ปิดฉากซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ไทยคว้า 233 เหรียญทอง ครองเจ้าเหรียญสมัยที่ 14 ต่ำกว่าเป้า 8 ทอง ฟุตบอล-ตะกร้อผลงานน่าผิดหวัง ขณะมวย-เทควันโด-ยกน้ำหนักโกยเกินเป้า
ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการสำหรับการแข่งขัน มหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ซึ่งประเทศไทยรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ โดย ทัพนักกีฬาไทย ประสบความสำเร็จคว้า 233 เหรียญทอง 154 เหรียญเงิน และ 112 เหรียญทองแดง ครองตำแหน่ง เจ้าเหรียญทองซีเกมส์เป็นสมัยที่ 14 แม้ผลงานโดยรวมจะต่ำกว่าเป้าหมายที่ประเมินไว้เล็กน้อย
ก่อนเริ่มการแข่งขัน สมาคมกีฬานักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมกับสมาคมกีฬา 50 สมาคม ได้ประเมินความหวังเหรียญทองไว้ที่ 241 เหรียญทอง จากการแข่งขันระหว่างวันที่ 19–20 ธันวาคม 2568 อย่างไรก็ตาม ทัพไทยทำได้ 233 เหรียญทอง ขาดเป้าไป 8 เหรียญ แต่ยังเพียงพอในการทิ้งห่างคู่แข่งสำคัญ โดย อินโดนีเซีย คว้าไป 91 เหรียญทอง และ เวียดนาม ได้ 87 เหรียญทอง
สำหรับภาพรวมผลงานสมาคมกีฬา พบว่ามี 18 ชนิดกีฬา ทำผลงานได้ เกินเป้าหมาย โดยเฉพาะ มวยสากล, มวยไทย, เทควันโด, ยกน้ำหนัก, ยูยิตสู และจักรยาน ที่โกยเหรียญทองเป็นกอบเป็นกำ กลายเป็นกำลังหลักช่วยให้ทัพไทยครองตำแหน่งเจ้าเหรียญทองอย่างแข็งแกร่ง
ขณะเดียวกัน มี 15 ชนิดกีฬา ที่ทำผลงานได้ ตามเป้าหมาย ตามการประเมินก่อนการแข่งขัน อาทิ วอลเลย์บอลในร่ม, เทคบอล, อีสปอร์ต, ปันจักสีลัต, รักบี้ และหมากรุกสากล
อย่างไรก็ตาม ยังมี หลายชนิดกีฬา ที่ผลงานต่ำกว่าเป้าหมายอย่างชัดเจน โดยเฉพาะ ฟุตบอลและฟุตซอล ซึ่งตั้งเป้ากวาด 4 เหรียญทอง แต่ไม่สามารถคว้าเหรียญทองได้เลย รวมถึง ตะกร้อ ที่ตั้งเป้าไว้ 11 เหรียญทอง แต่ทำได้เพียง 6 เหรียญทอง นอกจากนี้ยังมี ยิงปืน, โบว์ลิ่ง, มวยปล้ำ, สควอช, ไตรกีฬา และเนตบอล ที่ไม่สามารถคว้าเหรียญทองมาครองได้
สรุปภาพรวมซีเกมส์ ครั้งที่ 33 แม้ทัพนักกีฬาไทยจะทำผลงานต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย แต่ยังคงบรรลุ เป้าหมายใหญ่ในการครองเจ้าเหรียญทอง พร้อมสะท้อนให้เห็นทั้งจุดแข็งจากกีฬาต่อสู้และกีฬาทำเหรียญหลัก รวมถึงจุดอ่อนที่หลายสมาคมจำเป็นต้องเร่งทบทวนและปรับแผนพัฒนาในระยะยาวต่อไป


