเชือกอาจไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นให้เห็นบ่อยนักที่มีทีมม้ามืดหลุดเข้ามาถึงรอบตัดเชือกหรือรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก แต่ครั้งนี้กลับมีชื่อของ โมร็อกโก ที่สร้างเซอร์ไพรส์ทะลุเข้ามาแบบหักปากกาเซียน และที่สำคัญพวกเขาเสียไปเพียงลูกเดียวเท่านั้นก่อนมีคิวดวล ฝรั่งเศส 

หลังผ่านรอบแบ่งกลุ่มมาได้ โมร็อกโก สามารถโค่นได้ทั้ง สเปน ต่อด้วย โปรตุเกส ที่เต็มไปด้วยสตาร์ล้นทีม และกลายเป็นทีมจากแอฟริกาทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลกได้สำเร็จ

ขณะที่ทีมม้านอกสายตาอีกทีมที่เข้ามาถึงรอบตัดเชือกคือ โครเอเชีย แม้ว่าพวกเขาจะพกดีกรีรองแชมป์เก่าเข้ามา แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่าทัพตาหมากรุกจะมีโอกาสลุ้นแก้ตัวในนัดชิงชนะเลิศอีกครั้ง ด้วยขุนพลวัยเก๋าที่แกนหลักส่วนใหญ่อยู่ในช่วงบั้นปลายอาชีพแล้ว 

โครเอเชีย กลายเป็นทีมที่มักจะถูกโฉลกกับการต่อเวลา และการดวลจุดโทษ หลังจากพวกเขาเอาชนะทั้ง ญี่ปุ่น และ บราซิล ในการดวลเป้าจนทำให้พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกกับ อาร์เจนติน่า 



ที่มาของภาพ : Getty
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport