ถอดรหัสเหรียญทองและชัยชนะระยะยาวของเวียดนาม

ถอดรหัสเหรียญทองและชัยชนะระยะยาวของเวียดนาม
เกมฟุตบอลชายรอบชิงชนะเลิศ ซีเกมส์ 2025 ไม่ได้จบลงแค่ผลการแข่งขัน 3-2 หลังต่อเวลาพิเศษ หากแต่กลายเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญของฟุตบอลอาเซียน ยุคใหม่ - ค่ำคืนที่เวียดนาม ยืนยันว่าพวกเขาไม่ได้ชนะด้วยอารมณ์หรือโชค แต่มันมาด้วย 'ระบบ, ความเชื่อและการจัดการอย่างมีสติ'

   การคัมแบ็กจาก 0-2 ต่อหน้าแฟนฟุตบอลเจ้าภาพ คือโจทย์ที่โหดที่สุดในแมตช์ระดับภูมิภาค ทว่าทัพดาวทองกลับตอบโจทย์นั้นได้ครบทุกมิติ!!

______________

[ 1 ] วินัยทางอารมณ์: อาวุธลับที่ไม่ปรากฏในสถิติ

   หนึ่งในจุดแตกต่างสำคัญที่สุดของเวียดนาม ในเกมนัดชิงชนะเลิศ ซีเกมส์ 2025 คือความนิ่ง หลังตกเป็นรองถึงสองประตูในครึ่งแรก

   เชื่อได้เลยว่าอินโดนีเซีย, มาเลเซีย หรือฟิลิปปินส์ หากตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน พวกเขาจะตื่นตระหนก ไม่อาจกลับมาได้ เผลอๆ จะถูกยิงประตูที่ 3 และ 4 ตามมาอีกต่างหาก

   ผิดกับเวียดนาม ที่สามารถรักษาโครงสร้างการเล่นเหมือนสกอร์ยัง 0-0 ได้อย่างเหลือเชื่อ

   ไม่มีบอลยาวไร้ทิศทาง, ไม่มีการเร่งเกมแบบไร้แบบแผน, ไม่มีอาการหัวร้อนจากแรงกดดันใน ราชมังคลากีฬาสถาน 

   พวกเขาค่อยๆ เล่นตามแผนที่โค้ชวางไว้ นี่คือผลผลิตของทีมที่ถูกฝึกมาให้รับมือกับเกมใหญ่จริงๆ

______________

[ 2 ] การอ่านเกมและปรับแท็กติกของ คิม ซัง-ซิก

   ครึ่งแรกเป็นของไทย แต่ครึ่งหลังคือพื้นที่ทำงานของกุนซือเกาหลีใต้ - เวียดนาม เร่งจังหวะในโซนด้านหลังมิดฟิลด์ช้างศึก ใช้การวิ่งสอดแทนการครองบอลนาน กระทั่งนำมาซึ่งประตู 1-2 

   การเปลี่ยนตัวไม่ได้เปลี่ยนสไตล์ แต่ใช้มันเป็นแรงขับเคลื่อนให้นักเตะเพรสซิ่งคู่ต่อสู้ด้วยพละกำลังที่สดกว่า

   จากทีมตั้งรับ กลายเป็นทีมบีบพื้นที่สูงขึ้นทีละนิด จนแดนหลังของไทย เริ่มเสียระเบียบ

   นี่ไม่ใช่การแก้เกมแบบหวือหวา แต่คือการบีบคู่แข่งให้ตัดสินใจพลาดด้วยความต่อเนื่อง - คิม ซัง-ซิก คือผู้อยู่เบื้องหลังของการคัมแบ็กอันเหลือเชื่อ ณ ราชมังคลากีฬาสถาน

______________

[ 3 ] ประตูแรก คือการทำลายจิตใจ

   จุดโทษของ เหงียน ดิ่ง บั๊ก (หมายเลข 7) ไม่ได้เปลี่ยนแค่สกอร์เป็น 1-2 แต่มันเปลี่ยนสภาวะจิตใจของทั้งสนาม โดยเฉพาะฝั่งเวียดนาม ที่ดูคึกคักทันตา

