เมสซี่ จุดประกาย,เฟร์นานเดซ ตอกฝาโลง! 5 ข้อ อาร์เจนติน่า เผด็จศึก เม็กซิโก

ไม่มีผิดพลาดเป็นซ้ำสอง แต่ก็ทำเอาเหงื่อตกไปเหมือนกันสำหรับ อาร์เจนติน่า ซึ่งเร่งเครื่องเอาชนะ เม็กซิโก ได้ด้วยสกอร์ 2-0 จากการลงเล่นเกม ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม ซี นัดสองเมื่อวันเสาร์ที่ 26 พ.ย.

จากสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ทีม ฟ้าขาว เพิ่มโอกาสในการลุ้นเข้ารอบมากขึ้น ต่างกับ จังโก้ ซึ่งตกที่นั่งลำบากที่ต้องคว่ำ ซาอุดิ อาระเบีย ในเกมสุดท้ายให้ได้สถานเดียวหากยังไม่อยากกลับบ้านเร็ว

1.ฟ้าขาว เปลี่ยนห้าขุนพล

อยู่เฉยไม่ได้จริงๆสำหรับ ลิโอเนล สกาโลนี่ กุนซือทีมชาติ อาร์เจนติน่า ซึ่งคุมทีมออกสตาร์ต ฟุตบอลโลก 2022 ได้อย่างเลวร้ายด้วยการพลาดท่าพ่ายต่อ ซาอุดิ อาระเบีย 2-1

เมื่อเป็นซะอย่างนี้ นายใหญ่ทีม ฟ้าขาว จึงเปลี่ยน 11 ขุนพลในเกมบู๊กับ เม็กซิโก มากถึงห้ารายโดยส่ง ลิซานโดร มาร์ติเนซ กองหลังทีม แมนฯยูไนเต็ด ลงสนามเช่นเดียวกับ อเล็กซ์ แม็คอัลลิสเตอร์ ดาวเตะทีม ไบรท์ตัน

นอกนั้นอีกสามรายที่ถูกเลือกใช้งานได้แก่ มาร์กอส อคุนย่า , กอนซาโล่ มอนเทียล และ กีโด้ โรดริเกซ ขณะที่ คริสเตียน โรเมโร่ ปราการหลังทีม สเปอร์ส โดนดร็อปเช่นเดียวกับ นิโกลัส ตายาฟิโก้ ,เลอันโดร ปาเรเดส , มานูเอล โมลิน่า และ ปาปู โกเมซ

2.จังโก้ ปรับโผสามตำแหน่ง

ด้าน เม็กซิโก ซึ่งเสมอกับ โปแลนด์ 0-0 ในเกมแรกสลับโผนักเตะสามรายโดยใช้งาน เนสเตอร์ อารัวโฮ , เควิน อัลวาเรซ และ อันเดรส กวาร์ดาโด้ ลงเล่นก่อนหน้า ฮอร์เก้ ซานเชซ , เอ็ดสัน อัลวาเรซ และ เฮนรี่ มาร์ติน

ขณะเดียวกัน กุนซือ เคราร์โด้ มาร์ติโน่ ชาวอาร์เจนไตน์ตัดสินใจมอบปลอกแขนกัปตันให้ กวาร์ดาโด้ สวมใส่ด้วย





3.คุณภาพเกมในครึ่งแรก

แม้จะเป็นเกมที่  อาร์เจนติน่า หนึ่งในทีมเต็งแชมป์จำเป็นต้องชนะเพื่อเพิ่มโอกาสผ่านเข้ารอบ่ต่อไป แต่ตลอดครึ่งแรกพวกเขาแทบไม่อาจสร้างปัญหาให้กับ เม็กซิโก ได้เลย และจำต้องเจ๊ากันไปแบบไร้สกอร์

แน่นอนว่าสิ่งที่ทีม ฟ้าขาว ทำได้ดีกว่าคู่แข่งมีแค่การครองบอลเท่านั้นจากสถิติ 67:33% แต่เป็นทีม จังโก้ ที่ได้เสียวมากกว่าจากโอกาสเช็คบิล 3 ครั้งที่เข้ากรอบ 1 ครั้ง

ต่างกับยักษ์ใหญ่จากละตินซึ่งเหมือนกับว่ายังเมาไม่หายจากเกมแรกที่แพ้ให้กับเศรษฐีน้ำมันอย่างน่าอับอาย และเล่นกันด้วยความเครียดกระทั่งได้ส่องยิงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นซึ่งไม่เข้ากรอบ

จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าการมีโอกาสยิงรวมกันของทั้งสองฝ่ายสี่หนเท่านั้นใน 45 นาทีแรกเป็นสถิติที่เลวร้ายที่สุดของ ฟุตบอลโลก นับตั้งแต่เกมระหว่าง ฮอลแลนด์ กับ อาร์เจนติน่า เองร่วมกันสร้างขึ้นโดยได้ทั้งสองทีมยิงรวมกันในครึ่งแกของปี 2014 แค่สามครั้งเท่านั้น ก่อนที่เกมดังกล่าวต้องอาศัยการดวลลูกโทษตัดสินเนื่องจากเป็นเกมในรอบตัดเชือกซึ่งทั้งสองฝ่ายเจ๊ากัน 0-0 หลังครบ 120 นาทีก่อนที่ อาร์เจนติน่า จะโชว์ความแม่นเป้าเอาชนะไปได้ 4-2 แล้วไปแพ้ เยอรมัน 1-0 ในช่วงต่อเวลาของนัดชิงชนะเลิศ

4.เมสซี่ ทาบสถิติ มาราโดน่า

ลิโอเนล เมสซี่ ดาวเตะทีม ฟ้าขาว ลงเล่นเกมนี้ซึ่งถือว่าสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาเช่นกันหากเจ้าตัวยังหวังกำชัยพาทีมลุ้นเข้ารอบ พร้อมกับลุ้นคว้าแชมป์ก่อนอำลาการลงสนามให้กับแผ่นดินเกิด

ขณะเดียวกัน มันยังเป็นเกม ฟุตบอลโลก นัดที่ 21 ของสตาร์ทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ด้วยซึ่งเทียบเท่ากับสถิติสูงสุดในรายการนี้ของประเทศที่ เสือเตี้ย ถือครองอยู่พอดี

ถึงอย่างนั้น มาราโดน่า ยังมีผลงานเหนือกว่า เมสซี่ เจ้าของรางวัล บัลลงดอร์ เจ็ดสมัยตรงที่สอยตาข่ายใน ฟุตบอลโลก ได้ทั้งหมดแปดประตู ขณะที่ดาวดังวัย 35 ปีตะบันไปแล้วเจ็ดประตู

จนในที่สุด เมสซี่ ก็สอยตาข่ายเม็ดสำคัญให้ อาร์เจนติน่า ได้ และมันเป็นประตูที่ 8 ของเขาใน ฟุตบอลโลก เท่ากับ มาราโดน่า แล้ว แต่ยังเป็นรองอดีตหัวหอกพระกาฬอย่าง กาเบรียล บาติสตูต้า ซึ่งครองสถิติยิงให้ทีม ฟ้าขาว ในรายการนี้มากที่สุด 10 ประตู

แต่ที่แน่ๆ เมสซี่ นับเป็นตัวแสบเบอร์ต้นๆของ เม็กซิโก เลยทีเดียวเนื่องจากประตูในเกมนี้นับเป็นนัดที่หกติดต่อกันแล้วที่เขาสอยตาข่ายทีม จังโก้ ได้สำเร็จ

5.วันของทีม ฟ้าขาว

แม้เกมในครึ่งแรกจะดูอึดอัด แต่พลันที่ เมสซี่ กดลูกเบิกร่องได้ในนาทีที่ 64 เกมของ อาร์เจนติน่า ก็คึกคักขึ้นมาทันที

และไม่เท่านั้นเนื่องจากก่อนหมดเวลาสามนาที เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ตัวสำรองจากสโมสร เบนฟิก้า โชว์ความเหนือชั้นโยกจากกราบซ้ายเข้ามาซัดบอลเสียบเสาไกลการันตีสามแต้มให้ทีม ฟ้าขาว ได้สำเร็จจากการติดธงเป็นเกมที่ห้า และเป็นประตูแรกของเขาในเกมทีมชาติ อีกทั้งทำให้เขาเป็นนักเตะ อาร์เจนไตน์ ที่อายุน้อยที่สุดด้วย (21ปี 313วัน) ที่ยิงประตูได้ใน ฟุตบอลโลก นับตั้งแต่ เมสซี่ สร้างชื่อในปี 2006 ขณะมีอายุ 18 ปี 357 วัน

แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ณ บัดนี้ เมสซี่ กลายเป็นทั้งนักเตะที่น้อยที่สุด (18ปี 357วัน) และมากที่สุด (35 ปี 155 วัน) ที่ยิงประตูและ แอสซิสต์ ได้ในเกม ฟุตบอลโลก นัดเดียวกัน

กระนั้นก็ดี หลังจบ 90 นาที เกมคู่นี้ยังต่ำด้วยคุณภาพอยู่นั่นเองเนื่องจากทั้งสองฝ่ายมีโอกาสง้างยิงรวมกันแค่ 9 ครั้ง(อาร์เจนติน่า 5-เม็กซิโก 4) ซึ่งเป็นสถิติรวมที่เลวร้ายที่สุดของ ฟุตบอลโลก นับตั้งแต่ปี 1966 ซึ่งเริ่มมีระบบการจดบันทึกโดย อาร์เจนติน่า ส่งบอลเข้ากรอบ 2 ครั้ง ขณะที่ผู้แพ้ส่งบอลเข้ากรอบแค่ครั้งเดียว


ที่มาของภาพ : gettyimages.ae
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport