การกีฬาแห่งประเทศไทย รับลูกนโยบายรองนายกรัฐมนตรี ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อรรถกร ศิริลัทธยากร เดินหน้าแก้ปัญหาปมเปตองในซีเกมส์ ผู้ว่าการกกท.ยันทำหนังสือพร้อมส่งทีมตัวแทนรัฐบาลขี้แจงละเอียดยิบทุกประเด็น มั่นใจได้รับไฟเขียวจากก่อนหน้าที่ถูกแบนห้ามแข่ง กลับมาจัดได้อีกครั้งในซีเกมส์ 2025
หลังจาก สมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทยฯ ถูกสหพันธ์เปตองนานาชาติ (FIPJP) ส่งหนังสือสั่งห้ามประเทศไทยจัดการแข่งขันเปตองในมหกรรมซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ปลายปีนี้ เนื่องจากมองว่าคณะกรรมการบริหารสมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทยฯ ที่ถูงลงโทษแบน ยังคงเข้ามายุ่งเกี่ยวในการเตรียมนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน ก่อนที่ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลด้านกีฬา เป็นประธานในการประชุมติดตามความคืบหน้าการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬา ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และสั่งด่วนให้เดินหน้าเจรจานำกีฬาเปตองกลับมาจัดการแข่งขันในซีเกมส์ครั้งนี้ให้ได้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ก.ย.68 ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ออกมาเผยว่า หลังจากได้รับมอบนโยบายจากท่านรองนายกรัฐมนตรี ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า และท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อรรถกร ศิริลัทธยากร มีนโยบายที่ชัดเจนว่า ครั้งนี้เราต้องพยายามที่จะผลักดันให้มีการแข่งขันกีฬาเปตองในซีเกมส์ให้ได้ ซึ่งเราก็ต้องพยายามทุกวิถีทาง ที่ผ่านมา กกท. ก็ได้ดำเนินการตามกรอบของกฎหมายทุกอย่าง พยายามที่จะให้เปตองได้จัดการแข่งขันในซีเกมส์อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามอาจจะยังมีการเข้าใจคลาดเคลื่อน ได้รับข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน ซึ่งท่านก็ได้สั่งการให้การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้ชี้แจงข้อมูลให้ครบถ้วน รวมถึงทำความเข้าใจกับสหพันธ์เปตองนานาชาติด้วย
"เราจะย้ำชี้แจงไปอีกครั้งหนึ่งว่าในเรื่องของการบริหารจัดการในการแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้ของเปตอง เราให้อำนาจคณะกรรมการกลาง ในการพิจารณาตั้งแต่กระบวนการคัดตัว, ฝึกซ้อม, ส่งแข่งขัน และการจัดการแข่งขันด้วย ซึ่งคณะกรรมการกลางไม่ได้เข้ามาดูเพียงแค่ซีเกมส์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการดูแลนักกีฬาส่งแข่งขันต่างประเทศ ในระดับนานาชาติทั้งหมดจนกว่าจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นที่สิ้นสุด ซึ่งท่านรองนายกฯ ก็ได้ย้ำอีกว่าในการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะต้องทำอย่างโปรงใส จะต้องมีบุคคลจากหน่วงงานภายนอกเกี่ยวกับเรื่องสืบสวนสอบสวน ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการ(ป.ป.ง.), กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) หรือแม้กระทั่ง สำนักงานอัยการสูงสุด ด้วย ซึ่งจะเป็นการสอบข้อเท็จจริงที่โปรงใส มีความยุติธรรม เปิดโอกาสอย่างเต็มที่ให้ทุกฝ่ายได้แสดงเอกสารหลักฐาน และขอความกรุณาไปยังทางสหพันธ์ ให้ส่งเอกสารหลักฐานมาให้ กกท. ด้วย เพราะที่ผ่านมาเราก็ยายามที่จะนำเอกสารที่ครบถ้วนมาพิจารณาแต่ก็ยังไม่ได้มา"
"ครั้งนี้ท่านรองนายกฯ ได้กรุณาทำหนังสือส่งไปให้ทางสหพันธ์เองด้วย เป็นการยืนยันว่าประเทศไทย และรัฐบาลไทยพร้อมเดินหน้า มุ่งมั่นที่จะจัดการแข่งขันเปตองในซีเกมส์ให้ประสบความสำเร็จเพื่อประโยชน์ของนักกีฬา"
"เนื้อความของจดหมายที่ กกท.ส่งไปจะเป็นการชี้แจง แสดงความเสียใจ และขอโทษในเรื่องที่อาจจะมีการสื่อสารที่ไม่ครบถ้วนถูกต้อง พร้อมชี้เแจงระบุลงไปให้ชัดเจนว่าตอนนี้ประเทศไทยกำลังมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ เราไม่ได้นิ่งนอนใจจากกรณีที่มีการถูกกล่าวหาว่ามีการกระทำผิดของนายกสมาคมกีฬาเปตอง ทำให้เป็นที่มาของการถูงลงโทษแบนจากสหพันธ์ รัฐบาลไทยจริงจังอย่างมากและได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ซึ่งก็จะการันตีว่าไม่มีการลำเอียงไปเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ประเด็นที่สองคือเรื่องความชัดเจนว่าตอนนี้เราให้สมาคมฯยุติบทบาทที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันซีเกมส์ทั้งหมด ระหว่างนี้ก็จะให้คณะกรรมการกลางที่ตั้งขึ้นมาเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันซีเกมส์ รวมถึงการแข่งขันเปตองระดับนานาชาติด้วย ซึ่งจะเป็น 2 ข้อหลักในหนังสือที่จะส่งไปให้สหพันธ์"
"ทุกคนมีเจตนาที่ดีที่อยากจะเห็นกีฬาเปตองได้จัดการแข่งขันในซีเกมส์ ไม่ใช่แต่ประเทศไทยเท่านั้น ประเทศอื่นๆตอนนี้ลงทะเบียนมา 8 ประเทศ ซึ่งจะเป็นว่าเปตองเป็นที่นิยมในประเทศอาเซียน เป็นกีฬาหลักในซีเกมส์ด้วย ครั้งนี้เราเป็นเจ้าภาพ และประเทศไทยเป็นประเทศชั้นนำในวงการเปตองโลก ถ้าไม่ได้จัดก็จะเกิดความเสียหาย ส่วนตัวยังเชื่อมั่นว่าเป็นไปได้ที่เปตองจะกลับมาจัดการแข่งขันในซีเกมส์ ทางคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ก็จะบินไปคุยเพื่อสร้างความมั่นใจให้สหพันธ์ได้เห็นความมุ่งมั่นจริงๆในการจัดการแข่งขันเปตองครั้งนี้ให้เป็นไปตามมาตรฐานของสหพันธ์" ผู้ว่าการ กกท. กล่าวทิ้งท้าย