โครแอตตัวตึงเรื่องจุดโทษ !เจาะ 5 ประเด็น โครเอเชีย เขี่ย บราซิล ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย

โครเอเชีย ยังคงเดินหน้าสร้างเทพนิยายของพวกเขาต่อไป โดยเกมล่าสุดดวลจุดโทษชนะ บราซิล 4-2 หลังเสมอ 1-1 ตลอด 120 นาทีในรอบก่อนรองชนะเลิศ ศึกฟุตบอลโลก 2022 เมื่อวันศุกร์ที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยแมตช์นี้ โดมินิค ลิวาโควิช นายทวารคนสำคัญโชว์ฟอร์มเหนียวหนึบด้วยการป้องกันถึง 11 เซฟ และยังเซฟอีก 1 ครั้งในการดวลจุดโทษ ขณะที่ เนย์มาร์ แม้จะสร้างสถิติ ซัด 77 ประตูครองตำแหน่งดาวซัลโวตลอดกาลทัพ "แซมบ้า" ร่วมกับ เปเล่ ก็ตาม แต่สุดท้ายต้องน้ำตาตกกลับบ้านตั้งแต่หัววัน !!

1.  ลิวาโควิช ตัวตึงวงการเซฟจุดโทษ


แม้ว่า โครเอเชีย จะไม่ได้สร้างความหวาดหวั่นให้กับเกมรับของ บราซิล เนื่องจากตลอดทั้งเกมพวกเขาแทบไม่มีโอกาสยิงประตู ในขณะที่ทัพ "แซมบ้า" ดาหน้าเปิดเกมรุกเข้าใส่อย่างเมามัน แต่ไม่สามารถส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้เนื่องจากติดเซฟของ โดมินิค ลิวาโควิช 

นายทวารวัย 27 ปีจากสโมสรดินาโม ซาเกร็บ ช่วยให้ทัพ "ตาหมากรุก" รอดพ้นจากหายนะได้ตลอด 90 นาทีก่อนจะมาโดน เนย์มาร์ เจาะตาข่ายในช่วงต่อเวลาพิเศษครั้งแรกกระนั้นด้วยสปิริตนักสู้ โครเอเชีย สามารถกลับมาตีเสมอได้ในช่วงท้ายการต่อเวลาครึ่งหลัง

จากสถิติตลอด 120 นาที ลาวิโควิช สร้างสถิติสุดยอดด้วยการโชว์ 11 เซฟ ทำให้เขาเป็นโกลคนแรกนับตั้งแต่ที่ ทิม ฮาวเวิร์ด เคยทำเอาไว้ (15 เซฟ) ในเกม สหรัฐฯ พบ เบลเยียม รอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อปี 2014 ก่อนที่เขาจะสวมบทฮีโร่อีกครั้งด้วยการโชว์ 1 เซฟช่วยให้ โครเอเชีย หักปากกาเซียนเขี่ย "เซเลเซา" ร่วงตกรอบอย่างน่าเหลือเชื่อ 

สำหรับตอนนี้ไม่ว่า เนเธอร์แลนด์ หรือ อาร์เจนตินา ที่จะหลุดเข้าไปเจอกับ โครเอเชีย ในรอบรองชนะเลิศ พวกเขาต้องพยายามเอาชนะ "ตาหมากรุก" ให้ได้ในเวลา 90 นาที หรือ 120 นาที เพราะหากต้องมาดวลกันในช่วงฎีกางานนี้คงได้หลอนความหนึบของ ลิวาโควิช แน่นอน 

2. ครึ่งแรก บราซิล ไม่สวยหรูสุดท้ายจบไม่สวย

ผลงานที่ตะบัน 4 ประตูตั้งแต่ครึ่งแรกในเกมถลุง เกาหลีใต้ รอบ 16 ทีมสุดท้ายไม่มีให้เห็นในแมตช์นี้ โดยลูกทีมของกุนซือตีเต้ ไม่สามารถผลิตฟอร์มที่แสนเฉียบคมในการดวลกับ โครเอเชีย ได้เลย 

แชมป์ฟุตบอลโลก 5 สมัย ต้องพบกับความยากลำบากตลอดทั้งเกมในการปะทะกับคู่แข่งที่เน้นการเล่นตั้งรับเป็นส่วนใหญ่ และนั้นเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ บราซิล ต้องเจอกับปัญหาในการส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย

วินิซิอุส จูเนียร์ มีโอกาสดีมากๆ ในครึ่งแรกจากจังหวะการทำชิ่งหนึ่งสองกับ ริชาร์ลิซอน แต่สุดท้ายจังหวะการยิงของเจ้าตัวไปติดบล็อก ยอสโก้ กวาร์ดิออล ซึ่งแนวรับจากไลป์ซิก ทำผลงานได้น่าประทับใจมากๆ กับบ้านเกิดในทัวร์นาเมนต์ที่ประเทศกาตาร์

นอกจากนี้การที่ บราซิล ขาดความเฉียบคมในช่วงครึ่งแรกเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ทีมต้องพยายามปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นเกมบุก แม้ในครึ่งหลังพวกเขาจะยกระดับการเล่นเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ และสร้างโอกาสมากมายก่ายกองแต่สุดท้ายก็ไม่สามารถยิงประตูได้ในช่วงเวลาปกติ ต้องรอถึงช่วงต่อเวลาพิเศษถึงจะทำสำเร็จ แต่สุดท้ายก็ไร้ประโยชน์

3. เนย์มาร์ฝันค้างในฟุตบอลโลก

เนย์มาร์ จะอายุ 34 ปีในศึกฟุตบอลโลก 2026 ฉะนั้นเวิลด์ คัพ ฉบับตะวันออกกลางจึงเป็นความฝันสูงสุดของเจ้าตัวในการที่จะสร้างเกียรติประวัติให้กับตัวเองในฐานะยอดนักเตะตัวจริงเสียงจริงเหมือนกับรุ่นพี่รุ่นพ่อที่เคยทำได้สมัยเล่นให้ทัพ "เซเลเซา"

สตาร์ลูกหนังจากสโมสรปารีส แซงต์-แชร์กแมง มีโอกาสที่จะส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายสองสามครั้งในแมตช์นี้ แต่น่าเสียดายที่ทำไม่สำเร็จ และต้องรอถึงช่วงท้ายเกมของการต่อเวลาพิเศษในครึ่งแรกถึงสามารถใส่ชื่อตัวเองบนสกอร์บอร์ดได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตามฝันของ เนย์มาร์ ต้องสลายเมื่อพวกเขาเสียสมาธิในช่วงท้ายเกมของการต่อเวลาพิเศษครึ่งหลัง และโดนลงโทษทำให้ตลอด 120 นาทีทั้งสองทีมเสมอกัน 1-1 และต้องหาผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษ ก่อนที่จะเป็น โครเอเชีย ที่แม่นเป้ามากกว่าได้ตั๋วเข้าไปรอในรอบตัดเชือก

เรื่องดีเรื่องเดียวที่ทำให้ เนย์มาร์ พอมีความสุขได้บ้างนั่นก็คือประตูที่เขาทำได้ในแมตช์นี้ ช่วยเพิ่มสถิติให้เจ้าตัวยิงไปแล้ว 77 ลูกในนามแข้ง "เซเลเซา" โดยก้าวขึ้นมาเป็นดาวซัลโวตลอดกาลทีมชาติบราซิลเทียบเท่า เปเล่ ตำนานรุ่นปู่เรียบร้อยแล้ว 

แต่เชื่อไหมถ้า เนย์มาร์ เลือกได้ขอไม่ทำสถิติแต่อยากไปให้สุดท้ายในศึกเวิลด์ คัพ มากกว่า !!!




4. โครเอเชียขอโป้งเดียวจอด


ซลัตโก้ ดาลิช กุนซือทีมชาติโครเอเชีย รู้ตัวดีว่าขุมกำลังและประสิทธิภาพของพวกเขาเป็นรอง บราซิล หลายขุม แถมในรอบ 16 ทีมต้องฟาดฟันกับ ญี่ปุ่น จนถึงการดวลจุดโทษ แน่นอนว่าพละกำลังของทีมเป็นรองทัพ "แซมบ้า" หากเกมยืดเยื้อจนถึงการฎีกา

สำนวนที่คุ้นหูกันดี "รู้เขารู้เรา..รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง" ซึ่งเป็นข้อคิดเชิงปรัญชาจาก "ซุน วู" ถูกนำมาใช้อย่างได้ผล โดย ดาลิช เลือกที่จะเล่นแบบรัดกุมไม่มีการเปิดหน้าสู้ แต่รอจังหวะด้วยความอดทน และปล่อยให้ บราซิล ทำเกมรุกใส่เต็มเหนี่ยว เพียงแต่พวกเขาต้องมีสมาธิในเกมเล่นเกมรับให้เหนียวแน่น

ลองดูสถิติพวกเขาสร้างโอกาสยิงประตูเพียงแค่ 9 ครั้งเท่านั้น แต่เข้าเป้าครั้งเดียว และเป็นประตูตีเสมอซะด้วย อย่างไรก็ตามการครองบอลของ โครเอเชีย สูสีกับ บราซิล เช่นเดียวกับการผ่านบอล 

หากย้อนกลับไปดูจังหวะที่ โครเอเชีย ตกเป็นรองในช่วงทดเจ็บของการต่อเวลาพิเศษ หลังจากนั้นพวกเขากลับมาเล่นในครึ่งหลังก็ยังคงพยายามเล่นแบบรัดกุมไม่เปิดเกมรุกผลีผลามโดยรอคอยจังหวะความผิดพลาดจากทัพ "แซมบ้า" สุดท้ายความรอบคอบและใจเย็นนำไปสู่เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ 

 5. เจ้าพ่อจุดโทษ, สายแดนซ์แสนเศร้า

ตอนนี้ในรอบตัดเชือกไม่ว่า เนเธอร์แลนด์ หรือ อาร์เจนตินา ที่จะเข้าไปดวลกับ โครเอเชีย ต้องพึงสังวรเอาไว้ให้ดีๆ ว่าพวกเขาจะต้องปราบทัพ "ตาหมากรุก" ให้ได้ภายในเวลาหรือในช่วงต่อเวลาพิเศษเท่านั้น อย่าลากยาวไปจนถึงการดวลจุดโทษเพราะมีสิทธิ์น้ำตาตกได้

สำหรับตอนนี้ลูกทีมของกุนซือซลัตโก้ ดาลิช สร้างสถิติที่น่าสนใจมากๆ เพราะพวกเขากลายเป็นชาติที่เชี่ยวชาญิการยิงจุดโทษไปแล้ว เพราะตอนนี้ โครเอเชีย มีสถิติชนะการยิงจุดโทษในศึกฟุตบอลโลก 4 ครั้งเข้าไปแล้ว

งานนี้บอกเลยว่าในรอบตัดเชือก โครเอเชีย ซึ่งมีสภาพร่างกายที่เหนื่อยล้าเพราะต้องลากยาวจนถึงการดวลจุดโทษในรอบ 16 ทีมสุดท้าย และรอบก่อนรองชนะเลิศ อาจต้องใช้แผนเด็ดเพื่อยื้อเวลาไปจนถึงการดวลฏีกาตัดสิน เพราะสถิติของพวกเขาอาจทำให้คู่แข่งรู้สึกหวาดหวั่นก็ได้

ขณะที่ บราซิล ต้องบอกว่าน่าเสียใจเหลือเกิน เพราะแฟนบอลทั่วโลกหมดสิทธิ์ได้เห็นมนต์เสน่ห์สายแดนซ์ของแข้งแซมบ้า ในกาตาร์อีกแล้ว หลังจากปล่อยสเต็บไปจนหมดแม็กซ์ในเกมกับ เกาหลีใต้ ทำให้ตอนนี้พวกเขาต้องกลับบ้านไปฝึกเรื่องสมาธิการเล่นมากกว่าหมกมุ่นอยู่กับการคิดท่าเต้นดีใจ !!

ทอมเม้ง




ที่มาของภาพ : gettyimages.ae
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport