"สุชัย" โต้ข่าวซื้อเสียง 200 ล้าน ยันช่วยวงการกีฬาไม่ได้หาเรื่องใคร

"สุชัย" โต้ข่าวซื้อเสียง 200 ล้าน ยันช่วยวงการกีฬาไม่ได้หาเรื่องใคร
สุชัย พรชัยศักดิ์อุดม นายกสมาคมเทนนิสไทย ออกโรงโต้ข่าวลือใช้เงิน 200 ล้านบาท ซื้อเสียงเลือกตั้งประธานโอลิมปิกไทย ยืนยันเงินดังกล่าวเป็นเพียงกองทุนสนับสนุนสมาคมกีฬา ไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง พร้อมประกาศจุดยืนสนับสนุนวงการกีฬาไทยอย่างบริสุทธิ์ใจ

เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2568 ที่ห้องประชุมชั้น 2 ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ สมาคมกีฬาลอนเทนนิสฯ เมืองทองธานี จ.นนทบุรี นายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม นายกสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทยฯ เปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับกรณีที่มีประเด็นข่าวที่ตนเองและสมาคมโดนพาดพิงเกี่ยว การเลือกตั้งคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ เมื่อ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งในข่าวได้มีการรายงานว่ามีการใช้เงินซื้อเสียงรวม 200 ล้านบาท

ภายในการแถลงข่าวมี ดร.มนตรี ไชยพันธุ์ อดีตรักษาการผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต พร้อมด้วย ดร.สีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ นายกสมาคมกีฬาฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตติ้งแห่งประเทศไทย และนายอรรถพล วงศ์รัตน์ ผู้จัดการสมาคมกีฬารักบี้ฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่โดนพาดพิง ร่วมแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชนด้วย

นายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม กล่าวว่า สำหรับตนคิดว่าข่าวการเลือกตั้งนั้นน่าจะจบแล้วหลังการเลือกตั้งประธานโอลิมปิคไทย ซึ่งตนเองไม่ติดใจอะไรแล้ว แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน ตนได้รับทราบถึงประเด็นข่าวที่ ศ.(พิเศษ) เจริญ วรรธนะสิน รองประธานโอลิมปิคไทย ได้ให้ข่าวว่ามีการใช้เงินซื้อเสียง 200 ล้านบาท ทำให้ตนเอง รวมถึงสมาคมกีฬาฟิกเกอร์ฯ และรักบี้ฯ อยากจะออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงถึงเรื่องนี้ ซึ่งจริงๆแล้วนี่เป็นนโยบายกองทุนเพื่อช่วยเหลือสมาคมกีฬา เป็นแนวคิดของ ดร.มนตรี ไชยพันธุ์ ที่ไม่เกี่ยวกับการใช้เงินซื้อเสียงแต่อย่างใด

"ผมอยากบอกว่าหลังจบการเลือกตั้งวันนั้น ผมกลับบ้านไปเจอลูกเมียยินดีกับผมที่ไม่ได้เป็นประธานโอลิมปิคไทย และลูกเมียต้องไปแก้บน ถึงตอนนี้ผมคิดว่าพวกเขาคิดถูก ขนาดไม่ได้เป็นยังขนาดนี้ ถ้าได้เป็นจะขนาดไหน วันนี้ก็อยากจะชี้แจงเรื่องกองทุน 200 ล้านบาท และขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมให้ข้อเท็จจริงในวันนี้"

นายสุชัย กล่าวอีกว่า อยากฝากคณะกรรมการโอลิมปิคไทยฯ ชุดนี้ว่า ตนเองรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย และยินดีสนับสนุนวงการกีฬาไทย และอยากให้ทุกคนคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศ และประชาชนที่จะมาร่วมยินดีกับความเป็นเลิศของกีฬาไทย ตนไม่อยากเข้ามาหาเรื่อง และอยากที่จะเข้ามาสนับสนุนวงการกีฬาอย่างแท้จริง

ด้าน ดร.สีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ กล่าวว่า พอได้เห็นข่าวดังกล่าวตนใจมาก ถึงทางฝั่งนายสุชัยจะแพ้เลือกตั้ง แต่ก็ยังศรัทธากับหลายสมาคมกีฬา และสนับสนุนกันต่อไปสู่ความเป็นเลิศ แต่ไม่เข้าใจเช่นกันว่า ทำไม ศ.(พิเศษ) เจริญ ทำไมให้ข่าวแบบนั้น ตนรู้จักท่านมา 30 ปี ส่วนคุณพ่อ (พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์) รู้จักท่านมา 60 ปี ทุกคนรู้ว่าเป็นยังไง คุณพ่อสอนผมมา เรื่องการรับเงินตระกูลนี้ไม่มี พ่อเคยสอนอีกว่า เราทำดีมาเท่าไร แต่ทำพลาดครั้งเดียว เขาจะจำความผิด ซึ่งตนอยากให้ ศ.(พิเศษ) เจริญ ทบทวนดู ให้นึกถึงคำของคุณพ่อที่เคยพูดกับคนในโอลิมปิคไทยให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ความจริงก็คือความจริง เราไม่จำเป็นต้องตอบโต้ ส่วน ดร.สุชัย บอกว่าจะสนับสนุนต่อไป เพราะคนจริงก็คือคนจริง และคนกีฬาทุกคนต่างรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย เช่นเดียวกับเรา

นายอรรถพล วงศ์รัตน์ ผู้จัดการสมาคมกีฬารักบี้ฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตัวแทนของ พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ นายกสมาคม กล่าวว่า ในตอนที่มีการเลือกตั้งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ทาง พ.ต.ท.กุลธนฯ แจ้งกับตนว่า อยากจะขอฟังนโยบายของ ผศ.พิมล กับ นายสุชัย ก่อนแล้วถึงจะตัดสินใจ ซึ่งก็ชื่นชอบนโยบายของ นายสุชัย เป็นอย่างมาก เพราะเป็นการแก้ไขปัญหาของการกีฬา ได้อย่างตรงจุดและสมาคมกีฬา ทุกสมาคมฯ ก็จะได้ประโยชน์จากการเบิกจ่ายเงินที่ล่าช้า และขาดสภาพคล่องให้กับนักกีฬา เป็นการพัฒนาและช่วยเหลือวงการกีฬาแบบเดียวกัน กับที่ ท่านนายกฯ คิด เลยตัดสินใจเลือก ที่จะสนับสนุนนายสุชัย แต่หลังจากเลือกตั้งแล้วปรากฏว่านายสุชัย ไม่ได้รับเลือกเป็นประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย

อรรถพล วงศ์รัตน์ ยังกล่าวต่อว่า หลังจากเลือกตั้งจบไป ทาง พ.ต.ท.กุลธน ก็ยังได้มีการพูดคุยแนวทางการพัฒนากีฬากับนายสุชัยอย่างต่อเนื่อง แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งในที่สุดก็ได้มีการพูดถึงผลงานรักบี้หญิงทีมชาติไทยที่ตอนนั้นกำลังอยู่ในช่วงแข่งขันเวิลด์รักบี้ชาเลนจ์ซีรีส์ ที่มีโอกาสได้เข้าเพลย์ออฟเวิลด์ซีรีส์ รวมทั้งอยู่อันดับ 3 เอเชีย มีลุ้นได้ไปโอลิมปิกเกมส์ ประเภททีม ซึ่งเมื่อนายสุชัยได้ฟังก็เห็นว่าน่าจะสนับสนุนให้ไปให้ถึงฝัน ระดับเวิลด์ซีรีส์หรือโอลิมปิก จึงมีการนำเงินส่วนตัวจำนวน 5 ล้านเพื่อสนับสนุนรักบี้ฯและฟิกเกอร์เก็ต เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย อย่างไรก็ตามเมื่อสมาคมได้ถูกพาดพิงทาง พ.ต.ท.กุลธน ได้ฝากมาบอกว่ากำลังปรึกษาฝ่าย กฎหมาย ว่าเป็นการหมิ่นประมาทสมาคมฯ หรือไม่ และในอนาคตอันใกล้ อาจจะมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น หากเข้าข้อกฎหมาย  ก็อยากจะฝาก ศ.เจริญไว้เท่านี้ครับ" อรรถพล กล่าว

มนตรี ไชยพันธุ์ อดีตรักษาการผู้ว่าการกกท. เผยว่า จริงๆตนไม่ได้มีประเด็นกับผู้บริหารท่านใดหรือคณะไหน ใครจะมาบริหารนั้นก็เป็นเรื่องการเลือกตั้ง ด้วยความนับถือกับพี่สุชัย สนิทและทำงานด้วยกันมาก่อน ตนก็ได้มีการพูดคุยถึงแนวทางในการพัฒนาและปัญหาที่เกิดขึ้นในวงการกีฬาไทย โดยเฉพาะเรื่องของงบประมาณและการเบิกจ่ายเงินสนับสนุนวงการกีฬาที่ไม่คล่องตัวตามระบบของราชการ ซึ่งได้ปรึกษาและเรียนกับคุณสุชัยในฐานะพี่ใหญ่ ถึงความเป็นไปได้ในการนำเงินมาให้น้องๆสมาคมกีฬาต่างๆหยิบยืมว่าพอจะเป็นไปได้หรือไม่ ซึ่งถ้ามีให้และอนุมัติ ก็จะให้ทำในรูปแบบให้ยืมและใช้คืน ตนในฐานะที่เคยดูแล กกท.มาก่อน ยืนยันว่าทุกๆสมาคมไม่หนีแน่นอน และพี่สุชัยก็เห็นควรด้วย ก่อนสุดท้ายจะออกมาเป็นที่มาของกองทุนจากภาคเอกชน 200 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนและให้การช่วยเหลือสมาคมกีฬาที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งเรื่องนี้ก็มีการศึกษาและไม่ขัดกับหลักกฎหมายแต่อย่างใด และก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดีกับวงการกีฬาไทย หากกองทุนดังกล่าวจัดตั้งได้แล้วเสร็จสมบูรณ์

พลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา กล่าวว่า ในฐานะอดีตเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ สิ่งที่ผิดหวังในการเลือกตั้งคือการเสนอชื่อ ศาสตราจารย์พิเศษ เจริญ วรรธนะสิน เป็นประธานจัดการเลือกตั้ง เพราะเชื่อว่าด้วยประประสบการณ์ในการจัดการเอกตั้งมาแล้วถึง 7 ครั้งน่าจะมีความเป็นกลาง โปรงใส นั่นคือสิ่งที่คนเป็นประธานควรจะให้ความสำคัญ แต่ในวันนั้นเราได้เห็นแล้วว่า นายเจริญ ไม่ได้เป็นกลาง ทำให้ผิดหวังและเสียใจเพราะคิดว่าน่าจะทำอะไรได้ดีกว่านี้

"หลังการเลือกตั้ง นายเจริญ ได้โทรมาหาตำหนิว่าไปให้ข่าวกล่าวหาว่าเขาไม่เป็นกลาง ผมจึงย้อนกลับไปว่าตัวเขาเองควรจะรู้และละอายใจในสิ่งที่ทำ สิ่งที่พูดออกไปมันคือความผิดหวัง ซึ่งก่อนหน้านี้ศรัทธาและเคารพในตัวเขานี่คือสิ่งที่ผมยืนยันได้เลยว่า นายเจริญ เป็นบุคคลที่ใช้ไม่ได้"

พลเอกวิชญ์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ นายเจริญ ยังมากล่าวหาในสิ่งที่เขาวางเป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง เรื่องเงิน 200 ล้านบาทมากล่าวหาว่าเอาเงินมาซื้อเสียงเลือกตั้ง ส่วนตัวคิดว่ามันไม่ถูกต้อง

"สิ่งที่ติดใจคือ นายเจริญ ซึ่งเชื่อได้ว่า นายเจริญ อายุ 88 ปีแล้ว แต่ยังพยายามรักษาในสิ่งที่คิดว่าผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่ใช่สุภาพบุรุษ ปากหวานก้นเปรี้ยว วันนี้ขอยืนยันว่าสิ่งที่เขากล่าวหาเป็นเพียงนโยบายของนายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม ส่วนตัวไม่ได้ติดใจผลเลือกตั้ง ยอมรับเพราะในเมื่อคณะกรรมการโอลิมปิกสากลรับรองมาแล้วก็หมดหน้าที่ไป แต่สิ่งที่ติดใจคือ นายเจริญ ไม่ยอมจบ" พลเอกวิชญ์ กล่าวเสริม

ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport