เปิดหน้าใส่เต็มเหนี่ยว! 3 แนวทางที่ อังกฤษ อาจใช้สู้กับ ฝรั่งเศส

ทัพ "สิงโตคำราม" มีคิวต้องวัดฝีเกือกกับแชมป์เก่าในรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยบรรดาเกจิลูกหนัง และพวกนักวิเคราะห์เกมต่างยกให้ทัพ "ตราไก่" เหนือกว่าทุกขุมกำลัง ฉะนั้น เซาธ์เกต แอนด์ โค. จำเป็นต้องวางแท็กติกให้ดีที่สุดในการสู้กับคู่แข่งจากแดนน้ำหอม

มีการพูดกันเยอะมากว่า เซาธ์เกต อาจจะเลือกใช้ระบบการเล่น 4-3-3 ที่เขามักจะนำมาใช้ในทุกๆ เกมสำหรับทัวร์นาเมนต์ที่ดินแดนตะวันออกกลาง หรือจะปรับหมากด้วยการเล่นเกมรับ 5 คนเหมือนที่เคยนำมาใช้ในการสู้กับ เยอรมนี และ อิตาลี ในศึกยูโร 2020 

อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้ว่า เซาธ์เกต อาจจะอยากให้ทัพ "ทรี ไลอ้อนส์ เปิดหน้าสู้กับ ฝรั่งเศส อย่างเต็มที่เพื่อโอกาสในการผ่านเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งถ้าหากเป็นแบบนั้น งานนี้คงจะได้เห็น อังกฤษ ใส่ผู้เล่นแนวรุกฝีเท้าติดจรวดลงสนามอย่างพร้อมเพรียงกันแหงๆ แต่จะเป็นใครละที่ได้โอกาส ไปลองคาดการณ์กันดีกว่า !

ใช้ชุดเดิมที่ไล่ต้อนเซเนกัล

บางทีอาจมีความเป็นไปได้ที่จะเห็น 11 ตัวจริงของอังกฤษเหมือนกับในแมตช์ชนะ เซเนกัล โดย เซาธ์เกต จะเลือกจับ บูกาโย่ ซาก้า ลงสนามในตำแหน่งแนวรุกทางขวา ขณะที่แดนกลางเป็นสามประสานอย่าง เดแคลน ไรซ์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ จู๊ด เบลลิงแฮม ซึ่งสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกๆ เกมของอังกฤษ

ขณะที่ ซาก้า ซึ่งซัดไปแล้ว 3 ประตู ยังคงเป็นตัวความหวังในแนวรุกเหมือนเดิม ขณะที่ ฟิล โฟเด้น น่าจะเบียด มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้ลงประจำทางฝั่งซ้าย ส่วนหน้าเป้ายังเป็นเจ้าเก่า แฮร์รี่ เคน ที่ตอนนี้ปลดล็อกตัวเองซัดประตูให้กับบ้านเกิดในทัวร์นาเมนต์นี้ได้แล้ว

สำหรับแผงแบ็กโฟร์ตอนนี้คงไม่มีใครที่จะเบียด ลุค ชอว์ และ ไคล์ วอล์คเกอร์ ในตำแหน่งแบ็กซ้าย-ขวา ตามลำดับ ส่วนคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟต้องยกให้ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กับ จอห์น สโตนส์ ในส่วนของผู้รักษาประตู จอร์แดน พิคฟอร์ด ยังไว้วางใจได้เสมอ 

ให้โอกาส แรชฟอร์ด ได้ทะลุทะลวง

มาร์คัส แรชฟอร์ด คงรู้สึกเหมือนตัวเองโชคร้ายเหลือเกินที่ไม่ได้ลงเล่นตัวจริงในเกมทุบ เซเนกัล เพราะก่อนหน้านั้นเขาก็ทำผลงานได้อย่างสุดยอด โดยเฉพาะเกมปราบ เวลส์ ในรอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย

สตาร์แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตะบันสองตุงในเกมทุบ "มังกรแดง แต่หลังจากนั้นเขาต้องนั่งตบยุงในซุ้มม้านั่งสำรองโดยต้องดู ซาก้า โชว์ของ ในแมตช์ทุบ "สิงโตแห่งเตรังก้า" รอบ 16 ทีมสุดท้าย ขณะที่ โฟเด้น ก็ได้รับโอกาสลงตัวจริงทางฝั่งซ้าย

กระนั้น "ดร.แรชชี่" อาจมีลุ้นที่จะได้ลงตัวจริงถ้าหาก เซาธ์เกต เลือกที่จะใช้แนวรุกความเร็วสูงในการฉีกเกมรับที่เหนียวแน่นของแชมป์เก่า ในขณะที่แดนกลางอาจจะใช้ความคล่องแคล่วของ เมสัน เมาท์ มาช่วยทำให้แผงมิดฟิลด์มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น

ส่วนอีกตำแหน่งที่อาจมีการปรับนั้นก็คือแบ็กขวา แม้ วอล์คเกอร์ จะได้รับการยกย่องว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการดวลกับ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ แต่กระนั้นนักเตะเพิ่มจะหายเจ็บอาจทำให้เขามีปัญหาในการหยุด "ประธานเป้" 

ฉะนั้นถ้าเซาธ์เกตจะทำให้แฟนบอลอังกฤษประหลาดใจก็คงเป็นการดร็อป วอล์คเกอร์ และใส่ชื่อ คีแรน ทริปเปียร์ ลงตัวจริง เพราะนี่คือนักเตะที่บอสเลือดผู้ดีเชื่อใจมาตลอดนับตั้งแต่ที่เขาเข้ามารับงานคุมทีมชาติ

เปิดหน้ารุกเต็มสูบ

สำหรับแผนที่สามต้องบอกเลยว่านี่คือการจัดตัวจริงแบบเปิดหน้ารุกเต็มสูบ โดยอาจจะเป็นแผนที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นเกม แต่กระนั้นก็ไม่แน่ว่า เซาธ์เกต อาจทำให้กองเชียร์อังกฤษต้องเซอร์ไพรส์ก็ได้

แผนนี้จะเลือกดร็อป ไรซ์ และจับ เบลลิงแฮม ทำหน้าที่เป็นโฮลดิ้งมิดฟิลด์ โดยสตาร์ "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นเหลือเกินในศึกเวิลด์ คัพ และพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาสามารถทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในทุกตำแหน่งแดนกลาง

การเลือกขยับเขามายืนอยู่ตรงกลางจะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เล่นคนอื่นได้เล่นเกมรุกเต็มที่ โดย โฟเด้น ที่จะยืนอยู่ในแผงมิดฟิลด์ และมีพื้นที่ในการสร้างสรรค์เกมทั้งฝั่งซ้าย รวมกับ แจ็ค กรีลิช ขณะที่ "เฮนโด้" จะยืนทางขวาในแดนกลางเหมือนที่เล่นเป็นประจำให้ ลิเวอร์พูล 

ทอมเม้ง