โอลิมปิคไทย ยึดมติสหพันธ์เปตองโลก รับรอง คณะกรรมการกลาง ส่งนักกีฬาแข่งขัน ซีเกมส์ครั้งที่ 33 พร้อมเรียกร้อง กกท. เบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงและงบสนับสนุนตรงนักกีฬา
ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย (ผศ.พิมล ศรีวิกรม์) ยืนยันทางออกปัญหากีฬาเปตองใน ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 คือการยอมรับการทำงานของ คณะกรรมการกลาง ที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์เปตองโลก หากมีการเปลี่ยนชุดทำงาน นักกีฬาไทยมีสิทธิ์ถูกแบน และส่งผลเสียต่อประเทศชาติระยะยาว พร้อมเรียกร้องให้ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงนักกีฬาและผู้ฝึกสอนที่คณะกรรมการกลางคัดเลือก
ปัญหาดังกล่าวเกิดจาก สมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ถูกสหพันธ์เปตองนานาชาติ (FIPJP) และ สหพันธ์กีฬาเปตองและโบว์ลโลก (WPBF) สั่งแบน เนื่องจากข้อกังวลเรื่องคุณสมบัติคณะกรรมการบริหารสมาคม ส่งผลให้นักกีฬาไม่สามารถแข่งขันนานาชาติและซีเกมส์ได้ คณะกรรมการโอลิมปิคไทยจึงประสานให้ กกท. แต่งตั้งคณะกรรมการกลางรับผิดชอบการคัดเลือกและจัดส่งนักกีฬาในนามคณะกรรมการโอลิมปิค
วันที่ 15 กันยายน 2568 ผศ.พิมล พร้อมด้วย นายกองเอกชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ซีอีโอสำนักงานซีเกมส์, นายธนา ไชยประสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคฯ และ พล.อ.มังกร โกสินทรเสนีย์ ประธานคณะกรรมการกลาง แถลงข่าวถึงความคืบหน้าที่ห้องประชุมคณะกรรมการโอลิมปิคฯ
ผศ.พิมล กล่าวว่า คณะกรรมการกลางได้ส่งชื่อนักกีฬาเข้าร่วมซีเกมส์เรียบร้อย แต่ยังมีปัญหาเรื่องเบี้ยเลี้ยงและงบประมาณที่เกี่ยวข้อง หาก กกท. ยังให้สมาคมเดิมเข้ามาจัดส่งนักกีฬา จะขัดต่อการรับรองของสหพันธ์และไม่สามารถแข่งขันได้
ทั้งนี้ หากมีการแต่งตั้งบุคคลใหม่ที่ไม่เป็นไปตามการรับรองของสหพันธ์ การแข่งขันเปตองในซีเกมส์จะไม่ได้รับรอง นักกีฬาไทยอาจถูกแบนระยะยาว ส่งผลเสียต่อชื่อเสียงประเทศชาติ
ด้าน นายชัยภักดิ์ ย้ำให้ กกท. ยึดหลักความถูกต้องและยอมรับคณะกรรมการกลางชุดที่ พล.อ.มังกร เป็นประธาน ดำเนินงานจัดส่งนักกีฬาโดยตรง และเตือนหากมีการฝืนอาจทำให้กีฬาเปตองไทยเสียโอกาสแข่งขันนานาชาติ
พล.อ.มังกร ทิ้งท้ายว่า การแก้ปัญหานี้ควรยึดประโยชน์ของนักกีฬาและประเทศชาติเป็นหลัก ดำเนินการให้ถูกต้องตาม พรบ.การกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ.2558 มาตรา 86 เพื่อให้ทุกอย่างราบรื่นและลงตัวที่สุด