10 ข่าวเด่นรอบปี 2568 ตอนที่ 1 : ตะกร้อไทยเสียบัลลังก์, ดราม่าซีเกมส์, แชมป์โลกสู่ลุงขี้เมา

10 ข่าวเด่นรอบปี 2568 ตอนที่ 1 (อันดับ 10-6)

กาลเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เผลอแป๊บเดียวปี พ.ศ. 2568 หรือ ค.ศ. 2025 กำลังจะผ่านพ้นไป ตลอด 365 วันที่ผ่านมา มีหลากหลายเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นในวงการกีฬาบ้านเรา หลายเรื่องเป็นเหตุการณ์น่ายินดีที่ทำให้แฟนกีฬาชาวไทยมีความสุขกันถ้วนหน้า แต่ก็มีอีกหลายเหตุการณ์ที่เป็นเรื่องที่แฟนกีฬาไม่อยากจดจำ

ทางทีมงาน SIAMSPORT จะขอนำเสนอ 10 ข่าวเด่นในรอบปี 2568 มาให้กับแฟนๆ ได้ติดตามกัน โดยจะขอแบ่งเป็น 2 ตอน ตอนแรกจะเป็นอันดับ 10-6 ดังนี้

อันดับ 10: ตะกร้อไทยเสียบัลลังก์เบอร์ 1 โลก

หลังจบเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 19 ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน เมื่อปี 2023 ตะกร้อไทยเริ่มพ่ายให้กับมาเลเซียมากขึ้น ทั้งในประเภททีมเดี่ยวชายและตะกร้อคู่ในศึกเวิลด์คัพ 2024 และเอเชียนคัพ 2025 ที่ประเทศมาเลเซีย

อย่างไรก็ตาม ในศึกซีเกมส์ครั้งที่ 33 เมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา หลายคนมองว่าทัพหวายไทยน่าจะคืนฟอร์มเพราะได้เล่นในบ้านตัวเอง แต่ผลที่ออกมากลับไม่เป็นเช่นนั้น ทีมเซปักตะกร้อไทยที่เคยยิ่งใหญ่กลับไม่สามารถคว้าเหรียญทองได้เลย โดยประเภททีมชุดพ่ายมาเลเซียในรอบชิงชนะเลิศไป 1-2 ทีม พลาดเหรียญทองเป็นครั้งแรกในรอบ 34 ปี

แถมในประเภททีมเดี่ยวและตะกร้อ 4 คน ยังชวดเข้าชิงและทำได้เพียงเหรียญทองแดง หลังพ่ายให้กับเวียดนามในรอบตัดเชือกทั้ง 2 ประเภท ในขณะที่มาเลเซียกวาดแชมป์ทั้งทีมชุดและทีมเดี่ยว เสมือนว่าทัพ "เสือเหลือง" ได้แย่งบัลลังก์เบอร์ 1 ของโลกไปจากไทยอย่างสมบูรณ์แล้ว

อันดับ 9: เสียงสะท้อนจากแฟนกีฬา กับบทบาทเจ้าภาพซีเกมส์ของไทย

ประเทศไทยคือหนึ่งในชาติที่มีประสบการณ์จัดมหกรรมกีฬานานาชาติมากที่สุด ทั้งเอเชียนเกมส์ 4 สมัย และซีเกมส์รวม 6 สมัย ก่อนรับบทเจ้าภาพซีเกมส์ครั้งที่ 33 เป็นครั้งที่ 7 ของประเทศ

อย่างไรก็ตาม ซีเกมส์หนล่าสุดยังมีเสียงสะท้อนจากแฟนกีฬาในหลายมิติ โดยเฉพาะภาพรวมของพิธีเปิด–ปิดการแข่งขัน รวมถึงรายละเอียดด้านเทคนิคบางส่วน และการบริหารจัดการแข่งขันในแต่ละวัน ซึ่งกลายเป็นประเด็นพูดถึงตลอดทัวร์นาเมนต์

เสียงเหล่านี้จึงถูกมองว่าเป็น “บทเรียนสำคัญ” สำหรับวงการกีฬาไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานการจัดอีเวนต์ระดับภูมิภาคให้สมกับศักยภาพและความคาดหวังของแฟนกีฬาในอนาคต

อันดับ 8: ปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ส่งผลต่อวงการกีฬา

จากปัญหาความขัดแย้งตามแนวชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาตั้งแต่ช่วงกลางปี จนมีผู้เสียชีวิตทั้งทหารและพลเรือน ทำให้หลายฝ่ายเกรงว่ากัมพูชาจะบอยคอตไม่ส่งนักกีฬามาร่วมแข่งขัน เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีตยุคกีฬาแหลมทองช่วงกรณีพิพาทเขาพระวิหาร

ในตอนแรกฝ่ายกัมพูชายืนยันว่าจะส่งนักกีฬามาแน่นอน แม้จะลดจำนวนจาก 600 กว่าคน เหลือเพียง 200 กว่าคน และนักกีฬาได้เดินทางมาถึงไทยก่อนแข่งเพียงไม่กี่วัน ทว่าหลังเสร็จสิ้นพิธีเปิดการแข่งขัน จู่ๆ ทัพนักกีฬากัมพูชาประกาศถอนตัวทุกชนิดกีฬาอย่างกะทันหัน เสมือนจงใจสร้างความวุ่นวายให้ไทยในฐานะเจ้าภาพ

อันดับ 7: เปตองไทยโดนสหพันธ์โลกขู่แบน

ก่อนซีเกมส์ครั้งที่ 33 จะเริ่มประมาณ 2 เดือน เกิดเหตุดราม่าเมื่อสหพันธ์เปตองและโบว์ลโลก (WPBF) โดยประธาน โคลด อาเซมา (Claude Azema) ส่งหนังสือถึงคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ระบุว่า จะไม่รับรองการแข่งขันเปตองในซีเกมส์ครั้งนี้ หากนักกีฬาคนใดฝ่าฝืนลงแข่งจะโดนแบนห้ามแข่งขันระดับนานาชาติเป็นเวลา 2 ปี

สาเหตุมาจากอดีตนายกสมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทยที่ถูกสหพันธ์โลกแบนด้วยเหตุผลด้านจริยธรรม ยังคงเข้ามาแทรกแซงการบริหารงานภายใน จนทำให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลด้านกีฬา ต้องลงมาช่วยแก้ปัญหา จนสุดท้ายอดีตนายกสมาคมฯ ยอมประกาศวางมือ สหพันธ์โลกจึงปลดแบนให้กีฬาเปตองแข่งขันในซีเกมส์ได้ตามปกติ

อันดับ 6: อำนาจ รื่นเริง จากแชมป์มวยโลกสู่คนเมาข้างถนน

ในเดือนตุลาคม มีคลิปหลุดเหตุทะเลาะวิวาทในร้านสะดวกซื้อที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งชายในคลิปคือ “เพชร” อำนาจ รื่นเริง อดีตแชมป์โลก IBF รุ่นฟลายเวต และอดีตนักชกทีมชาติไทยเจ้าของเหรียญทองแดงชิงแชมป์โลก 2007 ที่อยู่ในสภาพเมามายขาดสติและก่อเหตุทะเลาะกับพนักงานส่งของ

ภายหลังทราบว่าอำนาจติดแอลกอฮอล์อย่างหนักจากอาการเศร้าหลังเลิกรากับภรรยา แม้องค์กรกีฬาอย่างสมาคมกีฬามิกซ์มาร์เชียลอาร์ตประเทศไทย (MMA) จะยื่นมือเข้าช่วยโดยให้โอกาสไปเป็นผู้ฝึกสอน แต่อดีตแชมป์โลกยังคงกลับไปดื่มและอาละวาดจนถูกตำรวจจับกุมซ้ำซาก ทั้งในวันที่ 1 และ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา จนสุดท้ายผู้เกี่ยวข้องต้องนำตัวไปรักษากับ “หมอปลา” เพื่อหาทางบำบัดต่อไป