กกท.น้อมรับคำจิจารณ์มาสคอตซีเกมส์ "ดร.ก้อง" ยันไม่ขัดกฎระเบียบโอลิมปิก

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นางโปรดปราณ สมานมิตร รองผู้ว่าฝ่ายกีฬาอาชีพ และกีฬามวย, นพ.มีชัย อินวู๊ด รองผู้ว่าการ ฝ่ายบริหาร และ นายปรีชา ลาลุน รองผู้ว่าการ ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา ร่วมงานนับถอยหลัง 61 วัน ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ลานเอนกประสงค์ การกีฬาแห่งประเทศไทยจัดงาน ซึ่งจะมีขึ้นระหว่าง 9-20 ธ.ค.

ภายหลังงานจบลง ดร.ก้องศักด ได้เปิดเผยถึงประเด็น มาสคอต ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่มีการเปลี่ยนเแปลงเป็นลายธงชาติ และถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องชาตินิยมว่าไม่เหมาะกับการเป็นมาสคอตในกีฬาระดับนานาชาตินั้น ว่า เราน้อมรับคำวิจารณ์เรื่องนี้ อย่างไรก็ตามเรามองว่า มาสคอตใหม่เป็นการสื่อถึงการรักชาติ และความภาคภูมิใจในความเป็นชาติ การถูกวิจารณ์เรื่องสีธงชาตินั้นก็ไม่ได้ขัดต่อกฎโอลิมปิกนานาชาติ เพราะใน โอลิมปิก 2024 ที่ปารีส ฝรั่งเศส มาสคอตก็ถือธงชาติ ส่วนโอลิมปิก 2012 ที่อังกฤษ ก็มีลายธงชาติยูเนียนแจ็กบนตัวมาสคอต

"มาสคอตเดิม 7 ตัวไม่ได้ถูกยกเลิก แต่จะยังมีส่วนร่วมกับซีเกมส์ และ อาเซียน พาราเกมส์ ทั้งหมด แต่การรวบเหลือเพียง 2 ตัวนั้น เป็นนโยบายที่รัฐมนตรีว่าการกระทรองท่องเที่ยวและกีฬา อรรถกร ศิริลัทธยากร เสนอให้ใช้เพื่อมอบให้กับนักกีฬาตอนมอบเหรียญเป็นหลัก"

ผู้ว่าการกกท. ยังเผยอีกว่า ในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 เรามีมติที่จะกันโควตาบัตรเข้าชมกีฬาให้กับนักเรียน นักศึกษา และผู้พิการ ได้สามารถเข้ามาชมการแข่งขัน ของนักกีฬาไทยได้ ส่วนโควตาที่เหลือก็จะเป็นของประชาชนทั่วไป แต่ก็ต้องเข้ามาลงทะเบียนในระบบก่อน ส่วนเรื่องการหยุดเรียนของสถานศึกษาในพื้นที่ใกล้กับสถานที่จัดการแข่งขัน ตนก็ไม่อยากให้การแข่งขันส่งผลกระทบในวงกว้าง เรื่องนี้อาจเป็นดุลยพินิจของสถานศึกษาที่ใกล้เคียงสนามแข่ง อย่างไรก็ตามในบางสถานสถานศึกษา หรือพื้นที่ใกล้เคียงกับสนามบินแข่งขัน ซึ่งอาจได้รับผลกระทบในช่วงจัดซีเกมส์ เราก็อาจจะขอความร่วมมือเป็นกรณีพิเศษให้หยุดทำการเรียนการสอนที่สถานศึกษาก่อน