เพราะสายเลือดข้นกว่าใดๆ ทั้งสิ้น

เพราะสายเลือดข้นกว่าใดๆ ทั้งสิ้น
ขณะที่ โมร็อคโก สร้างประหลาดใจแก่สายตาแฟนบอลทั่วโลกด้วยชัยชนะเหนือ เบลเยี่ยม 2-0 ในเวลาเดียวกัน อัชราฟ ฮาคิมี่ วิ่งไปยังข้างสนามเพื่อมุ่งตรงไปหาคุณแม่ของตัวเอง

เธอคนนั้นจูบที่แก้มของลูกชาย ส่วนลูกชายก็จูบที่หน้าผากของแม่บังเกิดกล้า ฮาคิมี่ ถอดเสื้ออันชุ่มเหงื่อตัวนั้นแล้วมอบให้คนที่ทำให้เขาได้ลืมตาดูโลกใบนี้

เรื่องราวสุดแสนประทับใจเกิดขึ้นในเกมเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน เบื้องหลังของ ไซดา มู แม่ของ อัชราฟ เธอเคยเป็นแม่บ้านทำความสะอาดที่ประเทศสเปน เธอทำทุกอย่างเพื่อมอบชีวิตที่ดีให้กับลูกชาย 

"แม่ของผมเป็นแม่บ้าน ส่วนพ่อผมก็เป็นพ่อค้าขายของริมถนน สำหรับผม การเล่นฟุตบอลคือความฝันเสมอ ผมยอมสละทุกอย่างเพื่อพวกเขา พี่น้องผมด้วยเช่นกัน ครอบครัวเรายากจนมาก และตอนนี้ ผมสู้เพื่อพวกเขา!" วิงแบ็กค่าตัวแพงกล่าวไว้กับเว็บไซต์ทางการ บุนเดสลีกา

อัชราฟ เกิดที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน หลังจากที่พ่อกับแม่ย้ายมาตั้งรกรากที่แผ่นดินนี้ ฉะนั้น เขาสามารถเลือกเล่นให้ทัพกระทิงดุ ทว่าเขาเลือกที่จะรับใช้ชาติตามบ้านเกิดของครอบครัว

ในวัย 7 ขวบ อัชราฟ สร้างความประทับใจให้กับสโมสร เรอัล มาดริด จนวันหนึ่งมีจดหมายที่ทำให้คุณพ่อตกตะลึงเมื่อหน้าซองระบุว่ามาจาก "ลอส บังโกส" 

"ผมคิดว่าเป็นเรื่องโกหก ที่พ่อของผมมาดึงขาของผมไว้" อัชราฟ เผย

ไม่นาน เรอัล มาดริด เสนอสัญญาให้กับ อัชราฟ จากนั้นเหมือนว่าชีวิตของเขาจะพลิกผันไปในทางที่ดี แต่แล้วเวลาผ่านไปทั้งพ่อกับแม่ยังคงตรากตรำทำงานหนัก และปี 2016 สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า จ้องจะเล่นงานจากเรื่องสัญชาติที่ยังไม่ลงตัว

อัชราฟ โดนสอบสวนจากการที่อยู่ในข่ายเป็นนักเตะที่ไม่ได้มีสัญชาติสเปน ซึ่งมีอายุต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดเอาไว้ 

แม้ว่าในความจริงแล้วเขาจะเกิดที่กรุงมาดริด รวมถึงเล่นให้ทีมสำรองกับทีมเยาวชนของ เรอัล มาดริด มาตลอดชีวิตก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วศาลก็ตัดสินว่าเขาไม่มีความผิดใด ๆ 

โดย ราบี้ ทาคัสซ่า แมวมองที่เคยดูฟอร์มของ อัชราฟ เคยบอกกับ บลีชเชอร์ รีพอร์ต สื่อรายหนึ่งว่า 

"ผมคิดว่า ฟีฟ่า คงแค่เช็กชื่อที่แปลก ๆ ที่มาจากกลุ่มผู้อพยพ แทนที่จะดูว่าเด็กแต่ละคนเกิดที่ไหน"

"กรณีของเขาก็เป็นอย่างนั้นเช่นกัน พวกเขาคงแค่เห็นว่าเขามีชื่อแบบคนโมร็อกโก จนลงโทษเขา ทั้งที่เขาไม่ควรจะต้องเจอกับอะไรแบบนี้เลย"

หลังผ่านเรื่องร้าย ๆ เข้าสู่ปี 2017 ซึ่งเป็นปีที่เขาควรจะได้ก้าวขึ้นมาในทีมชุดใหญ่ของ "ราชันชุดขาว" แต่ อัชราฟ ยังคงตกอยู่ภายใต้ร่มเงาของเหล่าสตาร์ เรอัล จนกระทั่งถูกปล่อยยืมตัวไปยัง โบรุสเซียร์ ดอร์ทมุนด์ 

และที่นี่ทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์เต็มตัว

อัชราฟ พา ดอร์ทมุนด์ คว้าแชมป์ เยอรมัน ซูเปอร์ คัพ แล้วเพิ่มเกียรติยศส่วนตัวด้วยการได้รางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปแอฟริกา 2 สมัยซ้อน 

จากนั้นชีพจรลงเท้าย้ายไปอยู่ อินเตอร์ มิลาน และข้ามฟากประเทศมายัง ฝรั่งเศส เมื่อ ลิโอเนล เมสซี่ เรียกหา




"การสร้างความสัมพันธ์ด้านเทคนิคร่วมกับเขามันทำได้ง่ายมาก!" อัชราฟ ฮาคิมี่ พูดถึงสตาร์อาร์เจนไตน์

"ผมแค่ผ่านบอลให้เขา จากนั้นผมก็จะวิ่งไปข้างหน้า แล้วเขาก็จะผ่านบอลไปในจุดที่ที่ควรจะเป็น! (หัวเราะ)"

"ผมแปลกใจนะที่เขามีนิสัยแบบนี้ เขาเป็นคนเรียบง่าย, เป็นคนเงียบๆ ผมจะพูดอะไรดีล่ะ? เขาเป็นคนในฝันสำหรับผมเลย!"

"ผมเคยเล่นร่วมกับนักเตะชั้นยอดมาแล้วแล้วหลายคน และก่อนหน้านี้คนเดียวที่ผมยังไม่เคยร่วมงานด้วยก็คือ เมสซี่!

"ผมภูมิใจที่ได้พัฒนามาเป็นนักเตะที่ดี แต่ผมก็จะศึกษาว่าเขาซ้อมกับเล่นแบบไหน เพื่อที่จะได้เป็นการพัฒนาตัวเองมากขึ้นไปอีก"

ก่อนและหลังการแข่งขันทุกครั้ง เขาจะโทรหรือไปหาคุณแม่ ซึ่งย้อนไปเมื่อฟุตบอลโลก 2018 ที่ดินแดนรัสเซีย ก็มีภาพที่แม่ลูกคู่นี้มอบความรักให้กันและกัน

"่ผมไม่เคยเดือดร้อนจนต้องการอะไรมากมายเลย เพราะคุณพ่อคุณแม่ของผมท่านทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ให้ทั้งพี่ชายของผม, พี่สาวของผม และผม"" 

"พวกเขาเสียสละเพื่อเรา ยอมเรียนภาษาใหม่เพื่อมอบวัยเด็กที่ดีที่สุดให้กับเรา"

ในการตัดสินใจเล่นให้ทีมชาติโมร็อคโก อัชราฟ บอกกับนิตยสาร โว้ก ไว้ว่า "ใน ปารีส คุณเล่นให้กับทีมของเมืองเมืองนี้ก็จริง แต่มันไม่ได้เหมือนกับการเล่นให้กับประเทศของคุณเลย" 

"ผู้คนเป็นล้าน ๆ จะคอยสนับสนุนคุณ เพราะคุณเล่นให้กับพวกเขา ซึ่งมันเป็นเหมือนกับว่าคุณได้รับใช้บรรพบุรุษของคุณ และของพวกเขานั่นแหละ" 

"คุณเล่นให้กับคนหลายคน, ให้กับชาวโมร็อกโกหลายคน"

HOSSALONSO


ที่มาของภาพ : GETTY IMAGE
BY : Hossalonso
ธีรศานต์ คงทอง
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport