อุ่นเครื่องกันหน่อย! 5 สุดยอดแมตช์เปิดหัวฟุตบอลโลกแห่งความทรงจำ

อย่างไรก็ตาม ฟุตบอลโลกช่วงปี 1974 ยิงยาวจนถึงปี 2002 ชาติแชมป์เก่าจะถูกวางโปรแกรมให้ลงเตะเป็นเกมเปิดหัว ก่อนที่ในปี 2006 ฟีฟ่า เลือกกลับไปใช้แบบเดิม ที่ชาติเจ้าภาพถูกเลือกให้ลงเตะแมตช์แรกของทัวร์นาเมนต์ ซึ่ง ฟีฟ่า ก็ให้ใช้รูปแบบนี้จนกระทั่งถึงปัจจุบัน  

- อาร์เจนตินา 0-1 เบลเยียม (สเปน, 1982)

แชมป์เก่า (1978) อย่าง อาร์เจนตินา ลงเตะเกมเปิดทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลก 1982 ที่สังเวียนแข้ง คัมป์ นู ณ มหานครบาร์เซโลน่า ท่ามกลางแฟนบอลราว 95,000 คน โดยที่จะต้องดวลกับ เบลเยียม ทีมแกร่งจากยุโรป 

ทัพ "ฟ้า-ขาว" ที่มีนักเตะชั้นยอดอย่าง ดีเอโก้ มาราโดน่า, มาริโอ เคมเปส และ ดาเนี่ยล ปาสซาเรลล่า ถูกมองว่าน่าจะผ่านเข้ารอบต่อไปได้ไม่ยาก (มี ฮังการี กับ เอล ซัลวาดอร์ เป็นอีกสองชาติร่วมกลุ่ม) แต่ไปๆ มาๆ พวกเขากลับปราชัยแบบพลิกล็อกตั้งแต่นัดแรก เมื่อ เออร์วิน ฟานเดนเบิร์ก หลุดเข้าไปจบสกอร์ช่วงนาทีที่ 62 ช่วยทัพ "ปีศาจแดงแห่งยุโรป" คว้าชัยเหนือแชมป์เก่า โดยแมตช์นี้มีจังหวะสำคัญที่ถูกจับภาพจนกลายเป็นหนึ่งในภาพระดับตำนานของศึกฟุตบอลโลก ซึ่งนั่นก็คือชอตที่ มาราโดน่า กำลังพาบอลเข้าไปดวลกับกลุ่มผู้เล่น เบลเยียม ที่มีถึง 6 คน 

ถึงแม้สุดท้าย อาร์เจนตินา สามารถเอาตัวรอดจากรอบแบ่งกลุ่มนี้ได้ แต่พวกเขาก็ไปร่วงในรอบแบ่งกลุ่ม รอบสอง 

- แอฟริกาใต้ 1-1 เม็กซิโก (แอฟริกาใต้, 2010)

อาจเป็นแมตช์ที่ไม่มีอะไรโดดเด่น นอกจากเสียงเครื่องเป่า "วูวูเซล่า" ที่ดังกึงก้องสนาม ซอคเกอร์ ซิตี้ แต่มันก็มีความพิเศษอยู่เหมือนกัน เพราะนี่คือฟุตบอลโลกหนแรก ที่จัดขึ้นบนแผ่นดินทวีปแอฟริกา ซึ่ง แอฟริกาใต้ ชาติเจ้าภาพ ได้เฮก่อนในนาทีที่ 55 จากลูกยิงอันสุดสวยของ ซิฟิเว่ ชาบาลาล่า แต่นาทีที่ 79 เม็กซิโก ตีเสมอได้จาก ราฟาเอล มาร์เกซ ก่อนจบเกมด้วยการแบ่งคะแนนกันไป ซึ่งบทสรุปกลุ่มนี้ แอฟริกาใต้ ไม่ได้ไปต่อ เพราะจบที่อันดับสาม เช่นเดียวกับ ฝรั่งเศส ที่รั้งบ๊วย ส่วน อุรุกวัย กับ เม็กซิโก ตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย 

- อาร์เจนตินา 0-1 แคเมอรูน (อิตาลี, 1990)

อาร์เจนตินา อีกแล้ว!!! พวกเขาในฐานะแชมป์เก่า (1986) ช็อกตั้งแต่เกมเปิดทัวร์นาเมนต์อีกครั้ง เมื่อปราชัยให้กับทีมรองบ่อนอย่าง แคเมอรูน 0-1 ที่สังเวียนแข้ง ซาน ซิโร่ โดยที่ทัพ "หมอผี" ได้ประตูชัยในนาทีที่ 67 จากการลอยตัว (โคตรสูง) โขกของ ฟร็องซัวส์ โอมัม-บิยิค ซึ่งเกมนี้ถือเป็นอีกหนึ่งแมตช์คลาสสิกของศึกฟุตบอลโลกเลยทีเดียว 

ถึงแม้ อาร์เจนตินา ของ "เสือเตี้ย" ประเดิมแบบสุดช็อก แต่พวกเขาก็สามารถฝ่าฟันจนไปไกลถึงรอบชิงชนะเลิศ ลุ้นป้องกันตำแหน่งแชมป์ ทว่าสุดท้ายพ่าย เยอรมันตะวันตก 0-1 โดยที่ทัพ "อินทรีเหล็ก" คว้าแชมป์โลกสมัยสาม จากลูกจุดโทษของ อันเดรส เบรห์เม่ ช่วง 5 นาทีสุดท้าย

- ฝรั่งเศส 0-1 เซเนกัล (เกาหลีใต้ & ญี่ปุ่น, 2002)

แชมป์เก่า (1998) อย่าง ฝรั่งเศส เจอแบบเดียวกับที่ อาร์เจนตินา เคยเจอ โดย "ตราไก่" ถูกมองว่าเหนือกว่า เซเนกัล หลายขุม เพราะมีแข้งระดับโลกมากมาย แต่กลับกลายเป็น "สิงโตแห่งเตรังก้า" ที่ได้เฮ จากประตูชัยในนาทีที่ 30 ของ ปาปา บูบา ดิยอฟ และที่ช็อกหนักไปอีกคือ ฝรั่งเศส จอดป้ายตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม โดยที่ยิงประตูไม่ได้เลย!!! มีแค่แต้มเดียว แถมรั้งบ๊วย 

- เยอรมนี 4-2 คอสตาริกา (เยอรมนี, 2006)

ถือเป็นฟุตบอลโลกครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1970 ที่ชาติเจ้าภาพต้องลงเตะเกมเปิดทัวร์นาเมนต์ ซึ่งถึงแม้บทสรุปไม่มีอะไรที่เหนือความคาดหมาย แต่ถือเป็นเกมที่สนุกเร้าใจทีเดียว เพราะมีประตูเกิดขึ้นมากมาย โดยที่ ฟิลิปป์ ลาห์ม ยิงบอลเสียบสามเหลี่ยมให้ เยอรมนี ขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 6 ทว่านาทีที่ 12 คอสตาริกา ทำเอาแฟนบอลเจ้าภาพเงียบกริบ เมื่อมาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากการหลุดเข้าไปจบสกอร์ของ เปาโล วันโชเป้ กระนั้นนาทีที่ 17 เยอรมนี ขึ้นนำอีกรอบเป็น 2-1 จากการกระทุ้งเพียงไม่กี่หลาของ มิโรสลาฟ โคลเซ่ 

ช่วงครึ่งหลังนาทีที่ 61 เยอรมนี หนีห่างเป็น 3-1 จาก โคลเซ่ เจ้าเก่า โดยถึงแม้นาทีที่ 73 คอสตาริกา ได้ประตูไล่ขึ้นมาจาก วันโชเป้ คนเดิม แต่นาทีที่ 87 "อินทรีเหล็ก" มาได้ประตูย้ำชัย 4-2 จากการยิงไกลอันสุดสวยของ ทอร์สเท่น ฟริงส์ ถือเป็นเกมเปิดหัวบอลโลกที่เอนเตอร์เทนสุดๆ แถมสองประตูจากเกมนี้ ซึ่งก็คือลูกยิงสวยๆ ของ ลาห์ม กับ ฟริงส์ ได้รับการเสนอชิงรางวัลประตูยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ด้วย 

Subinho