"มิกซ์-หว่าหวา" ร่ำไห้แถลงโต้สมาคมกีฬาแบดฯ ปมซีเกมส์ ชี้ใช้ "ดุลพินิจ" เหนือกฎ

เมื่อช่วงสายของวันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม 2568 หลังกรณีร้อนที่ สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้แถลงชี้แจงเกี่ยวกับการตัดชื่อนักกีฬาคู่ผสม "มิกซ์" รัชพล มรรคศศิธร กับ "หว่าหวา" นัทธมน ไล่สวน ออกจากรายชื่อเข้าร่วมการแข่งขัน ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ไปเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา 

ล่าสุด ในช่วงสายของวันเดียวกัน ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 25 ชั้น การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) "มิกซ์" รัชพล มรรคศศิธร และ "หว่าหวา" นัทธมน ไล้สวน นักแบดมินตันคู่ผสม แชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2567 ได้เปิดใจถึงประเด็นที่ถูกสมาคมกีฬาแบดมินตันฯ ตัดสิทธิ์แข่ง ซีเกมส์ พร้อมเข้าติดตามเรื่องกับ กกท. หลังเคยยื่นเรื่องไปแล้วแต่ยังไม่มีความคืบหน้า นอกจากนี้ ทีมทนายความยังเตรียมยื่นหนังสือ (โนติส) ไปยังสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ เพื่อเจรจาพูดคุยต่อไป

"มิกซ์" รัชพล ยืนยันว่า ตนเองถูกแจ้งให้ออกจากประเภทคู่ผสมในคืนเดียวกับที่คว้าแชมป์ประเทศไทยในปี 2567 โดยอ้างถึงเหตุการณ์ในวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 เวลา 21:00 น. ขณะที่กำลังฝึกซ้อมอยู่ โค้ช "โค้ชเอ" มณีพงศ์ จงจิตร ได้เรียกเข้าห้องเพื่อแจ้งว่า จะไม่มีการสนับสนุนตนเองในประเภทคู่ผสมอีกต่อไป ซึ่งในคืนวันนั้น ตนได้พูดคุยกับ คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมฯ ในช่วงเวลานั้น ก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะเปลี่ยนไปซ้อมในประเภทชายคู่จนกระทั่งแข่ง ชิงแชมป์ประเทศไทย

มิกซ์ รัชพล แสดงความรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมที่ไม่ถูกพิจารณาติดทีมชาติไทยไปแข่งขัน ซีเกมส์ เนื่องจากเชื่อว่าตนเองเข้าเงื่อนไขตามกฎเกณฑ์การคัดเลือกนักกีฬาทีมชาติของปี 2567 ตามที่สมาคมฯ เคยแถลง โดยระบุว่า การติดทีมชาติจะกำหนดจาก 1) ผู้ชนะเลิศรายการชิงแชมป์ประเทศไทย หรือ 2) นักกีฬาระดับโลกที่มีแรงกิ้งอันดับ 1-32 ของโลก

นักกีฬาคู่ผสมแชมป์ประเทศไทย 2567 เผยว่า การคัดเลือกทีม ซีเกมส์ ครั้งนี้ เหมือนสมาคมกีฬาแบดมินตันฯ ได้ "ใช้ดุลพินิจ" ในการพิจารณา มากกว่าการใช้กฎระเบียบที่สมาคมฯ สร้างขึ้นมา ซึ่งทำให้รู้สึกว่าอำนาจในการใช้ดุลพินิจของสมาคมฯ นั้น "ใหญ่กว่ากฎระเบียบ" และไม่เป็นธรรมต่อตนเอง

ทั้งนี้ รัชพล เปิดเผยว่า หลังหลุดโผซีเกมส์ ตนได้พูดคุยกับสมาคมฯ ถึงแนวทางการเยียวยาที่ควรจะได้รับ โดยได้ยื่นข้อเสนอขอให้สมาคมฯ ส่งตนเองไปแข่งขันระดับนานาชาติ จำนวน 15 รายการ ในปีหน้า แต่สมาคมฯ แจ้งว่าจำนวนรายการเยอะเกินไป จึงลดลงเหลือ 12 รายการ ซึ่งสมาคมฯ ก็ยังไม่สามารถตอบรับได้

ทาง "พี่เอก" นายอุดมศักดิ์ ชื่นครุฑ เลขาธิการสมาคมกีฬาแบดมินตันฯ ได้เสนอแนวทางให้ทำเป็น "Challenge" โดยนักกีฬาจะต้องสามารถเข้าถึงรอบ 8 คน ในการแข่งขัน และจะพิจารณาเป็นรายรายการไป ซึ่งตนต้องจัดทำแผนการส่งแข่งขันเอง แต่ รัชพล ไม่ยอมรับข้อเสนอนี้ เนื่องจากต้องการให้สมาคมฯ ส่งแข่งขันเพื่อไปเก็บคะแนนอันดับโลกอย่างจริงจังตามวัตถุประสงค์ของการพัฒนานักกีฬา และเพื่อได้ประลองฝีมือกับมือระดับโลก หากสมาคมฯ ไม่ให้สิทธิ์แข่ง ซีเกมส์ ทางเลือกคือการเยียวยาเพื่อพัฒนาศักยภาพโดยการส่งแข่งขันต่างประเทศ

ด้าน “หว่าหวา” นัทธมน ไล้สวน ได้กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือว่า "หนูรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากค่ะ เพราะเคยตั้งเป้าหมายอยากลงแข่งขันในรายการนี้มาโดยตลอด หนูตีแบดมาก็อยากติดทีมชาติ อยากติดด้วยความสามารถของตัวเอง พอได้แชมป์ประเทศไทยก็รู้สึกเหมือนได้ปลดล็อคตัวเองไปแล้วขั้นหนึ่ง"

สุดท้ายนี้ นักกีฬาทั้งคู่ได้ยืนยันแนวทางการดำเนินการต่อไป โดยมอบหมายให้ทนายความดำเนินการส่งหนังสือไปยัง สมาคมกีฬาแบดมินตันฯ เพื่อเจรจาพูดคุย รวมถึงเตรียมยื่นหนังสือถึง ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อติดตามเรื่องราวนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป