คาร์ลอส อัลคาราซ มือ 1 โลกจากสเปน ฟอร์มเฉียบหวดชนะ ลอเรนโซ่ มูเซตติ 2 เซตรวด ในศึก นิตโตะ เอทีพี ไฟนอลส์ 2025 ที่ตูริน พร้อมผงาดซิวชัย 3 นัดรวด คว้าตั๋วตัดเชือก และยืนยันจบฤดูกาล 2025 ด้วยตำแหน่ง มืออันดับ 1 ของโลก อย่างเป็นทางการเป็นสมัยที่สองของเจ้าตัว
การแข่งขันเทนนิสชายรายการใหญ่ส่งท้ายฤดูกาล "นิตโตะ เอทีพี ไฟนอลส์ 2025" (Nitto ATP Finals 2025) ชิงเงินรางวัลรวมสูงถึง 15,500,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 503.75 ล้านบาท) ณ เมือง ตูริน ประเทศอิตาลี เมื่อช่วงดึกวันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา ในรอบแบ่งกลุ่ม
ประเภทชายเดี่ยว กลุ่มจิมมี่ คอนเนอร์ส แมตช์สุดท้าย เป็นการพบกันระหว่าง คาร์ลอส อัลคาราซ มืออันดับ 1 ของโลกจากสเปน ซึ่งชนะมาแล้ว 2 แมตช์รวด พบกับ ลอเรนโซ่ มูเซตติ มืออันดับ 9 ของโลกจากอิตาลี ที่มีสถิติชนะ 1 แพ้ 1
ผลปรากฏว่า อัลคาราซ ยังคงรักษาฟอร์มอันยอดเยี่ยมไว้ได้อย่างต่อเนื่อง โดยหวดเอาชนะ มูเซตติ ไปได้ 2 เซตรวด ด้วยสกอร์ 6-4 และ 6-1
ในเซตแรก ทั้งคู่ต่างสู้กันอย่างสูสีและรักษาเกมเสิร์ฟของตัวเองไว้ได้อย่างเหนียวแน่น แต่เป็น อัลคาราซ ที่ใช้ประสบการณ์เบรกเกมเสิร์ฟของ มูเซตติ ได้ในเกมที่ 10 ก่อนคว้าชัยไปที่ 6-4 ส่วนในเซตที่สอง อัลคาราซ เล่นได้อย่างง่ายดายมากขึ้น และสามารถเบรกเกมเสิร์ฟของนักหวดชาวอิตาลีได้ถึง 2 ครั้ง ก่อนปิดแมตช์ด้วยการชนะขาดลอยที่ 6-1
จากชัยชนะดังกล่าว ส่งผลให้ คาร์ลอส อัลคาราซ เก็บชัยชนะในรอบแบ่งกลุ่มได้ 3 แมตช์รวด พร้อมผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศในฐานะ อันดับ 1 ของกลุ่ม ได้สำเร็จ
นอกจากนี้ ชัยชนะในแมตช์นี้ยังทำให้ อัลคาราซ การันตีการครองตำแหน่ง มืออันดับ 1 ของโลก อย่างเป็นทางการในช่วงสิ้นปี (ATP Year-End No. 1) เป็นสมัยที่สองต่อจากปี 2022 ที่เขาสร้างสถิติเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ทำได้สำเร็จ (นับตั้งแต่ปี 1973) ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่ยังคงแข่งขันอยู่ในปัจจุบันคนที่สองต่อจาก โนวัค ยอโควิช ที่ทำสถิตินี้ได้หลายสมัย
อัลคาราซ กล่าวหลังเกมถึงความสำคัญของชัยชนะครั้งนี้ว่า "แมตช์นี้มีความสำคัญกับผมมากจริง ๆ เพราะเราเล่นกันเพื่อแย่งตำแหน่งมือ 1 ของโลกในปีนี้ แน่นอนว่ามันไม่ง่ายเลยในช่วงเริ่มต้น เพราะมีความประหม่าเข้ามาเกี่ยวข้อง ผมพยายามจัดการกับความกดดันนั้นให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมมีความสุขมากกับระดับการเล่นของตัวเอง และที่สามารถจบปีในฐานะ มือ 1 ของโลก ได้สำเร็จ มันเป็นเป้าหมายที่สำคัญมากที่ผมตั้งไว้ตั้งแต่เริ่มปี"
ส่วนผลการแข่งขันอีกคู่ในกลุ่ม จิมมี่ คอนเนอร์ส เป็นทางด้าน อเล็กซ์ เดอ มินอร์ มืออันดับ 7 ของโลกจากออสเตรเลีย เอาชนะ เทย์เลอร์ ฟริตซ์ มืออันดับ 7 ของโลกจากสหรัฐอเมริกา ไปได้ 2-0 เซต ด้วยสกอร์ 7-6(7-3) และ 6-3 ส่งผลให้ เดอ มินอร์ ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศในฐานะอันดับ 2 ของกลุ่มได้สำเร็จ


