จาก 2-0 สู่ 2-3 - 5 บทเรียนราคาแพงของช้างศึก ซีเกมส์ 2025!?

จาก 2-0 สู่ 2-3 - 5 บทเรียนราคาแพงของช้างศึก ซีเกมส์ 2025!?
นำก่อน 2-0 แต่จบด้วยความพ่ายแพ้ 2-3 - นัดชิงชนะเลิศ ซีเกมส์ 2025 ไม่ได้พรากแค่เหรียญทองของทีมชาติไทย หากยังทิ้งคำถามสำคัญไว้กับทั้งแท็กติก การแก้เกม และโครงสร้างฟุตบอลในภาพใหญ่

บทเรียนตลอด 90 นาที คือภาพสะท้อนว่าความถูกต้องในช่วงเริ่มต้น ยังไม่เพียงพอ หากไม่สามารถพาทีมไปถึงเส้นชัยได้ในตอนจบ และนี่คือ 5 บทเรียนราคาแพงที่ทัพช้างศึกต้องจดจำ หากไม่อยากให้ความฝันเดิมวนกลับมาซ้ำรอยอีกครั้ง!?

[ 1 ] แผนเริ่มต้นของ ‘โค้ชวัง’ ถูกต้อง และไทยควรนำเกมนี้ให้ขาดตั้งแต่ครึ่งแรก

ต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า เกมในครึ่งแรกคือหนึ่งในฟอร์มที่ดีที่สุดของทีมชาติไทย ชุดยู-23 ในทัวร์นาเมนต์นี้ ทั้งการจัดตัวและแท็กติกของ ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล ถือว่ามาถูกทางแทบทุกจุด

การเลือกใช้ วาริส ชูทอง กับ คคนะ คำยก เป็นตัวจริง ทำให้เกมริมเส้นและแดนกลางของทัพช้างศึกมีทั้งความคล่องตัวและคุณภาพเชิงเทคนิค 

ขณะที่การเติมเกมของฟูลแบ็กทั้งสองฝั่ง ผสานกับการเคลื่อนที่ของ อิคลาส สันหรน, เสกสรรค์ ราตรี และ คคนะ ทำให้แนวรับเวียดนาม ปั่นป่วนแทบทุกครั้งที่ไทย ได้บอล

ที่สำคัญคือการเพรสซิ่งตั้งแต่แดนบน ซึ่ง ‘โค้ชวัง’ มองออกว่าเป็นจุดที่ทีมดาวทองไม่ถนัด 

การบีบเร็ว, ตัดจังหวะและไม่ปล่อยให้ขุนพลสกุลเหงียนได้เซ็ตเกม คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ไทยขึ้นนำ 2-0 และควบคุมเกมได้อย่างที่ควรจะเป็น

อย่างไรก็ตาม การไม่ได้ประตู 3-0 เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้เกมยังเปิดกว้าง เพราะไม่ใช่ว่าใน 45 นาทีแรก ไทย จะไม่มีโอกาสบวกเพิ่ม แต่เมื่อทำไม่ได้ ก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา


[ 2 ] แดนกลางคือหัวใจของเกม – ชัยพล อดทน คีย์แมนที่หลายคนอาจมองข้าม

หนึ่งในรายละเอียดเล็กๆ ที่ส่งผลใหญ่ในครึ่งแรก คือการใช้ ชัยพล อดทน ลงมาเป็นตัวตัดเกมร่วมกับ สิทธา บุญหล้า

มิดฟิลด์จาก สุโขทัย เอฟซี วิ่งไม่มีหมด ไล่บีบ ทำลายจังหวะ และไม่ปล่อยให้เวียดนาม ได้เล่นเกมถนัดง่ายๆ 

หลายจังหวะที่ทัพดาวทองพยายามต่อบอลขึ้นมา แต่กลับถูกตัดตอนตั้งแต่กลางสนาม และนั่นคือเหตุผลที่พวกเขาแทบไม่มีโอกาสเข้าทำแบบถนัดถนี่ใน 45 นาทีแรก

นี่คือบทพิสูจน์ว่าฟุตบอลระดับทัวร์นาเมนต์ใหญ่ บางครั้งคนที่ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ กลับเป็นคนที่กำหนดทิศทางของเกมได้อย่างแท้จริง


[ 3 ] อาการบาดเจ็บของ ชนภัช บัวพันธ์ คือ ‘จุดเปลี่ยนแรก’ ที่ทำให้เกมหลุดมือ

เมื่อ ชนภัช บัวพันธ์ ต้องถูกเปลี่ยนออกด้วยความจำเป็น เกมรับของไทย ก็เริ่มสั่นคลอนทันที ไม่ใช่ว่า พิชิตชัย เศียรกระโทก ที่ลงมาแทนเล่นไม่ดี แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ ชานนท์ ทำมา ยังไม่ลงตัวเหมือนตอนที่ ชนภัช อยู่ในสนาม 

ความไม่สอดประสานนี้ทำให้แนวรับเริ่มเสียตำแหน่ง และเมื่อเวียดนาม ได้ประตูไล่มาเป็น 1-2 อย่างรวดเร็วในครึ่งหลัง โมเมนตัมของเกมก็เปลี่ยนฝั่งในพริบตา


[ 4 ] ครึ่งหลังคือภาพสะท้อน ‘ความต่าง’ ของการแก้เกม

หลังโดนตีเสมอ 2-2 ไทย เหมือนช็อตไปดื้อๆ เกมรุกขาดไอเดีย เกมรับถอยลึก และปล่อยให้เวียดนาม ครองบอลบุกต่อเนื่อง 

ในทางกลับกัน คิม ซัง-ซิก แสดงให้เห็นว่าการแก้เกมของเขาสามารถเปลี่ยนผลการแข่งขันได้จริง 

การถอด ควัต วัน คัง (หมายเลข 11) ซึ่งเป็นกัปตันทีมออก แล้วส่ง เหงียน แทง ญ่าน (หมายเลข 22) ลงมา คือการเดิมพันที่เสี่ยง แต่เขาเลือกจะซื้อความเสี่ยงนั้น ซึ่งมันก็ได้ผลให้เห็นแบบชัดแจ้ง เมื่อแนวรุกตัวใหม่กลายเป็นคนยิงประตูชัย 

ขณะที่การเปลี่ยนตัวของไทย ในครึ่งหลัง ไม่สามารถสร้างอิมแพ็กต์ใดๆ ได้เลย นี่คือช่องว่างที่ตัดสินเกมอย่างแท้จริง


[ 5 ] จากความพ่ายแพ้ สู่การตั้งคำถามครั้งใหญ่ของฟุตบอลไทย

การแพ้เวียดนาม 2-3 ทั้งที่นำก่อน 2-0 ไม่ใช่แค่การพลาดเหรียญทอง แต่คือบทเรียนราคาแพงที่ทำให้ไทย ต้องรอคอยต่อไปครบ 10 ปีเต็ม 

อย่างไรก็ตาม ในความผิดหวังยังมีแสงสว่าง เพราะทัวร์นาเมนต์นี้ได้เผยให้เห็นทั้ง ‘ศักยภาพ’ และ ‘ข้อจำกัด’ อย่างชัดเจน 

ตั้งแต่เรื่องการจัดการภายในประเทศ, ความสามัคคีกันของสโมสรต่างๆม ความต่อเนื่องของแท็กติก, ไปจนถึงการแก้เกมยามตกเป็นรอง มันคือโอกาสในการ เซ็ต ซีโร่ (Set Zero) และเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง  หากทุกฝ่ายกล้ายอมรับความจริง



ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport