จากแชมป์ความเร็วสหรัฐฯ สู่จิ๊กซอว์สำคัญผู้ใช้มาตรฐานอเมริกัน และเทคโนโลยี AI ปรับจูน "เทพบิว" ภูริพล จนสร้างประวัติศาสตร์ Sub-10 พร้อมก้าวสู่โปรเจกต์ระดับโลกอย่างเต็มตัว
ในโลกของกรีฑา "ระยะห่างระหว่างความสำเร็จกับความพ่ายแพ้" บางครั้งมันสั้นเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว และสำหรับคนไทยกำแพงที่ชื่อว่า "10 วินาที" ในระยะ 100 เมตร คือปราการเหล็กที่ดูเหมือนจะไม่มีใครก้าวข้ามได้ ... จนกระทั่งการมาถึงของชายที่ชื่อ เจนทรี แบรดลีย์ (Gentry Bradley)
นี่คือเรื่องราวของอดีตแชมป์ความเร็วชาวอเมริกัน ผู้ผันตัวมาเป็นศาสตราจารย์ด้านลมกรด และกลายเป็น "จิ๊กซอว์" สำคัญที่พา "เทพบิว" ภูริพล บุญสอน ก้าวไปสู่จุดที่นักวิ่งไทยไม่เคยทำได้มาก่อน
จากศิษย์เอก จอห์น สมิธ สู่แชมป์อเมริกา
ก่อนจะมาสวมบทโค้ช แบรดลีย์ คือ "ตัวตึง" ในวงการกรีฑาสหรัฐฯ เขาเติบโตมาจากระบบของ UCLA ภายใต้การเคี่ยวกรำของ จอห์น สมิธ (John Smith) โค้ชระดับตำนานผู้สร้างมนุษย์ที่เร็วที่สุดในโลกอย่าง มอริซ กรีน (Maurice Greene)
ซึ่งโปรไฟล์ของ แบรดลีย์ สมัยเป็นนักวิ่งนั้นไม่ธรรมดา ในปี 1996 คว้าอันดับ 2 ในการแข่งขัน NCAA (ชิงแชมป์มหาวิทยาลัยอเมริกา) ในระยะ 200 เมตร และในปีต่อมา 1997 ผงาดคว้าเหรียญทอง 200 เมตร และวิ่งผลัด 4x100 เมตร ในกีฬามหาวิทยาลัยโลก (World University Games) ที่อิตาลี
สุดท้ายในปี 1998 แบรดลีย์ สร้างเซอร์ไพรส์ คว้า "แชมป์สหรัฐอเมริกา" (USA National Champion) ในระยะ 200 เมตร และคว้าอันดับ 2 ในศึก IAAF World Cup ที่แอฟริกาใต้
แบรดลีย์ เติบโตมาพร้อมกับ มอริซ กรีน, อาโต โบลดอน และ จอน ดรัมมอนด์ ซึ่งประสบการณ์ในสนามที่ต้องเบียดกับนักวิ่งระดับ Sub-10 มาตลอดชีวิต คือคลังความรู้ที่ไม่มีในตำราเล่มไหน
นักปั้นมือทอง
หลังจากแขวนรองเท้าตะปู แบรดลีย์ ก็เริ่มพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า "สายตา" ของเขานั้นคมกริบเพียงใด เขาเดินทางไปสร้างชื่อในตะวันออกกลางและทำให้โลกรู้จักคำว่า "ความเร็วระดับเอเชีย"
ในปี 2008-2011 เขาพา ทีมชาติซาอุดีอาระเบีย คว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2010 วิ่งผลัด 4x400 เมตร พร้อมทำสถิติเป็นอันดับ 8 ของโลก
ต่อมา ในปี 2012 เขาไปที่ประเทศกาตาร์ ซึ่งเรียกได้ว่านี่คือผลงานระดับมาสเตอร์พีซของ แบรดลีย์เขาดึงศักยภาพของ ซามูเอล ฟรานซิส (อดีตเจ้าของสถิติเอเชีย) ให้กลับมาวิ่ง 10.08 วินาทีได้อีกครั้งในวัยที่หลายคนมองว่าขาลงแล้ว
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด เขาปั้น เฟมิ โอกูโนเดะ คว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2014 พร้อมสถาปนาสถิติเอเชียใหม่ในตอนนั้นที่ 9.93 วินาที (อันดับ 5 ของโลกในปีนั้น)
ภารกิจปั้น "เทพบิว"
เมื่อสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยดึงตัว แบรดลีย์ เข้ามา สิ่งแรกที่เขาทำไม่ใช่การสั่งให้วิ่งเร็วขึ้น แต่คือการ "ปรับจูนความคิด" และ "เทคนิค"
ในศึก ซีเกมส์ 2025 ที่กรุงเทพฯ ความกดดันมหาศาลถาโถมใส่ "เทพบิว" ภูริพล บุญสอน เด็กหนุ่มวัย 19 ปีที่คนทั้งชาติต้องการเห็นเขาทำ "Sub-10"
แบรดลีย์ เล่าว่าเขารับรู้ถึงแรงกดดันนั้น และวางแผนอย่างแยบยล
"ในรอบรองชนะเลิศ เขาไม่ได้กดดันมากนัก ผมบอกเขาว่าให้วิ่งสบายๆ และเขาก็ทำ Sub-10 (9.94) ได้สำเร็จ เราปลดล็อกเป้าหมายใหญ่ได้ตั้งแต่นั้น พอถึงรอบชิงผมบอกเขาว่า 'เฮ้ย ไม่ต้องสนเรื่องเวลา 9 วินาทีแล้ว ตอนนี้แค่เอาชนะและคว้าทองให้ได้พอ'"
ผลลัพธ์คือ 9.94 วินาที ในรอบคัดเลือก (สถิติใหม่ไทย/ซีเกมส์/อาเซียน) และเหรียญทอง 100 เมตรในรอบชิงด้วยเวลา 9.99 วินาที ถือเป็นนักวิ่งเอเชียแท้ ๆ ไม่กี่คนที่เข้าใกล้กำแพงนี้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
มากกว่าแค่โค้ช แต่คือ "นักวางแผน"
สิ่งที่ทำให้ แบรดลีย์ ต่างจากโค้ชทั่วไป คือความใฝ่รู้ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง แม้จะอายุ 51 ปีแล้ว แต่เขายังคงศึกษาต่อในระดับ ปริญญาเอก ด้านการเคลื่อนไหวของมนุษย์ (Health and Human Movement) และใช้เทคโนโลยีอย่าง AI มาช่วยวิเคราะห์ท่าวิ่ง
การเข้ามาของเขาเปรียบเสมือนการนำ "มาตรฐานอเมริกัน" มาวางไว้บนลู่วิ่งไทย เขาไม่ได้สอนแค่ให้วิ่งไว แต่เขาสอนให้ "วิ่งเป็น" และจัดการกับแรงกดดันระดับโลกได้
"เทพบิว" ในวันนี้ภายใต้การดูแลของ แบรดลีย์ ไม่ได้เป็นเพียงดาวรุ่งของอาเซียนอีกต่อไปแล้ว แต่คือ "โปรเจกต์ระดับโลก" ที่มีมือระดับโลกคอยประคอง และเราอาจจะได้เห็นสถิติที่น่าเหลือเชื่อกว่า 9.94 วินาที ในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน