แชมป์เก่าปิดจ็อบไว,เอ็มบัปเป้ พาตราไก่ตีปีก! 5 ข้อ ฝรั่งเศส เข่น เดนมาร์ก ท้ายเกม

ต้องยกความดีความชอบให้กับ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ไปเต็มๆที่เหมาตะบันสองเม็ดส่งทีมชาติ ฝรั่งเศส เข้ารอบ 16 ทีม ฟุตบอลโลก ได้เป็นชาติแรกจากการลงสนามนัดสองของรอบแบ่งกลุ่มเมื่อวันเสาร์ที่ 26 พ.ย.ด้วยการเอาชนะ เดนมาร์ค ได้ด้วยสกอร์ 2-1

เท่ากับว่าทีม เลส์ เบลอส์ ไม่จำเป็นต้องเครียดในนัดสุดท้ายของรอบแรกฟัดกับ ตูนีเซีย แล้ว และสามารถพักดาวดังได้อย่างสบาย ขณะที่ทีม โคนม ต้องลุ้นสุดตัวในการพยายามสยบ ออสเตรเลีย ให้ได้ในเกมสุดท้าย

1.แชมป์โลกปรับแนวรับ วาราน ออกสตาร์ต

ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ กุนซือทีมชาติ ฝรั่งเศส ตัดสินใจปรับผู้เล่นสามตำแหน่งในแผงหลังล้วนๆ แม้เกมแรกพวกเขาจะประเดิมสนามได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการถล่ม ออสเตรเลีย 4-1

สามขุนพลที่ว่าประกอบไปด้วย เตโอ แอร์กน็องเดซ ที่ต้องลงเล่นแทนพี่ชาย ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ ที่เดี้ยงตั้งแต่เกมแรก และเจ็บยาวไปตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์อยู่แล้ว ขณะที่อีกสองรายได้แก่ ราฟาแอล วาราน กองหลังทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เบียด อิบราฮิม่า โกนาเต้ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีม ลิเวอร์พูล ตกขอบ

จึงเท่ากับว่า วาราน กลับมาลงสนามเป็นเกมแรกนับตั้งแต่เจ็บจากการรับใช้ต้นสังกัดในเกม พรีเมียร์ลีก นัดบุกไปเสมอกับ เชลซี 1-1 เมื่อวันที่ 22 ต.ค.

ส่วนอีกตำแหน่งที่น่าตกใจไม่น้อยได้แก่ ฌูลส์ กุนเด้ ที่ได้เสียบแทน แบงฌาแม็ง ปาวาร์ ในตำแหน่งแบ็คขวา

2.โคนม โรเตชั่น สี่ขุนพล

สำหรับ เดนมาร์ค ของกุนซือ แคสเปอร์ ฮุลมันด์ มีการปรับโผมากกว่ารวมสี่รายจากเกมเสมอกับ ตูนีเซีย 0-0 เนื่องจาก โธมัส เดลานีย์ เจ็บเข่าจากเกมแรกจนหมดสิทธิ์ลงเล่น ฟุตบอลโลก เรียบร้อยแล้ว

พร้อมกันนี้ อันเดรียส สคอฟ , แคสเปอร์ โดลเบิร์ก และกัปตันทีม ซิมอน เคียร์ ก็โดนดร็อปไปนั่งข้างสนามโดยมี มิคเคล ดัมส์การ์ด , วิคเตอร์ เนลส์สัน , เยสเปอร์ ลินดสตรอม และ อันเดรียส คอร์เนเลียส ได้ลงบู๊





3.ชิรูด์ ต้องรอสร้างสถิติ

อย่างที่รู้กันว่า ณ วันนี้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ รั้งตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของทีมชาติ ฝรั่งเศส ร่วมกับ เธียร์รี่ อองรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ดาวยิงทีม เอซี มิลาน คายพิษสงซัดได้สองประตูในเกมชนะ ออสเตรเลีย 4-1 มีผลงานตะบันให้ เลส์ เบอลส์ 51 เม็ดเท่ากับ ตีตี้ แถมลงเล่นน้อยกว่าด้วยซ้ำ

ฉะนั้นแล้ว สตาร์ทีม เอซี มิลาน จึงรอสร้างประวัติศาสตร์ไม่ช้าก็เร็ว และจะสังเกตได้ว่าตลอดครึ่งแรกกับ เดนมาร์ค ชิรูด์ ได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีมอย่างเต็มที่โดยเขามีจังหวะสับไกสามครั้ง แต่ไม่เข้ากรอบ

รวมทั้งสิ้นใน 45 นาทีแรก ทีม ตราไก่ เหนือกว่า โคนม อย่างชัดเจนโดยมีจังหวะคลำเป้า 13 ครั้ง และเข้ากรอบ 3 ครั้ง ขณะที่ เดนมาร์ค ได้สับไก 2 ครั้ง และไม่เข้ากรอบ แม้พวกเขาจะครองบอลได้มากกว่า แชมป์โลก เล็กน้อย 51:49%

กระทั่งต้นครึ่งหลัง ชิรูด์ ก็โดนเปลี่ยนออกให้ มาร์คุส ตูราม ลงสนามแทนในนาทีที่ 63 หลังจาก คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ปลดล็อคซัดให้ ฝรั่งเศส ออกนำจึงหมายความว่าดาวยิงจอมเก๋าต้องรอโอกาสทำลายสถิติต่อไปในเกมหน้ากับ ตูนีเซีย หลังพลาดการเป็นนักเตะรายที่สองในประวัติศาสตร์ที่มีอายุ 36 ปีขึ้นไปที่สามารถยิงประตูใน ฟุตบอลโลก ได้สองนัดติดต่อกันอย่างที่ ทอม ฟินนีย์ เคยทำได้ให้กับ อังกฤษ ในปี 1958 ขณะมีอายุ 36 ปี 64 วัน

4.พ่อลูกผูกพัน

จากที่นั่งบนอัฒจันทร์ จะเห็นว่า ลิยิยอง ตูราม กับ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล สองตำนานทีมชาติ ฝรั่งเศส นั่งติดกันดูเกมการฟาดแข้งระหว่างทีม ตราไก่ กับทีมเมือง น้ำหอม

แน่นอนว่า แคสเปอร์ ลูกชายของ ปีเตอร์ ซึ่งเดินตามรอยเท้าคุณพ่อด้วยการเฝ้าตาข่ายได้ลงเล่นเป็น 11 ตัวแรกตามปกติเนื่องจากเขาเป็นนายทวารมือหนึ่งของแผ่นดินเกิดเช่นเดียวกับที่คุณพ่อเคยสร้างชื่อในอดีต

ขณะเดียวกัน หลังจาก ฝรั่งเศส ส่ง มาร์คัส ลูกชายของ ลิลิยอง ลงเล่นแทน โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ในครึ่งหลัง มันก็ทำให้ทั้งสองชาติมีพ่อลูกร่วมพะบู๊กันอีกหนเช่นเดียวกับฟุตบอลโลก ปี 1998 รอบแบ่งกลุ่ม

อย่างไรเสีย แท้ที่จริงนัดที่ ฝรั่งเศส ชนะ เดนมาร์ค 2-1 เช่นกันในคราวนั้น กุนซือ เอ็มเม่ ฌัคเกต์ จับ ลิลิยอง นั่งเป็นสำรองโดยไม่ได้ส่งลงบู๊เหมือนสองเกมแรกที่พวกเขาพิชิต แอฟริกาใต้ 3-0 และถล่ม ซาอุดิ อาระเบีย 4-0 เนื่องจาก เลส์ เบลอส์ ผ่านเข้ารอบไปแล้ว และเลือกพักสตาร์ดังหลายรายตามระเบียบ ขณะที่ ปีเตอร์ ลงสนามตามปกติ

5.ประธานเป้นำชัย

ต่อการได้ลงเล่นกับ เดนมาร์ค ส่งผลให้ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ กลายเป็นดาวเตะทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่ได้รับใช้ทีมชาติ ฝรั่งเศส มากที่สุดทันที  56 นัด

รวมทั้งสิ้น อดีตสตาร์ทีม โมนาโก ติดธงเกมล่าสุดเป็นนัดที่ 61 แถมคลำเป้าได้ด้วยจากการพา เลส์ เบลอส์ นำหน้า 1-0 ซึ่งเป็นการทำประตูในนามทีมชาติเป็นลูกที่ 30 ของเขาโดยเป็นประตูที่หกของเจ้าตัวในเกม ฟุตบอลโลก ขณะมีอายุ 24 ปีซึ่งเป็นผลงานที่เทียบเท่ากับ ฮาเมส โรดริเกซ และ มาริโอ เคมเปส ในวัยเดียวกัน และเป็นรองแค่ เปเล่ ซึ่งทำได้เจ็ดประตู

พร้อมกันนี้ "นินจาเต่า" ยังได้ชื่อว่าเป็นขุนพลทีมเมืองน้ำหอมรายที่สองเท่านั้นที่เช็คบิลในเกม เวิลด์คัพ ได้สามนัดซ้อนต่อจาก ฌุสต์ ฟงแตน ที่สร้างชื่อเอาไว้ในปี 1958 ด้วยการลั่นกระสุนได้หกนัดติดต่อกัน หากแต่ ฟงแตน ได้เล่น ฟุตบอลโลก หนเดียวในปี 1958 และกระหน่ำได้มากถึง 13 ตุงครองตำแหน่งดาวซัลโวของทัวร์นาเมนต์จากการลงเล่นหกนัด

จนในที่สุด ก่อนหมดเวลาสี่นาที  เอ็มบัปเป้ ก็แผลงฤทธิ์กดเม็ดที่ 31 ของเขาในเกมทีมชาติพา ฝรั่งเศส คว่ำ เดนมาร์ค 2-1 อีกทั้งเจ้าตัวขึ้นนำโผดาวซัลโว ฟุตบอลโลก 2022 จากผลงานสามประตูเท่ากับ เอ็นเนร์ วาเลนเซีย สตาร์ทีม เอกวาดอร์ ด้วย และเป็นประตูที่เจ็ดของเขาใน เวิลด์คัพ เทียบเท่ากับตำนานดาวยิงทีมชาติ บราซิล ในวัยเดียวกัน

เห็นอย่างนี้แล้วจึงพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า เอ็มบัปเป้ กำลังอยู่ในช่วงพีกอย่างแท้จริงเนื่องจากเขาทะลวงประตูให้ทีมชาติ 14 เม็ดจาก 12 นัดหลัง และเป็นครั้งแรกในรอบปฏิทินหนึ่งปีที่เขากระซวกตาข่ายให้กับทั้งต้นสังกัด และแผ่นดินเกิด ได้มากถึง 50 ประตู

ขณะเดียวกัน 31 ประตูในทีม เลส์ เบอลส์ ของ เอ็มบัปเป้ ทำให้เขารั้งอันดับเจ็ดดาวซัลโวของแผ่นดินเกิดเท่ากับ ซีเนดีน ซีดาน ตำนานคนดัง แต่อย่าลืมว่า ณ วันนี้ สตาร์ทีม เปแอสเช มีอายุแค่ 24 ปีเท่านั้น

รวมเบ็ดเสร็จ 90 นาทีที่สนาม 974 ฝรั่งเศส ยังด้อยกว่า เดนมาร์ค ในแง่การครองบอล 52:48% แต่มีจังหวะยิงประตูมากกว่ารวมทั้งเกม 21 ครั้ง และเข้ากรอบ 7 ครั้ง ขณะที่ทีม โคนม ได้ยิงทั้งหมด 10 ครั้ง และเข้ากรอบ 2 ครั้งโดยทีมเมืองน้ำหอมสร้างสถิติใหม่คว้าชัยในเกม ฟุตบอลโลก ได้หกนัดติดต่อกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติด้วย




ที่มาของภาพ : gettyimages.ae
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport