โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในตำนานนักเทนนิส หลังประสบความสำเร็จมากมายตลอดอาชีพ จนนำไปสู่การมีชื่อบรรจุเข้าหอเกียรติยศเทนนิสนานาชาติ ( International Tennis Hall of Fame) ประจำปี 2026 ซึ่งพิธีทางเป็นทางการจะมีขึ้นในนิวพอร์ต รัฐโรด ไอส์แลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เดือนสิงหาคมปีหน้า
การเดินทางของ "เฟดเอ็กซ์" จนกระทั่งได้รับเกียรติยศนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะนอกจากความสำเร็จในการคว้าแชมป์แล้ว ผลงานที่คงเส้นคงวาของเขาทำให้แฟนแร็กเกตทั่วโลกต้องทึ่ง
เพื่อเป็นการเชิดชูความยิ่งใหญ่ของ ยอดนักหวดจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จึงขอนำ 26 สถิติที่น่าเหลือเชื่อตลอดอาชีพนักเทนนิสของ "เฟดเอ็กซ์" ซึ่งทำให้เขายิ่งใหญ่จนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในตำนานวงการแร็กเกตไปแล้ว
1. เฟเดอเรอร์ สามารถสร้างประวัติศาสตร์ครองมือ 1 ของโลกยาวนาน 237 สัปดาห์ติดต่อกันทั้งในระดับเอทีพี และ ดับเบิ้ลยูทีเอ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดจนถึงปัจจุบัน ที่สำคัญเขายังครองตำแหน่งดังกล่าวรวมทั้งสิ้น 310 สัปดาห์
2. เขาเป็นผู้เล่นคนเดียวในประวัติศาสตร์เทนนิส ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ที่สามารถคว้าแกรนด์สแลมสองรายการต่างกันติดต่อกันถึง 5 ปี โดยครองแชมป์วิมเบิลดัน 5 สมัยรวดตั้งแต่ปี 2003–2007 และครองแชมป์ยูเอส โอเพ่น 5 สมัยรวดตั้งแต่ปี 2004–2008
3. "เฟดเอ็กซ์" เป็นแร็กเกตชายเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์เทนนิสที่สามารถคว้าแกรนด์สแลม 3 รายการต่างกันได้อย่างน้อย 5 ครั้งต่อรายการ โดยมี 6 แชมป์ออสเตรเลียน โอเพ่น, 8 แชมป์วิมเบิลดัน และ 5 แชมป์ยูเอส โอเพ่น (นอกจากนี้เขายังเคยคว้าแชมป์เฟร้นช์ โอเพ่น 1 สมัยในปี 2009)
4. เคยผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ 4 ปีติดต่อกันในศึกเฟร้นช์ โอเพ่น, วิมเบิลดัน และ ยูเอส โอเพ่น โดยเขาเข้าชิงทั้ง 3 แกรนด์สแลมในปี 2006, 2007, 2008 และ 2009 นอกจากนี้ยังเข้าชิงออสเตรเลียน โอเพ่น 3 ปีจากช่วงเวลาดังกล่าวอีกด้วย
5. จบซีซั่นในฐานะมือ 1 โลกถึง 5 ครั้งในปี 2004, 2005, 2006, 2007 และ 2009 ซึ่งถือเป็นตัวเลขมากที่สุดเป็นอันดับสามในประวัติศาสตร์แรงกิ้ง เอทีพี ร่วมกับ จิมมี่ คอนเนอร์ส และ ราฟาเอล นาดาล เป็นรองเพียงโนวัค ยอโควิช (8 ครั้ง) และ พีท แซมพราส (6 ครั้ง) เท่านั้น
6. คว้าแชมป์รายการ เอทีพี ไฟนั่ลส์ ทั้งหมด 6 ครั้งในปี 2003, 2004, 2006, 2007, 2010 และ 2011 ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ของทัวร์นาเมนต์ที่มีมาตั้งแต่ปี 1970 เป็นรองเพียง ยอโควิช ซึ่งทำได้ 7 ครั้ง
7. ชนะรวด 7 แมตช์ในรอบชิงชนะเลิศแกรนด์สแลม 7 ครั้งแรกของเขา ถือเป็นสถิติเริ่มต้นในรอบชิงชนะเลิศแกรนด์สแลมที่ไร้พ่ายมากที่สุดของประเภทชายเดี่ยวในยุคโอเพ่น
8. การคว้าแชมป์วิมเบิลดัน 8 สมัยของเขาในปี 2003, 2004, 2005, 2006, 2007, 2009, 2012 และ 2017 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดตลอดกาลของประเภทชายเดี่ยวในทัวร์นาเมนต์เทนนิสที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก
9. ครองตำแหน่งมือหนึ่งโลกในช่วงเวลา 9 ปีที่แตกต่างกัน โดยสัมผัสอันดับสูงสุดติดต่อกันตั้งแต่ปี 2004 ถึง 2010 และยังกลับมาครองอันดับหนึ่งอีกในปี 2012 และ 2018 ด้วย
10. ทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศศึกแกรนด์สแลม 10 รายการติดต่อกัน ตั้งแต่วิมเบิลดันปี 2005 จนถึงยูเอส โอเพ่นปี 2007 ซึ่งเป็นสถิติการเข้าชิงแกรนด์สแลมติดต่อกันยาวที่สุดของประเภทชายเดี่ยวในประวัติศาสตร์เทนนิส และหลังจากพ่ายต่อ ยอโควิช ในรอบรองชนะเลิศ ออสเตรเลียน โอเพ่น ปี 2008 เขาก็กลับมาทะลุเข้ารอบชิงในแกรนด์สแลมต่อไปอีก 8 รายการติดต่อกัน เป็นสถิติการเข้าชิงแกรนด์สแลมติดต่อกันอันดับสองประเภทชายในประวัติศาสตร์วงการแร็กเกต
11. การเสิร์ฟเอซรวมตลอดอาชีพจำนวน 11,478 ครั้ง ซึ่งเป็นอันดับสามสูงสุดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ เอทีพี เริ่มเก็บสถิติการเสิร์ฟในปี 1991 โดยเขาเป็นรองเพียง จอห์น อิสเนอร์ (14,470 ครั้ง) และ อีโว คาร์โลวิช (13,728 ครั้ง)
12. คว้าแชมป์เอทีพี รวม 12 รายการในปี 2006 ซึ่งยังคงเป็นสถิติสูงสุดในซีซั่นเดียว นับตั้งแต่ โทมัส มุสเตอร์ เคยทำได้ 12 รายการในปี 1995 โดยผลงานของ เฟเดอเรอร์ ในปี 2006 ครอบคลุมถึง 3 แกรนด์สแลม ได้แก่ ออสเตรเลียน โอเพ่น, วิมเบิลดัน และยูเอส โอเพ่น รวมถึงแชมป์ เอทีพี ไฟนั่ลส์ ด้วย
13. คว้ารางวัล "สเตฟาน เอ็ดเบิร์ก สปอร์ตแมนชิพ อวอดส์" สูงสุดเป็นสถิติ 13 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2004-2009 และ 2011-2017 (นาดาล คว้ารางวัลนี้ในปี 2010) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรางวัล เอทีพี รวมทั้งสิ้น 40 รางวัลที่เขาทำได้ตลอดอาชีพ
14. ติดอันดับท็อป 10 ของโลกติดต่อกันยาวนานกว่า 14 ปี ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2002 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2016 ระยะเวลา 734 สัปดาห์ซึ่งถือเป็นอันดับสามที่ยาวที่สุดในประวัติศาสตร์แรงกิ้ง เอทีพี รองจาก นาดาล 912 สัปดาห์ (2005-2023) และจิมมี่ คอนเนอร์ส 789 สัปดาห์ (1973-1988)
15. คว้าแชมป์ เอทีพี อย่างน้อย 1 รายการต่อเนื่องกัน 15 ปี ตั้งแต่ปี 2001 ถึงปี 2015 โดยเขาไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ในปี 2016 เนื่องจามีอาการบาดเจ็บที่เข่า ก่อนจะกลับมาคว้าแชมป์อย่างน้อย 4 รายการต่อปี ตั้งแต่ปี 2017 ถึงปี 2019
16. เก็บชนะ 50 แมตช์ขึ้นไปใน 16 ซีซั่นที่ต่างกัน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดของประเภทชายในยุคโอเพ่น โดย เฟเดอเรอร์ ทำได้ทุกปีตั้งแต่ 2002-2012 และต่อมาในปี 2014, 2015, 2017, 2018 และ 2019
17. ทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศ 17 ทัวร์นาเมนต์ติดต่อกันระหว่างปี 2005-2006 หลังจากแพ้ให้กับ นาดาล ในรอบรองชนะเลิศ ศึกยูเอส โอเพ่น ปี 2005 เขาก็เข้ารอบชิง 6 ทัวร์นาเมนต์ที่ลงแข่งขันในปีนั้น (ชนะ 5 รายการ) และต่อเนื่องไปยัง 11 ทัวร์นาเมนต์แรกของปีถัดมา (ชนะ 7 รายการ) ก่อนจะถูก แอนดี้ เมอร์เรย์ หยุดสถิติในรอบ 2 ของทัวร์นาเมนต์ซินซินเนติ โอเพ่น ปี 2006
18. จบซีซั่นในอันดับท็อป 10 ถึง 18 ครั้ง เทียบเท่ากับ นาดาล และ ยอโควิช ในฐานะนักเทนนิสที่จบซีซั่นในอันดับท็อป เทน มากที่สุดในประวัติศาสตร์แรงกิ้ง เอทีพี โดยเขาจบแบบนี้ทุกปีตั้งแต่ 2002-2020 ในกลุ่มผู้เล่นชั้นนำ ยกเว้นซีซั่น 2016 ที่ประสบปัญหาบาดเจ็บ
19. คว้าแชมป์ เอทีพี ใน 19 ประเทศตลอดอาชีพ โดยรวมแล้วเขาคว้าไปทั้งหมด 103 รายการ โดยแบ่งตามประเทศดังนี้: สหรัฐอเมริกา (23), เยอรมนี (16), สวิตเซอร์แลนด์ (11), สหราชอาณาจักร (10), ออสเตรเลีย (8), สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (8), จีน (4), ฝรั่งเศส (3), เนเธอร์แลนด์ (3), กาตาร์ (3), สเปน (3), ออสเตรีย (2), แคนาดา (2), ไทย (2), อิตาลี (1), ญี่ปุ่น (1), โปรตุเกส (1), สวีเดน (1) และตุรกี (1)
20. คว้าแชมป์ระดับแกรนด์สแลมรวมตลอดอาชีพ 20 ครั้งเขาเป็นแร็กเกตชายคนแรกในประวัติศาสตร์เทนนิสที่ทำได้ ก่อนจะถูก นาดาล (22) และ ยอโควิช (24) แซงหน้าในเวลาต่อมา
21. เฟเดอเรอร์ คว้าแชมป์แกรนด์สแลมครั้งแรกในอาชีพด้วยวัย 21 ปี โดยเขาแชมป์เมเจอร์รายการแรกก็คือ วิมเบิลดัน ในปี 2003
22. ในวัย 22 ปี "เฟดเอ็กซ์" ก้าวขึ้นสู่มือ 1 ของโลก ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2004 หลังคว้าแกรนด์สแลมรายการที่สอง ในศึกออสเตรเลียน โอเพ่น
23. ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศในการแข่งขันระดับแกรนด์สแลม 23 ครั้งติดต่อกัน ตั้งแต่วิมเบิลดันปี 2004 จนถึง ออสเตรเลียน โอเพ่น ปี 2010 ซึ่งเป็นสถิติการเข้ารอบตัดเชือกติดต่อกันยาวที่สุดของประเภทชายในประวัติศาสตร์เทนนิส นอกจากนี้เขาครองสถิติเข้ารอบ 8 คนสุดท้ายยาวนานที่สุดของประเภทชาย จำนวน 36 ครั้งติดต่อกัน ตั้งแต่วิมเบิลดันปี 2004 ถึง เฟร้นช์ โอเพ่น ปี 2013
24. ชนะรอบชิงชนะเลิศติดต่อกัน 24 ครั้ง ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2003 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2005 ซึ่งเป็นสถิติชนะรอบชิงชนะเลิศติดต่อกันยาวที่สุดของประเภทชายในยุคโอเพ่น และทิ้งห่างอันดับสองอย่าง บียอร์น บอร์ก ที่ชนะติดต่อกัน 15 ครั้ง
25. การลงแข่งขันในทัวร์ยาวนาน 25 ปีโดยไม่เคยถอนตัวเลยตลอดอาชีพ เขาลงแข่งประเภทเดี่ยวทั้งหมด 1,526 แมตช์ (ชนะ 1,251 แพ้ 275) และประเภทคู่ 224 แมตช์ (ชนะ 131 แพ้ 93) และสามารถแข่งขันจบทุกแมตช์
26. การคว้าแชมป์ในการเล่นอินดอร์ตลอดอาชีพ 26 รายการ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของประเภทชายในศตวรรษนี้ ตามด้วย ยอโควิช (20) และ เมอร์เรย์ (15) ตามลำดับ