   จากความมั่นใจของเจ้าภาพที่เล่นแบบเป็นพระเอกในครึ่งแรก สู่ความลังเลและระเบียบในเกมรับเสียกระบวนท่า

   ฟาน อั๊ญ ตู (Phan Anh Tú) ผู้สื่อข่าวระดับเทียร์ 1 ของเวียดนาม วิเคราะห์ผ่านเว็บไซต์ในประเทศไว้ได้ตรงจุดว่าทัพดาวทองต้องการแค่ประตูเดียว เพื่อเขย่าความมั่นใจของไทย และมันก็เกิดขึ้นจริง

   พอประตูแรกเกิดขึ้น แผงหลังช้างศึกระส่ำทันตา ก่อนจะนำมาซึ่งประตูที่ 2 และประตูชัยในช่วงต่อเวลาการแข่งขันนั่นเอง

______________


[ 4 ] โครงสร้างทีมที่ผ่านเกมใหญ่ มากกว่าอายุในบัตรประชาชน

   แม้จะเป็นทีมรุ่นอายุไม่เกิน 22 ปี แต่แกนหลักของเวียดนาม ชุด ซีเกมส์ 2025 หลายรายผ่านการติดทีมชาติชุดใหญ่ และเกมกดดันระดับอาเซียน มาแล้ว

   เจิ่น จุง เกี๋ยน, ฟ่าม ลี ดึ๊ก, เหงียน เหี่ยว มินห์, เหงียน แทง ญ่าน คือผู้เล่นที่ประเดิมทีมชาติชุดใหญ่ไปแล้ว 

   ขณะที่ เหงียน ไท เซิน, เหงียน ดิ่ญ บั๊ก กับ คว๊าด วัน คัง ก็เล่นให้ทัพดาวทองเกินกว่า 10 เกม

   ส่วนฝั่งไทย มีเพียง เสกสรรค์ ราตรี กับ คคนะ คำยก ที่ลงสนามให้ทีมชาติชุดใหญ่

   เท่ากับว่าความแตกต่างในเรื่องการรับมือกับความกดดันของเวียดนาม - ไทย นั้นค่อนข้างห่างกันพอสมควร 

   ขุนพลสกุลเหงียนชุด ซีเกมส์ 2025 มีความคุ้นชินกับความอึดอัด รู้ว่าช่วงไหนต้องถอย ช่วงไหนต้องเสี่ยง และช่วงไหนต้องปิดเกม

   ในขณะที่ไทย ถึงจะมีทักษะเฉพาะตัวสูง แต่ยังขาดประสบการณ์ในการจัดระเบียบภายใต้ความกดดันเมื่อเกมเริ่มไม่เป็นไปตามแผน

______________

[ 5 ] สภาพร่างกาย: ปัจจัยที่ค่อยๆ เปลี่ยนเกมโดยไม่ต้องยิงประตู

   คำยอมรับจาก ธัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล สะท้อนภาพชัดเจนว่าเวียดนาม แข็งแรงขึ้นตามเวลา ซึ่งสวนทางกับไทย ที่ค่อยๆ แผ่วลงหลังนาฬิกาเดินทางไปช้าๆ

   การเพรสซิ่งในช่วงครึ่งแรกหายไปกับสายลม เหลือเพียงการยืนคุมพื้นที่ไม่ให้คู่ต่อสู้ต่อบอล 

   การถูกเปลี่ยนตัวของ คคนะ คำยก และ เสกสรรค์ ราตรี สองคีย์แมนสำคัญในครึ่งหลัง รวมไปถึงภาพในสนามที่นักเตะหลายๆ คนดูเรี่ยวแรงหดหาย ไม่อาจเร่งเครื่องได้ในช่วงที่ต้องการประตู

   ก่อนนัดชิงชนะเลิศ ซึ่งแข่งขันกันในวันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม ปรากฏว่ามีผู้เล่นไทย บางส่วน ลงสนามให้ต้นสังกัด

   วาริส ชูทอง อยู่ในสนาม 73 นาที ในเกมวันอาทิตย์ (14 ธันวาคม) ที่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ชนะ เมืองทอง ยูไนเต็ด 2-0

   คคนะ คำยก อยู่ในสนามเดียวกัน แต่เป็นฝั่งกิเลนผยอง ทว่าเล่นครบ 90 นาที บวกช่วงทดเวลาการแข่งขัน

   ชยพล อดทน เล่น 90 นาที ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกในเกมที่ สุโขทัย เอฟซี เปิดบ้านชนะ นครราชสีมา เอฟซี 2-1 ในเกมวันเสาร์ (13 ธันวาคม)

   นี่คือบรรดาตัวจริงของไทย ที่ต้องกรำศึกหนักในรอบไม่กี่วัน ซึ่งมันส่งผลถึงสภาพร่างกายที่แตกต่างจากเวียดนาม อย่างชัดเจน 

______________

6. เพราะอดทน จึงได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ

   สื่อเกาหลีใต้ ออกมาแสดงความคิดเห็นตรงกันว่าทีมของ คิม ซัง-ซิก ไม่ได้เล่นฟุตบอลที่หวือหวา แต่เล่นฟุตบอลในจังหวะที่รู้ว่าจะชนะตอนไหน 

   JoongAng Ilbo และ Korea Daily สองสื่อใหญ่แดนกิมจิ มองชัยชนะครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จต่อเนื่องของกุนซือชาวเกาหลีใต้ กับฟุตบอลเวียดนาม โดยระบุว่า ซีเกมส์ ไม่ใช่แชมป์โดดเดี่ยว แต่เป็นชิ้นส่วนสำคัญที่เติมเต็มภาพความสำเร็จตลอดปี 

  การพลิกจาก 0-2 และบุกชนะในบ้านของไทย คือหลักฐานชัดเจนของการบริหารเกมและความแข็งแกร่งทางจิตใจ ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้จากแท็กติกบนกระดานเพียงอย่างเดียว

   ทางด้าน Xportsnews ให้ความสำคัญกับจังหวะเวลา โดยชี้ว่าจุดเปลี่ยนของเกมไม่ได้เกิดจากประตูเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการที่ คิม ซัง-ซิก คุมอารมณ์ทีมไม่ให้ตื่นตระหนกท่ามกลางแรงกดดันจากแฟนๆ เจ้าถิ่น 

   เวียดนาม ยู-22 ยังคงรักษาโครงสร้างการเล่น รอจังหวะสวนกลับอย่างมีแบบแผน ซึ่งสื่อเกาหลีใต้ มองว่านี่คือสัญญาณของทีมที่ถูกฝึกมาให้อดทนและต้านทานแรงกดดันมาอย่างดี

   ดังนั้นนี่คือชัยชนะของทีมที่เข้าใจเกมทัวร์นาเมนต์อย่างแท้จริง

______________

7. ไทย พ่ายแพ้ในเกมจิตวิทยา มากกว่าแท็กติก

   หลังเสียประตูแรก ไทย ไม่สามารถดึงโมเมนตัมกลับมาได้ เพราะดูเหมือนจะเล่นไปเข้าทางเวียดนาม เสียเต็มๆ 

   ขุนพลช้างศึกไม่มีการชะลอเกม, ไม่มีการครองบอลเพื่อดึงจังหวะและดูสะเปะสะปะไปหมด ซึ่งผิดกับครึ่งแรกที่ต่อบอลกันเข้าขารู้ใจในหลายๆ ครั้ง

   การเปลี่ยนจากทีมคุมเกม เป็นทีมที่รอให้เกมจบ เกิดขึ้นเร็วเกินไปและเปิดประตูให้เวียดนาม เดินเข้ามาอย่างมั่นใจ

______________

8. ต่อเวลาพิเศษ คือสนามสอบแคแรกเตอร์

   ประตูชัยของเวียดนาม ไม่ได้มาจากจังหวะมหัศจรรย์ แต่มาจากการโจมตีซ้ำในพื้นที่เดิม - สิ่งที่เกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทีมยังมีสมาธิ, มีพลังเหลือและเล่นด้วยความเยือกเย็น

   หลังจากขึ้นนำ เวียดนาม ไม่ถอยหนี แต่คุมจังหวะ, เล่นตามแท็กติกที่เตรียมมา, ปิดพื้นที่และปล่อยให้เวลาเดินไปเข้าข้างพวกเขา

   กระทั่งเสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้น ความสำเร็จที่รอคอยมาหลายปีก็ถึงคราวสมหวังสักที

______________

9. ชัยชนะที่สะท้อน 'ระบบ' ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง

   สื่อเกาหลีใต้ ไม่ได้ยกย่องเพียง คิม ซัง-ซิก เพียงคนเดียว หากแต่ยังชื่นชมการสร้างทีมแบบมีระบบด้วยแผนการระยะยาว

   นี่คือสิ่งที่บ่งชี้ได้ชัดว่ามันคือผลลัพธ์ของการสร้างทีมที่มีโครงสร้างชัดเจน ตั้งแต่ชุดเยาวชน ไปจนถึงชุดใหญ่

   กุนซือวัย 49 ปี พาเวียดนาม คว้าแชมป์ อาเซียน คัพ 2024 ต่อด้วยยู-23 อาเซียน คัพ 2025 และปิดฉากกับเหรียญทอง ซีเกมส์ 2025 อย่างยิ่งใหญ่

   3 ทัวร์นาเมนต์ติดต่อกันที่ได้สัมผัสโทรฟี่บนแผ่นดินไทย ตอกย้ำให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการวางแผนร่วมกันระยะยาวของสมาคมฟุตบอลในประเทศ

   มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มาจากกระบวนการต่างๆ ที่ตระเตรียมกันมาเป็นปี 

   แม้ลีกในประเทศจะไม่แข็งแรงเท่ากับไทย หรือมาเลเซีย แต่เมื่อถึงเวลาที่ทีมชาติต้องลงสนาม พวกเขา

______________

10. ยุคใหม่ของฟุตบอลอาเซียน เริ่มต้นขึ้นแล้ว

   รอบชิงชนะเลิศ ซีเกมส์ 2025 น่าจะเป็นอีกหนึ่งแมตช์ที่จะถูกบันทึกความทรงจำไปอีกนาน ซึ่งไม่ใช่เพราะไทย แพ้ในบ้าน แต่เพราะมันแสดงให้เห็นว่าฟุตบอลเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเข้าสู่ยุคมหาอำนาจรายใหม่ (แต่หน้าเดิม) กำลังสร้างทีมอีกครั้ง

   เวียดนาม ใช้เกมนี้ยืนยันตัวตนว่าพวกเขากำลังจะก้าวข้ามอาเซียน ให้ได้

   ส่วนฝั่งไทย ต้องนำความพ่ายแพ้ไปเป็นบทเรียนอีกครั้ง

   ทั้งภูมิภาคได้เห็นว่าระดับการแข่งขันได้ก้าวไปไกลกว่าที่เคยเป็นแล้ว

   ฟิลิปปินส์ ทะลุสู่รอบน็อก-เอาต์ได้เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ 

   ติมอร์-เลสเต ที่เคยเป็นสมันน้อยเมื่อหลายปีก่อน ณ วันนี้ พวกเขามีพัฒนาการที่น่าชื่นชม

   มาเลเซีย หรือ สิงคโปร์ ที่เคยยิ่งใหญ่เมื่อครั้งอดีต ทั้งคู่ต่างก็ต้องถีบตัวเองเพื่อทวงคืนพื้นที่ของตนเองในอนาคตข้างหน้า

   การขับเคี่ยวที่เข้มข้นนี่แหละ จะเป็นยาแรงที่ช่วยพัฒนาฟุตบอลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้ยกระดับขึ้นไปข้างหน้า

______________



ที่มาของภาพ : reuters
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport