ยานนิค ซินเนอร์ มือ 1 โลกจากอิตาลี โชว์ฟอร์มสุดแกร่ง พลิกแซง คาร์ลอส อัลคาราซ แชมป์เก่าชาวสเปน 3-1 เซต ซิวถ้วย Wimbledon 2025 สมัยแรก รับเงิน 3 ล้านปอนด์ พร้อมเพิ่มสถิติแกรนด์สแลมส่วนตัวเป็น 4 รายการ หลังเกมทั้งคู่เปิดใจซาบซึ้งต่อหน้าราชวงศ์อังกฤษและกองเชียร์แน่นเซนเตอร์คอร์ต
ซินเนอร์ เชือดแชมป์เก่า อัลคาราซ คว้าแชมป์วิมเบิลดัน 2025 สุดยิ่งใหญ่
ยานนิค ซินเนอร์ มือ 1 ของโลกจากอิตาลี ผงาดคว้าแชมป์ วิมเบิลดัน 2025 ได้สำเร็จ หลังโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมพลิกแซงเอาชนะ คาร์ลอส อัลคาราซ มือ 2 ของโลกจากสเปนและแชมป์เก่า 2 สมัย ไปอย่างสุดมันส์ 3-1 เซต นับเป็นการปลดล็อกหลังพ่ายให้กับอัลคาราซมาตลอด 5 ครั้งหลังสุด และเป็นแชมป์แกรนด์สแลมรายการที่ 4 ของเจ้าตัวในชีวิต
การแข่งขันเทนนิสแกรนด์สแลมรายการที่ 3 ของปี วิมเบิลดัน 2025 จัดขึ้นที่ ออล อิงแลนด์ ลอน เทนนิส คลับ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ชิงเงินรางวัลรวม 53,550,000 ปอนด์ หรือราว 2,409 ล้านบาท โดยรอบชิงชนะเลิศชายเดี่ยว เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม เป็นการพบกันระหว่าง ซินเนอร์ มือ 1 ของโลก กับ อัลคาราซ มือ 2 ของโลกและแชมป์เก่ารายการนี้ 2 สมัย
ก่อนหน้านี้ทั้งคู่เคยพบกันมาแล้ว 12 ครั้ง โดยอัลคาราซเป็นฝ่ายชนะได้มากถึง 8 ครั้ง และชนะรวดใน 5 ครั้งหลังสุด อย่างไรก็ตาม ในแมตช์นี้ ซินเนอร์เป็นฝ่ายที่คว้าชัยเหนือคู่ปรับสำคัญได้เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
บรรยากาศในเซนเตอร์คอร์ต สุดคึกคัก โดยมีสมาชิกราชวงศ์อังกฤษนำโดย แคทเธอรีน เจ้าหญิงแห่งเวลส์ , เจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ พร้อมพระโอรส-ธิดาทั้ง 3 เสด็จชมการแข่งขัน เช่นเดียวกับ สมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเปที่ 6 แห่งสเปน และเหล่าคนดังจำนวนมาก
เซตแรก ซินเนอร์สามารถเบรกเกมเสิร์ฟของอัลคาราซได้ตั้งแต่ช่วงต้นเซต ทำให้ขึ้นนำไปก่อน อย่างไรก็ตาม อัลคาราซแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยม ด้วยการกลับมาเบรกเกมเสิร์ฟของซินเนอร์ได้ และสามารถพลิกสถานการณ์กลับมานำ อัลคาราซเล่นได้อย่างแข็งแกร่งในช่วงท้ายเซต และสามารถปิดเซตแรกไปด้วยสกอร์ 6-4
เซตสอง ซินเนอร์เริ่มต้นเซตนี้ด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยมและแสดงความมุ่งมั่นที่จะแก้ตัวจากเซตแรก ซินเนอร์สามารถเบรกเกมเสิร์ฟของอัลคาราซได้และรักษาสกอร์นำไว้ได้หลายเกม แม้ว่าอัลคาราซจะพยายามกลับมา แต่ซินเนอร์ก็รักษาฟอร์มการเล่นที่มั่นคง และสามารถปิดเซตที่สองไปด้วยสกอร์ 6-4 ทำให้สถานการณ์กลับมาเสมอกันที่ 1-1 เซต
เซตสาม ในช่วงต้นเซตที่สาม ทั้งสองฝ่ายต่างก็รักษาเกมเสิร์ฟของตัวเองไว้ได้อย่างเหนียวแน่น มีการต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่ไม่มีใครสามารถเบรคเกมเสิร์ฟของอีกฝ่ายได้ง่ายๆ ซินเนอร์สามารถเบรคเกมเสิร์ฟของอัลคาราซได้ในช่วงสำคัญของเซต โดยเฉพาะในช่วงที่สกอร์อยู่ที่ 4-4 ทำให้เขานำ 5-4 และมีโอกาสปิดเซตในเกมเสิร์ฟของตัวเองแล้วก็ไม่ปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไปเอาชนะไปได้ที่ 6-4 ขึ้นนำ 2-1 เซต
เซตสี่ ซินเนอร์ เปิดเกมด้วยความมั่นใจเล่นเกมรีเทิร์นสวนใส่ อัลคาราซ และเบรคเสิร์ฟได้ในเกมที่ 3 แล้วมาออนเสิร์ฟในเกมต่อมาแซงนำ 3-1 จากนั้น ซินเนอร์ ยังเล่นด้วยความมั่นใจและคุมเกมได้เหนือกว่ามาปิดแมตช์เอาชนะไปได้ที่ 6-4 ทำให้เอาชนะไปได้ 3-1 เซต
ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ ยานนิค ซินเนอร์ คว้าแชมป์วิมเบิลดันเป็นครั้งแรกในอาชีพ และนับเป็นแชมป์แกรนด์สแลมรายการที่ 4 ต่อจาก ออสเตรเลียน โอเพ่น 2 สมัย (2024, 2025) และ ยูเอส โอเพ่น 2024 พร้อมรับเงินรางวัล 3,000,000 ปอนด์ (ประมาณ 135 ล้านบาท) ขณะที่อัลคาราซ รับเงินรางวัลรองแชมป์ 1,520,000 ปอนด์ (ราว 68.4 ล้านบาท)
แคทเธอรีน เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ทรงพระราชทานถ้วยรางวัลให้กับทั้งสองนักกีฬาในพิธีมอบรางวัลอย่างยิ่งใหญ่
คำกล่าวหลังจบเกมของทั้งสองนักกีฬา
คาร์ลอส อัลคาราซ กล่าวว่า
"มันยากเสมอที่จะแพ้ โดยเฉพาะในรอบชิง ผมต้องแสดงความยินดีกับซินเนอร์ เขาคู่ควรกับชัยชนะครั้งนี้จริงๆ เราเป็นคู่แข่งที่ผลักดันกันมาตลอด ผมภูมิใจในตัวเองและทีมของผม รวมถึงครอบครัวที่อยู่เคียงข้างตลอด ปีหน้าผมจะกลับมาอีกครั้งแน่นอน วิมเบิลดันคือบ้านหลังหนึ่งของผม"
เขายังกล่าวขอบคุณ สมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเปที่ 6 ที่เสด็จชมการแข่งขัน และย้ำว่ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พระองค์เสด็จมาให้กำลังใจด้วยพระองค์เอง
ยานนิค ซินเนอร์ กล่าวว่า
"ผมอยากเริ่มต้นด้วยการยกย่องคาร์ลอสที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม เขาเป็นนักเทนนิสชั้นยอดและเป็นเพื่อนที่ดีนอกสนาม ผมมีความสุขมากที่สามารถคว้าแชมป์นี้ต่อหน้าครอบครัว ทีมงาน และพี่ชายของผมที่มาร่วมเชียร์ด้วยในวันนี้"
ซินเนอร์ยังกล่าวถึงความฝันในวัยเด็กว่าไม่เคยคิดว่าจะมายืนบนจุดนี้ได้ และย้ำว่าทุกอย่างเกิดจากการทำงานหนักและเรียนรู้จากความพ่ายแพ้ เขาปิดท้ายด้วยความหวังว่าจะได้กลับมาอีกในอนาคตในฐานะสมาชิกของ All England Club และจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาทั้งในฐานะนักกีฬาและในฐานะคนธรรมดาคนหนึ่ง ผมอยากจะขอบคุณทีมงานของผมและทุกคนที่มารวมตัวกันที่นี่ในวันพิเศษนี้ มันมีความหมายมากสำหรับผม พวกเขาคอยผลักดันให้ผมเป็นนักเทนนิสที่ดีขึ้น แต่ก็เป็นคนที่ดีขึ้นด้วย ขอบคุณครับ"