กระทิงขวิดไม่ยั้ง,นาวาส หมดสภาพจอมหนึบ! 5 ข้อ สเปน ขยี้ คอสตาริกา จมธรณี

กลายเป็นทีมที่น่าจับตามองที่สุดในทัวร์นาเมนต์ ฟุตบอลโลก 2022 ไปแล้วสำหรับทีมชาติ สเปน ซึ่งออกตัวอย่างโหดด้วยการกระหน่ำยิงใส่ คอสตาริก้า แบบไม่ไว้หน้าก่อนชนะไปอย่างขาดลอย 7-0 ในการฟาดแข้งเมื่อวันพุธที่ 23 พ.ย.

ต่อผลงานดังกล่าว ส่งผลให้ทีม กระทิงดุ กำชัยได้อย่างงดงามที่สุดในประวัติศาตร์ชาติของรายการนี้เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่พวกเขาตะบันประตูได้มากถึงเจ็ดลูกในเกม เวิลด์คัพ ชนิดที่ไม่เสียประตูคืนให้ฝ่ายตรงข้ามเลยด้วย

1.กระทิงหนุ่มสุดคลั่ง

อย่างที่รู้กันว่า หลุยส์ เอ็นรีเก้ กุนซือทีมชาติ สเปน เมินเรียกใช้บริการจากนักเตะสูงวัยหลายรายทั้ง ติอาโก้ อัลกันตาร่า , ดาบิด เด เคอา และ เซร์คิโอ รามอส โดยเขาเลือกวางใจในตัวเด็กหนุ่มซะเป็นส่วนใหญ่

ฉะนั้นแล้ว จากโผ 11 ตัวแรกในเกมบู๊กับ คอสตาริก้า ทีม กระทิงดุ จึงอัดแน่นไปด้วยสายเลือดใหม่หลายรายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัย 18 ปี 110 วัน กาบี้ จึงกลายเป็นนักเตะทีมชาติ สเปน อายุน้อยที่สุดที่ได้รับใช้ชาติในสองรายการใหญ่ทั้ง ฟุตบอลโลก และ ฟุตบอลยูโร

ขณะเดียวกัน กาบี้ กับ เปดรี้ ได้ลงบู๊เป็นตัวจริงด้วยกันทั้งคู่อีกต่างหาก จึงส่งผลให้ กระทิงดุ เป็นชาติแรกในยุโรปที่ส่งดาวรุ่งลงสนามเป็น 11 คนแรกพร้อมกันในเกม ฟุตบอลโลก ต่อจากที่ บัลแกเรีย ทำเอาไว้นัดบู๊กับ อังกฤษ เมื่อปี 1962

รวมแล้ว เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ จึงเป็นท่านผู้เฒ่ารายเดียวจากชุดคว้า แชมป์โลก ปี 2020 ที่ แอฟริกาใต้ ที่ยังหลงเหลือ และได้ลงเล่นเป็นตัวจริงกับ คอสตาริกา

พร้อมกันนี้ ในวัย 18 ปี 110 วัน กาบี้ มิดฟิลด์ทีม บาร์เซโลน่า สามารถทำประตูที่ห้าในเกมชนะ คอสตาริก้า ได้ และมันทำให้เขาเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่คลำเป้าได้ในเกม ฟุตบอลโลก เป็นรองแค่ เปเล่ ที่ยิงได้สองเม็ดพาทีมชาติ บราซิล ขย้ำ สวีเดน 4-2 ในนัดชิงชนะเลิศปี 1958 ขณะมีอายุ 17 ปี 249 วัน

2.แผงหลังไม่คุ้นตา

จากการเลือกนักเตะลงสนาม เป็นที่น่าสังเกตว่า เอ็นรีเก้ วางหมากขัดสายตาแฟนบอลไม่น้อยเนื่องจากคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟนัดแรกของศึก เวิลด์คัพ 2022 เขาส่งสองดาวเตะ แมนฯ ซิตี้ เอมเมอริค ลาปอร์กต์ กับ โรดรี้ ลงประสานงานร่วมกันทั้งๆที่โดยธรรมชาติของรายหลังสวมบทเป็นกองกลาง ไม่ใช่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ

แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่เป็นปัญหาแม้แต่น้อยเนื่องจาก คอสตาริก้า ห่างชั้นกับ สเปน มาก และแค่ครึ่งแรกพวกเขาก็นำคู่แข่งไปแบบหายห่วง 3-0 ชนิดที่ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ง้างยิงเลยแม้แต่หนเดียว ขณะที่ทีม กระทิงดุ ได้ส่องทั้งหมด 7 ครั้ง และเข้ากรอบ 3 ครั้ง อีกทั้งทีมของ เอ็นรีเก้ ได้ครองบอลมากถึง 85:15% ซึ่งน่าจะเป็นสถิติที่ห่างชั้นกันที่สุดในประวัติศาสตร์ ฟุตบอลโลก เลยก็เป็นได้

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร แน่นอนว่าสกอร์ 3-0 ของ สเปน ในครึ่งแรกซึ่งใช้เวลา 31 นาทีเป็นการทำสามประตูที่เร็วที่สุดของเกม ฟุตบอลโลก นับตั้งแต่เกมระหว่าง เยอรมัน กับ บราซิล เมื่อปี 2014 ซึ่ง อินทรีเหล็ก ใช้เวลา 24 นาทีนำห่าง แซมบ้า สามเม็ดก่อนชนะไปแบบกระจุยกระจาย 7-1 ในรอบตัดเชือกปี 2014

ขณะเดียวกัน หลังจบ 90 นาที คอสตาริก้า หาโอกาสสับไกไม่ได้เลยแม้แต่หนเดียว ขณะที่ สเปน ได้ยิงเพิ่มอีก 10 ครั้งรวมทั้งหมดเป็น 17 ครั้ง เข้ากรอบอีก 5 ครั้งรวมเป็น 8 ครั้ง และครองบอลรวมทั้งเกมเหนือกว่าบานเบอะ 82:18%

อีกทั้งจากการผ่านบอลที่ร้ายกาจของ สเปน มีการแจกแจงว่าพวกเขาผ่านบอลสำเร็จได้ทั้งสิ้น 976 ครั้งซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าการผ่านบอลรวมกันของทั้ง คอสตาริก้า เอง และ อิหร่าน , ซาอุดิ อาระเบีย ,ญี่ปุ่น ตลอดจน โปแลนด์ ซึ่งมัดรวมกันแล้วผ่านบอลสำเร็จได้แค่ 906 ครั้งเท่านั้น

สำหรับโอกาสยิงประตูเป็น 0 ของ คอสตาริก้า ถือเป็นครั้งที่สองเท่านั้นที่มีทีมที่ไม่อาจหาช่องสับไกในเกม ฟุตบอลโลก ได้เลยแม้แต่หนเดียวตลอด 90 นาทีนับตั้งแต่ปี 1966 ซึ่งก็ได้แก่ คอสตาริก้า เช่นกันในปี 1990 นัดบู๊กับ บราซิล

3.โอลโม่ 100

ในที่สุด ดานี่ โอลโม่ ก็สร้างชื่อเป็นนักเตะทีมชาติ สเปน ที่ยิงประตูลูกที่ 100 ในศึก ฟุตบอลโลก ให้กับทีม กระทิงดุ หลังสวมบทซัดลูกเบิกร่องพาทีมออกนำในนาทีที่ 11 โดยก่อนจะถึงคิวของ สเปน มีอยู่ห้าชาติที่เช็กบิลใน ฟุตบอลโลก ครบ 100 ประตูไปก่อนแล้วคือ อาร์เจนติน่า , บราซิล , ฝรั่งเศส , เยอรมัน และ อิตาลี

ก่อนหน้าทัวร์นาเมนต์ปี 2022 ที่ กาตาร์ ทีมชาติ สเปน ซัดประตูในศึก เวิลด์คัพ มาได้แล้วทั้งสิ้น 99 ประตู ดังนั้นตัวรุกวัย 24 ปีของทีม แอร์เบ ไลป์ซิก จึงสร้างชื่อได้ในการรับใช้ชาติเป็นเกมที่ 27

สำหรับประตูแรกของทีมชาติ สเปน ในศึก ฟุตบอลโลก เกิดจากฝีเท้าของ โฆเซ่ อิรารากอร์รี่ ซึ่งเขาเจิมลูกแรกให้แผ่นดินเกิดในรายการนี้ได้นัดพิชิต บราซิล 3-1 ในรอบ 16 ทีมปี 1934

นอกจากประตูของ โอลโม่ แล้ว มาร์โก อเซนซิโอ ซึ่งมาบวกเม็ดสองของเกมให้ กระทิงดุ ได้ในอีก 10 นาทีต่อมาก็กลายเป็นนักเตะทีมขาติ สเปน รายที่ 50 ที่ทำประตูได้ในเกม ฟุตบอลโลก โดยไม่นับการสกัดบอลเข้าประตูตัวเอง

ขณะเดียวกัน หัวหอกทีม เรอัล มาดริด ยังยิงประตูในนามทีมชาติเป็นเม็ดที่สองของเขาด้วยการจากลงสนามเป็นเกมที่ 32

4.ตอร์เรส ที่ไม่ใช่ เฟร์นานโด

ด้าน เฟร์รัน ตอร์เรส สมาชิกทีม บาร์เซโลน่า ในวัย 22 ปีซึ่งสังหารลูกโทษพาทีมหนีห่าง 3-0 ในนาทีที่ 31 ก็เป็นนักเตะทีมชาติ สเปน อายุน้อยที่สุดที่สอยตาข่ายในศึก ฟุตบอลโลก ได้ต่อจากที่ เฟอร์นานโด ตอร์เรส สร้างชื่อเอาไว้เมื่อปี 2006

ยิ่งไปกว่านั้น หลังพังประตูที่สองของตัวเองได้ ก็ทำให้ ตอร์เรส เป็นนักเตะทีมชาติ สเปน รายที่สามที่ลงเล่น ฟุตบอลโลก เกมแรก และซัดได้สองเม็ดต่อจาก ดาบิด บีย่า ในเกมดวลกับ ยูเครน ปี 2006 และ โฆเซ่ อิรารากอร์รี ในเกมบู๊กับ บราซิล ปี 1934

รวมเบ็ดเสร็จ ตอร์เรส มีส่วนเกี่ยวข้องกับ 16 ประตูในนามทีมชาติโดยเขาคลำเป้าได้ 15 ลูก และทำอีกหนึ่งแอสซิสต์จากการลงเล่นให้แผ่นดินเกิดเป็นเกมที่ 32 ซึ่งถือเป็นสถิติที่ไม่เลวเลย

5.ชัยชนะที่ผูกขาด

ก่อนหน้านี้ สเปน กับ คอสตาริก้า เคยดวลแข้งกันมาทั้งหมดสามครั้ง แต่ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองทีมบู๊กันในเกมที่มีความหมาย

จากสามนัดที่ผ่านมา ทีม กระทิงดุ ยังไม่เคยปราชัยโดยมีผลงานชนะสอง เสมอหนึ่งซึ่งเป็นเกมกระชับมิตรทั้งสิ้น

แม้การดวลกันหนแรกในปี 2011 คอสตาริกา จะเสมอกับ สเปน 2-2 แต่อีกสองหนต่อมาพวกเขาแพ้ทีมจากยุโรป 2-1 และ 5-0 ในปี 2015 และ 2017 โดยครั้งหลังสุดที่ มาลาก้า ดาบิด ซิลบา เหมายิงสองตุง ขณะที่อีกสามตุงมาจากฝีเท้าของ จอร์ดี้ อัลบา , อัลบาโร่ โมราต้า และ อันเดรียส อีเนียสต้า

จนในที่สุด คอสตาริก้า ก็แพ้ สเปน อีกตามเคย แต่ยับเยินมากกว่าทุกครั้งชนิดที่พวกเขาไม่ได้ส่องยิงเลยแม้แต่หนเดียวตลอด 90 นาที จนทำให้ เกย์ลอร์ นาวาส มือกาวคนดังของทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ต้องก้มเก็บบอลที่ก้นตาข่ายจนหลังแอ่นมากถึงเจ็ดครั้ง และแน่นอนว่ามันเป็นความปราชัยที่เละเทะที่สุดของพวกเขาด้วยจากที่เคยเล่น ฟุตบอลโลก ก่อนหน้านี้แปดนัด


ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport